การประท้วงที่ไร้เหตุผล!

กระทู้สนทนา


คอลัมน์ : เป็นประชารัฐ

ผู้เขียน : อัคนี  คคนัมพร


ศาลโลกมีคำพิพากษาคดีเขาพระวิหารครั้งนี้เป็นที่พอใจของทั้งสองประเทศ ไม่เป็นไปตามความหวาดวิตกของคนทั้งสองประเทศก่อนหน้านี้แต่อย่างใด

ใครจะเรียกการตัดสินครั้งนี้ว่าอย่างไรสุดแต่ประสบการณ์และภูมิรู้ของแต่ละคน สำหรับผู้เขียนขอเรียกคำตัดสินครั้งนี้ว่า “เสมอกัน”

                ความเสมอกันนี้เองทำให้ไม่มีฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดเสียหน้า ไม่มีฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดเสียพื้นที่ มีคนอยู่เพียงกลุ่มเดียวเท่านั้นที่ “เสียใจ”

คนกลุ่มนี้คือ กลุ่มคนไทยที่เพียรพยายามปลุกระดมความรักชาติติดต่อกันมาหลายปี ยกเหตุผลต่างๆนานาว่ารัฐบาลพรรคพลังประชาชนในอดีตทำให้เสียแผ่นดิน รัฐบาลพรรคเพื่อไทยในปัจจุบันก็จะทำให้ประเทศไทยเสียดินแดน

พวกเขารณรงค์ให้ประชาชนมีมติไม่ยอมรับคำพิพากษาของศาลโลก!

การพูดจาปราศรัยทำนองนี้ การเผยแพร่ข่าวสารในลักษณะเดียวกันนี้ยาวนานต่อเนื่องกันมาจนน่ากลัวว่าจะมีคนคล้อยตามไปบ้างสักจำนวนหนึ่ง จะเห็นได้ว่าคนจำนวนนั้นมุ่งหวังให้คำพิพากษาของศาลโลกในวันที่ 11 พฤศจิกายน ออกมาเป็นผลเสียแก่ประเทศไทย

และถ้าเหตุการณ์เกิดขึ้นเช่นนั้นจริง พวกเขาก็จะอ้างเป็นเหตุโค่นล้มรัฐบาลได้อย่างมีน้ำหนัก เป็นการรวบเอาชัยชนะเข้ามาไว้ในมืออย่างรวบรัดสะดวกง่ายดาย!

                กลุ่มคนพวกที่ว่านี้ก็คือ พรรคประชาธิปัตย์ คปท. พันธมิตรเสื้อเหลือง สันติอโศก นักวิชาการในมหาวิทยาลัย นักศึกษาผู้อ่อนเยาว์ ฯลฯ

พวกเขาเหล่านี้ออกมาชุมนุมคัดค้านกฎหมายนิรโทษกรรมเป็นการอุ่นเครื่องอยู่ก่อนแล้ว แต่เมื่อพรรคเพื่อไทยและ นปช. แดงทั้งแผ่นดินไหวทัน ถอดชนวนระเบิดออกได้หมด พวกเขาก็หมดหวังที่จะโค่นล้มรัฐบาลด้วยกฎหมายนิรโทษกรรม จากนั้นก็เลยหันมาคว้าเอากำหนดนัดหมายที่ศาลโลกจะมีคำพิพากษา ซึ่งรู้ๆกันอยู่ว่าคือวันที่ 11 พฤศจิกายน

พวกเขาให้ความสำคัญกับ 11 พฤศจิกายน ประหนึ่งเป็นวันหยุดโลก

ชักชวนกันให้คอยจับตามองอย่ากะพริบ!

                แต่สุดท้ายแล้วก็อย่างว่าแหละครับ ศาลโลกเขาออกคำพิพากษามาอย่างสวยงามตามหลักสร้างสันติภาพ ไม่ใช่สร้างสงคราม รัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร พลิกกลับมาอยู่ในสถานะที่ได้เปรียบต่อไปเหมือนเดิม

ม็อบของพรรคประชาธิปัตย์ก็เลยออกอาการเพลีย

                คนเราเมื่อเทพยดาฟ้าดินหรือแม้แต่ธรรมชาติก็ไม่เข้าข้างเสียแล้ว สภาพจิตใจก็แปรปรวนไป ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ 9 คน นำโดยนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ก็ลาออกจากความเป็น ส.ส. ท่ามกลางความฉงนฉงายของนักสังเกตการณ์ทางการเมืองทั้งหลาย

หลายคนวิจารณ์ว่านี่เป็นหมากการเมืองเกมใหม่ที่มีความลึกซึ้งเกินหยั่งคาด เพราะมีลีลาเหมือนกระโดดร่มดิ่งพสุธา คือไม่รู้ว่าทำแล้วร่มจะกางหรือไม่

คนที่มีประวัติเป็นถึงรองนายกรัฐมนตรี ถ้าไม่มีอะไรดี ๆ คงจะไม่เสี่ยงกระทำ เฉพาะอย่างยิ่งตำแหน่ง ส.ส. นั้นมีความสำคัญทางการเมืองมาก เป็นตำแหน่งที่ได้มาจากการเลือกตั้งของประชาชน การลาออกจาก ส.ส. ถือว่าเป็นการสละหรือละทิ้งพันธกิจที่ประชาชนมอบหมาย ดังนั้น ถ้าไม่มีพันธกิจอะไรลึกซึ้งใหญ่หลวงกว่านั้น นักการเมืองคงไม่สละตำแหน่ง ส.ส.

