กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว (แน่ว่าไม่ใช่ยุคสมัยปัจจุบันแน่ๆ) มีผู้พิพากษาที่ได้รับการยกย่อง
ว่าไม่เห็นแก่หน้าผู้ใด ไม่ว่าเป็นญาติพี่น้องเพื่อนฝูง หรือ จะเป็น ขุนนาง อำมาตย์ ขุนศึก
ล้วนได้รับการตัดสินจากท่าน โดยไม่เห็นแก่หน้าทั้งสิ้น ทั้งนี้เพราะ ท่านผู้พิพากษา มี
กฤติยามนต์ อันวิเศษให้ถอด ดวงตา ทั้งสองข้างออกจากเบ้า มาไว้ในระหว่างที่เข้าพิจารณาคดี
ท่านจึงไม่เห็นหน้าของผู้ถูกตัดสินคดีความทั้งปวง เพราะไม่มีดวงตาอยู่นั่นเอง ภายหลังจาก
การพิจารณาคดี ท่านจะเก็บดวงตาทั้งสองข้างกลับไว้ตามเดิม
จนถึงวันหนึ่ง มีคดีทะเลาะวิวาท ตีหัวกัน แบบชาวบ้านร้านตลาดเข้าสู่การพิจารณาคดีความ
ท่านผู้พิพากษาอันไม่เห็นแก่หน้าผู้ใด ก็เข้าฟังถ้อยแถลงของทั้งสองฝ่ายตามหน้าที่ปกติของท่าน
แต่เผอิญว่า ท่านจำเสียงของคู่คดีความได้ว่า จำเลยที่ไปตีหัว แม่ค้าอีกคนจนกระโหลกแบะ เย็บไป
ยี่สิบเข็ม เป็นแม่ค้าที่ทำและขายขนมฝอยทอง แสนอร่อย ยี่ห้อว่า แม่จำปา ที่อยุ่ปากซอยบ้าน
ของผู้พิพากษานั่นเอง เพียงแค่ได้ยินเสียงแม่ค้า ท่านผู้พิพากษาก็กลืนน้ำลายอึกๆ ด้วยความอยาก
ทานขนมแสนอร่อยของแม่จำปา เพราะเป็นเจ้าประจำกันมาหลายปีดีดัก กินกันติดงอมแงม แบบ
ติดกาแฟสตาร์บัคก็ไม่ผิด
โอย นี่แม่จำปา ไปทุบหัวเขาแบะขนาดนี้ คงต้องติดตารางอย่างน้อยสามเดือน แลัวนี่ ตู จะต้อง
อดกินขนมฝอยทองของแม่จำปา ไปนานขนาดนี้ ตูจะอยู่ได้ไง ท่านเปาปุ้นจิ้น คิดอยู่ในใจ
คิดพลางใคร่ครวญแล้ว ก็ว่า อย่ากระนั้นเลย ความผิดมะโนสาเร่นี่ ตูจะไปเอาอะไรมาก ปล่อยนกปล่อยกา
ดีกว่า ทีผู้พิพากษา คนอื่น ยังปล่อยคดี ฮุบที่ป่าสงวนไปสร้างบ้านพัก ของท่านหมามนตรีได้
ตัดสินใจเช่นนี้แล้วท่านก็แอ็คท่า อ้างกฎหมายข้อโน้นข้อนี้ พอเป็นพิธี แล้วก็ตัดสินให้แม่ค้าขนมแม่จำปา
พ้นผิดต้องจำคุก สามเดือน เอาเป็นว่าปรับแค่ สามร้อยรูปี ก็พอนะ เมื่อท่านอ่านคำพิพากษาไป ฝ่ายจำเลย
คือแม่จำปา ก็ร้องโห่ฮิ้ว ร้องในใจว่า กำเสี่ยกำเสี่ย เย็นนี้ต้องเอา ขนมสักสองถาดไปประเคนท่านผู้พิพากษาสักหน่อย
ขณะที่ฝ่ายโจกษ์ที่ถูกตีหัวแบะ ไม่ต้องบอกก็ทราบนะว่า จะต้องสวดชยนโต ให้ท่านเปาบุ้นจิ้น ท่านนี้แน่
แต่สิ่งที่นึกไม่ถึงสำหรับทุกคน ก็คือ เมื่อทุกคนออกจากที่ว่าการศาลหมด แล้ว ท่านผู้พิพากษาผู้ได้รับสมญาว่า
ไม่เห็นแก่หน้าผู้ใด ก็ต้องกลายเป็นคนตาบอด เพราะท่านไม่สามารถใส่ดวงตาคืนได้อีกนั่นเอง
กฤษติยามนต์อันศักสิทธิ่ที่กำกับคาถาถอดดวงตานั้น มีเงื่อนไขอยู่ว่า ถ้าท่านผู้พิพากษา ไม่ได้ตัดสินคดีความ
ด้วยความเป็นธรรมแล้ว ท่านจักต้องได้รับโทษด้วยการเสื่อมของมนต์วิเศษจนไม่สามารถใส่ดวงตาได้ตามเดิม
จากนั้นท่านจึงไม่เห็นหน้าผู้ใดจริงๆ
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
เรื่องนี้เป็นเรื่องสั้นอ่านเมื่อ เกือบสี่สิบปีที่แล้ว อ่านผ่านตามารอบเดียวผู้เขียน จำไม่ได้ว่าเป็นผู้แต่งเป็นท่านฮิวเมอร์ริส หรือไม่
