**********ค่านิยมร่วม สังคมไทยที่ต้องเปลี่ยนแปลง*****




คัดค้าน พ.ร.บ.นิรโทษกรรม: ตามกระแสหรือปกป้องความถูกต้อง?

“อย่าไปทำตามกระแส” “คงอยากเด่นอยากดังมั้ง” “เราอยู่ในระบอบประชาธิปไตย ต้องปล่อยให้ระบบรัฐสภาแก้ปัญหาเอง ไม่ควรไปชุมนุม”  “ไม่ควรแสดงออกมากขนาดนี้ เดี๋ยวจะมีปัญหากับตัวเองนะ”  “ทำไมเปิดตัวเลือกข้างชัดเจน ไม่กลัวหรอ” “เลือกข้างหรอคะ”  




ประโยคเหล่านี้ได้มีการกล่าวถึงและพูดคุยกันบ่อยขึ้นในสังคมไทยวันนี้ โดยสังเกตได้จากคนสนิทใกล้ตัวในครอบครัว เพื่อนร่วมงาน หรือแม้แต่ในพื้นที่สาธารณะที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อนก็มีการกล่าวขานกันอย่างกว้างขวาง คำถามที่ต้องขบคิดกันคือ ทำไมสังคมจึงมีการพูดคุยหรือถกเถียงกันมากถึงการแสดงออกต่อการคัดค้าน พ.ร.บ.นิรโทษกรรมฯ ว่าเป็นการทำตามกระแสสังคมหรือทำเพื่อปกป้องความถูกต้อง?

หลักใหญ่ใจความ

ย้อนกลับไปทบทวนถึงที่มาที่ไปก่อนคือ หลังจากที่สภาผู้แทนราษฎร (สส.) มีมติเสียงส่วนใหญ่ 310 เสียง เห็นด้วยในวาระที่ 2 และ 3 ของการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมแก่ผู้ซึ่งกระทำความผิดเนื่องจากการชุมนุมทางการเมืองและการแสดงออกทางการเมืองของประชาชน พ.ศ. .... หรือ พ.ร.บ. นิรโทษกรรมแบบสุดซอยหรือเหมาเข่งเมื่อกลางดึกวันที่ 31 ตุลาคม 2556 ต่อเนื่องจนถึงเวลาตี 4 ของวันที่ 1 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556  สังคมไทยตื่นขึ้นมาพร้อมกับความงงงวย อารมณ์และความรู้สึกต่างๆ เช่น ตกใจ แปลกใจ ไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น แต่บางคนกลับไม่รู้สึกแปลกใจหรือกังวลกับสิ่งที่เกิดขึ้นแม้แต่น้อยเพราะฟังดูเหมือนเป็นเรื่องไกลตัวและไม่มีบทบาทหน้าที่เกี่ยวข้องใดๆ

ผลผลิตชิ้นงานเอกของ 310 เสียง

สิ่งที่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเสียงส่วนใหญ่จำนวน 310 เสียง ผลิตเป็นผลงานหรือชิ้นงาน (output) ออกมาคือ ร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมฯ ที่ได้ผ่านความเห็นชอบจาก สส.เสียงส่วนใหญ่ ซึ่งเป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ก่อนหน้าคือ ต้องพิจารณาลงมติเห็นชอบกับ พ.ร.บ.ฉบับนี้อย่างรวดเร็วและผลักดันเป็นกฎหมายทันทีเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้  และ ณ วันนี้ ความพยายามนั้นก็เป็นจริงตามที่มุ่งหวัง พร้อมกับได้ส่งผลผลิต (output) หรือ ชิ้นงานสำคัญนี้ให้แก่วุฒิสภาเพื่อพิจารณาและหากได้รับความเห็นชอบจากวุฒิสภาก็สามารถออกเป็นกฎหมายบังคับใช้กับสังคมต่อไป

แต่ด้วยกระแสการคัดค้านอย่างกว้างขวางของสังคมต่อร่างกฎหมายฉบับนี้ ทำให้สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) มีมติไม่รับหลักการในวาระที่ 1 ของการประชุมวุฒิสภาด้วยเสียง 141 เสียง ทำให้ร่าง พ.ร.บ. นิรโทษกรรมฯ ต้องส่งกลับมายังสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งกฎหมายรัฐธรรมนูญกำหนดว่าถ้าวุฒิสภามีมติไม่รับหลักการ ผลที่เกิดขึ้นคือ ร่างกฎหมายนั้นจะค้างอยู่ในรัฐสภาโดยไม่อนุญาตให้ดำเนินการใดๆ เป็นเวลา 180 วัน แต่กฎหมายรัฐธรรมนูญจะให้สิทธิสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรอีกครั้งที่จะเสนอร่างกฎหมายที่ค้างอยู่ในรัฐสภากลับมาพิจารณาใหม่เพื่อลงมติเห็นชอบและบังคับเป็นกฎหมายได้อีกครั้ง    

และนี่คือความห่วงกังวลใจของผู้คัดค้าน พ.ร.บ.นิรโทษกรรมนี้ว่าหลังจาก 180 วันผ่านไป สส. เสียงใหญ่จะนำร่างกฎหมายฉบับนี้กลับมาพิจารณาลงมติผ่านเป็นกฎหมายอีกครั้งหรือไม่ โดยไม่เปิดโอกาสให้ผู้คัดค้านหรือผู้ไม่เห็นด้วยกับร่างกฎหมายดังกล่าวได้มีโอกาสตั้งตัวดังเช่นทุกวันนี้


ปฏิกิริยาของสังคมต่อผลผลิตชิ้นงานเอก: บวกและลบ?


.........................................อ่านต่อ  http://www.isranews.org/isranews-article/item/25184-law_25184.html
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่