                แต่ผู้เขียนเองไม่ได้คิดเช่นนั้น ผู้เขียนมองว่าเรื่องนี้น่าจะมีปัญหาลึกลับในพรรคประชาธิปัตย์ ปัญหานั้นคือการที่นายสุเทพออกมาเคลื่อนไหวผนึกกำลังกับคนไม่จำแนกกลุ่มนอกสภา โดยหวังว่าจะโค่นล้มรัฐบาล แต่ครั้นการดำเนินงานตากฝนอยู่ 15 วัน ไม่ประสบความสำเร็จ คนในพรรคก็คงรู้สึกอับอาย และวิพากษ์วิจารณ์กันว่าเหตุใดพรรคประชาธิปัตย์ซึ่งเป็นพรรคเก่าแก่จึงดำเนินการทางการเมืองอย่างน่าละอายเช่นนี้ เหตุใดจึงยกอนาคตของพรรคไปไว้ในมือนายสุเทพซึ่งหมดความสำคัญไปแล้ว

และแน่นอนว่าในการพูดนั้นก็คงต้องพาดพิงไปถึงกรณีที่นายสุเทพและนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ จะต้องไปขึ้นศาลอาญาในฐานะจำเลยในวันที่ 12 ธันวาคมเข้าด้วย เรื่องดังกล่าวนี้เมื่อถึงหูนายสุเทพ ซึ่งเป็นคนมุทะลุอยู่แล้ว เลยใช้วิธีประชดประชันด้วยการลาออกจาก ส.ส. ให้รู้แล้วรู้รอดไปเลย

นายสุเทพเป็นคนใหญ่ เป็นคนมีพวก เมื่อนายสุเทพลาออก ถ้าปล่อยให้ออกไปคนเดียวก็จะเป็นการน่าเกลียด ไม่สมศักดิ์ศรี บริวารของนายสุเทพก็เลยลาออกตามไปอีก 8 คน รวมเป็น 9 หวังว่าจะมีผลกระทบทางการเมืองตามสมควร

แต่ผู้เขียนรู้สึกว่าจนกระทั่งถึงบัดนี้ยังไม่มีผลกระทบอะไร และยังไม่เห็นแผนลึกซึ้ง-ลึกลับอะไรอีกด้วย คงจะเป็นแต่เพียงว่ามี ส.ส. หายไป 9 คน กกต. ก็เตรียมการจัดให้มีการเลือกตั้งซ่อม ระหว่างนี้ประเทศสามารถประหยัดงบประมาณแผ่นดินค่าเงินเดือน ส.ส. ไปจำนวนหนึ่งเท่านั้น

ในส่วนของงานโค่นล้มรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง ซึ่งทำกันด้วยอารมณ์มากกว่าเหตุผลนั้น ถึงตอนนี้ปรากฏว่าขบวนการคนเสื้อแดงเขาลุกขึ้นมาปฏิบัติการขัดขวางเสียอีกแล้ว

คนเสื้อแดงหรือ นปช. แดงทั้งแผ่นดิน เขาจับมือกับพรรคเพื่อไทย ซึ่งได้แก่รัฐบาลปัจจุบันนั่นเอง จัดชุมนุมปราศรัยกับประชาชนทั่วประเทศเพื่อชี้แจงข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย เนื่องจากม็อบโค่นล้มซึ่งอยู่บนถนนราชดำเนินได้บิดเบือนไว้มาก

                คนเสื้อแดงเขาเปิดเผยโฉมหน้าอันแท้จริง (คือปราศจากหน้ากากขาว) ของกลุ่มต่อต้านว่าแท้จริงก็คือคนชุดเดิมที่เคยโค่นล้มรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และปัจจุบันนี้ก็คือกลุ่มที่มีเป้าหมายโค่นล้มรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นั่นเอง

การชุมนุมของคนเสื้อแดงในพื้นที่ 4 -5 จังหวัดของภาคเหนือ ภาคอีสาน ภาคตะวันออก และในกรุงเทพฯ มีมวลชนรับฟังมหาศาลดังที่ท่านเห็นภาพจากสื่อ TV

เห็นทีคราวนี้ขบวนการโค่นล้มจะวืดอีกครั้งหนึ่ง ยังคงเหลือแต่อาวุธชิ้นสุดท้ายที่พวกนี้จะใช้คือ องค์กรอิสระ

                ไม่ทราบว่าจะออกมากรีดมือ วาดเท้าหรือไม่?

http://www.lokwannee.com/web2013/?p=38286

======================================

มาถึงวันนี้ไม่รู้จะหาทางใด วิธีใดแล้วที่จะดึงมวลชน ก็ได้แต่หาเรื่องเก่า ๆๆ
มุกเก่า ๆๆ ขุดขึ้นมาอ้างสารพัด เพื่อดึงมวลชน แถมขนคนมาปิดถนนในกทม.ซะอีก
ตอนนี้ก็มาลุ้นกันสิว่า จะมีเหตุรุนแรงอะไรเกิดขึ้นในยามค่ำคืนนี้
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่