ผมเขียนถ่ายทอดออกมาแบบครูพักลักจำ แบบว่าเอามาเล่าสู่กันฟัง ผิดตกขออภัย
ไม่เห็นแก่หน้าผู้ใด
ว่าไม่เห็นแก่หน้าผู้ใด ไม่ว่าเป็นญาติพี่น้องเพื่อนฝูง หรือ จะเป็น ขุนนาง อำมาตย์ ขุนศึก
ล้วนได้รับการตัดสินจากท่าน โดยไม่เห็นแก่หน้าทั้งสิ้น ทั้งนี้เพราะ ท่านผู้พิพากษา มี
กฤติยามนต์ อันวิเศษให้ถอด ดวงตา ทั้งสองข้างออกจากเบ้า มาไว้ในระหว่างที่เข้าพิจารณาคดี
ท่านจึงไม่เห็นหน้าของผู้ถูกตัดสินคดีความทั้งปวง เพราะไม่มีดวงตาอยู่นั่นเอง ภายหลังจาก
การพิจารณาคดี ท่านจะเก็บดวงตาทั้งสองข้างกลับไว้ตามเดิม
จนถึงวันหนึ่ง มีคดีทะเลาะวิวาท ตีหัวกัน แบบชาวบ้านร้านตลาดเข้าสู่การพิจารณาคดีความ
ท่านผู้พิพากษาอันไม่เห็นแก่หน้าผู้ใด ก็เข้าฟังถ้อยแถลงของทั้งสองฝ่ายตามหน้าที่ปกติของท่าน
แต่เผอิญว่า ท่านจำเสียงของคู่คดีความได้ว่า จำเลยที่ไปตีหัว แม่ค้าอีกคนจนกระโหลกแบะ เย็บไป
ยี่สิบเข็ม เป็นแม่ค้าที่ทำและขายขนมฝอยทอง แสนอร่อย ยี่ห้อว่า แม่จำปา ที่อยุ่ปากซอยบ้าน
ของผู้พิพากษานั่นเอง เพียงแค่ได้ยินเสียงแม่ค้า ท่านผู้พิพากษาก็กลืนน้ำลายอึกๆ ด้วยความอยาก
ทานขนมแสนอร่อยของแม่จำปา เพราะเป็นเจ้าประจำกันมาหลายปีดีดัก กินกันติดงอมแงม แบบ
ติดกาแฟสตาร์บัคก็ไม่ผิด
โอย นี่แม่จำปา ไปทุบหัวเขาแบะขนาดนี้ คงต้องติดตารางอย่างน้อยสามเดือน แลัวนี่ ตู จะต้อง
อดกินขนมฝอยทองของแม่จำปา ไปนานขนาดนี้ ตูจะอยู่ได้ไง ท่านเปาปุ้นจิ้น คิดอยู่ในใจ
คิดพลางใคร่ครวญแล้ว ก็ว่า อย่ากระนั้นเลย ความผิดมะโนสาเร่นี่ ตูจะไปเอาอะไรมาก ปล่อยนกปล่อยกา
ดีกว่า ทีผู้พิพากษา คนอื่น ยังปล่อยคดี ฮุบที่ป่าสงวนไปสร้างบ้านพัก ของท่านหมามนตรีได้
ตัดสินใจเช่นนี้แล้วท่านก็แอ็คท่า อ้างกฎหมายข้อโน้นข้อนี้ พอเป็นพิธี แล้วก็ตัดสินให้แม่ค้าขนมแม่จำปา
พ้นผิดต้องจำคุก สามเดือน เอาเป็นว่าปรับแค่ สามร้อยรูปี ก็พอนะ เมื่อท่านอ่านคำพิพากษาไป ฝ่ายจำเลย
คือแม่จำปา ก็ร้องโห่ฮิ้ว ร้องในใจว่า กำเสี่ยกำเสี่ย เย็นนี้ต้องเอา ขนมสักสองถาดไปประเคนท่านผู้พิพากษาสักหน่อย
ขณะที่ฝ่ายโจกษ์ที่ถูกตีหัวแบะ ไม่ต้องบอกก็ทราบนะว่า จะต้องสวดชยนโต ให้ท่านเปาบุ้นจิ้น ท่านนี้แน่
แต่สิ่งที่นึกไม่ถึงสำหรับทุกคน ก็คือ เมื่อทุกคนออกจากที่ว่าการศาลหมด แล้ว ท่านผู้พิพากษาผู้ได้รับสมญาว่า
ไม่เห็นแก่หน้าผู้ใด ก็ต้องกลายเป็นคนตาบอด เพราะท่านไม่สามารถใส่ดวงตาคืนได้อีกนั่นเอง
กฤษติยามนต์อันศักสิทธิ่ที่กำกับคาถาถอดดวงตานั้น มีเงื่อนไขอยู่ว่า ถ้าท่านผู้พิพากษา ไม่ได้ตัดสินคดีความ
ด้วยความเป็นธรรมแล้ว ท่านจักต้องได้รับโทษด้วยการเสื่อมของมนต์วิเศษจนไม่สามารถใส่ดวงตาได้ตามเดิม
จากนั้นท่านจึงไม่เห็นหน้าผู้ใดจริงๆ
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
เรื่องนี้เป็นเรื่องสั้นอ่านเมื่อ เกือบสี่สิบปีที่แล้ว อ่านผ่านตามารอบเดียวผู้เขียน จำไม่ได้ว่าเป็นผู้แต่งเป็นท่านฮิวเมอร์ริส หรือไม่
ผมเขียนถ่ายทอดออกมาแบบครูพักลักจำ แบบว่าเอามาเล่าสู่กันฟัง ผิดตกขออภัย