[CR] "คู่ป่วนสะท้านภพ" นิยายแฟนตาซีสมัยใหม่ที่มีกลิ่นอายความเป็นไทยแฝงอยู่เปี่ยมล้น

ดีจ้า นานๆทีจะได้ตั้งกระทู้รีวิวหนังสือ (จะว่าไปก็เหมือนไม่เคยตั้งเลยด้วยซ้ำ)

วันนี้มีหนังสือดีๆเล่มนึงที่ตัวเองอ่านสนุกแล้วลุกขึ้นมาบอกต่อ
ก่อนอื่นเลยต้องบอกว่า หนังสือที่เราอ่านส่วนใหญ่จะเป็นแนว นิยายแปลของฝรั่ง นิยายกำลังภายใน และนิยายทางฝั่งญี่ปุ่นรวมถึงพวก Light Novel ด้วย
ว่ากันตามตรงเลย พวกนิยายรุ่นหลังๆไทยนี่ไม่ได้แตะเลย เพราะหันไปก็เจอแต่แนวความรักหวานแหวว เนื้อหาวาบหวิว หรือไม่ก็แนวเกมออนไลน์ จนมันรู้สึกว่าล้นตลาด
จะอ่านบ้างก็เป็นนิยายเก่าชั้นครูไปเลย เช่นสี่แผ่นดิน เพชรพระอุมา เป็นต้น

ด้วยความที่อ่านแนวฝรั่งกับญี่ปุ่นมาซะเยอะ ก็เลยอยากจะหานิยายไทยๆมาอ่านดูบ้าง ไทยแบบที่แฝงชีวิตของคนชนบท สอดแทรกวัฒนธรรมต่างๆเอาไว้ (แบบเรื่อง "ลูกอีสาน" อะไรทำนองนั้นเลย) จึงลองคุยๆกับกลุ่มเพื่อนที่ไปนักอ่านด้วยกันว่า มีเรื่องไหนที่สนุกๆบ้าง อยากลองอ่านแนวที่ว่า แต่เป็นนักเขียนหน้าใหม่นะ แบบชื่อตัวละครเป็นชื่อไทยแท้ บรรยากาศในเรื่องก็แบบไทยๆ

เพื่อนก็บอกว่า ลองอ่านเรื่องนี้ดูไหม "คู่ป่วนสะท้านภพ"  พอเพื่อนแนะเรื่องนี้มาปุ๊บ เราก็เอาชื่อไปค้นในกูเกิ้ล ปรากฎว่าไม่ค่อยมีคนพูดถึงเล๊ยยยย แต่ดูหน้าปกแล้วสวยมาก อารมณ์แบบ ถูกใจใช่เลย แค่หน้าปกก็ดึงดูดและตอบโจทย์ที่เราต้องการไปได้มากกว่าครึ่งแล้ว
มีทั้งสถาปัตยกรรมทรงไทย มีทั้งช้าง มีทั้งดาบ มีทั้งธนู มีผู้หญิงใส่ชุดไทยอีก เท่านั้นแหละ ..... ไม่ต้องมากความ จัดมา 2 เล่มควบเลย



เรื่องย่อจากหน้าเวปไซต์ (ไม่กล้าเขียนเรื่องย่อเอง กลัวเผลอสปอยล์ -0-)
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้          นครบังบด เป็นสถานที่เร้นลับในมิติคู่ขนาน ประกอบด้วยปฐพีนคร เวหานคร บาดาลนคร และพยัคฆ์นคร เปรียบเสมือนสรวงสวรรค์บนโลกมนุษย์ แต่อยู่มาวันหนึ่ง นครแห่งนี้กลับถูกครอบงำโดยอนุภาคมารที่เกาะกุมจิตใจคน ปลุกสัญชาตญาณดิบให้แสดงความป่าเถื่อนออกมา นครที่สงบสุขจึงเต็มไปด้วยไฟสงคราม
          พระมหาเมธีชัย ได้ส่งพระรูปหนึ่งออกจากนครบังบดพร้อมกับสร้อยจตุรธาตุและเด็กชายคนหนึ่ง จากนั้นไม่นาน สามเณรจันทรโชติก็ตามออกไปพร้อมกับดาบเหล็กไหลคู่หนึ่ง โดยภารกิจเขาคือ มอบดาบเหล็กไหลให้แก่คนที่มีสร้อยจตุธาตุและชี้นำให้เขาเดินทางสู่นครบังบด
          ยี่สิบปีต่อมา ภูรินท์กับสิน สองเพลย์บอยแห่งยอดดอยก็ได้พบกับพรานจั่น ที่บอกเล่าเรื่องของนครบังบด ที่มาของสร้อยจตุรธาตุและมอบดาบเหล็กไหลให้ พร้อมกับชี้ทางให้เขาเดินทางสู่พยัคฆ์นคร ทั้งสองออกเดินทางอย่างมุ่งมั่น แต่กลับต้องพบอุปสรรค์มากมาย ทั้งหมู่บ้านหุบผีเสื้อ ซึ่งตั้งกั้นขวางไม่ให้คนภายนอกเข้าใกล้พยัคฆ์นครได้ อุโมงค์ลับที่อุดมกับดักจนแทบไม่รอดชีวิต ไปจนถึงเสือสมิงและภูตผีในป่า...รวมทั้งภัยจากมนุษย์ด้วยกันเอง

ปกหลังสำหรับคนที่อยากรู้เรื่องย่อของแต่ละเล่ม
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้




กลับมาบ้าน พอเปิดอ่านในส่วน "จากใจนักเขียน" แล้วรู้สึกว่า เออนี่แหละ สิ่งที่ตัวเองตามหาอยู่


-------------------------------
พูดถึงตัวเอกและการดำเนินเรื่องบ้างดีกว่า

ตัวเอกของเรื่องคือ สิน (คนผมยาวออกแนวเกาหลี) และ ภูรินท์ (คนผมสั้นออกแนวไทยแท้)
สินจะมีลักษณะนิสัยประเภทว่า ขี้เล่น หลีหญิง เพลย์บอย ใจร้อน ในขณะที่ ภูรินท์จะมีนิสัยสุขุมนุ่มลึก และสงวนท่าทีไว้มากกว่า แต่ทั้ง 2 ก็เป็นเพื่อนสนิทกัน

พออ่านไปตั้งแต่บทแรก สิ่งที่เราสัมผัสได้คือ กลิ่นอายความเป็นไทยลอยผ่านตัวหนังสือเข้ามาสู่ตัวเราในฐานะผู้อ่านได้อย่างชัดเจน
ฉากแวดล้อมของเรื่องตั้งอยู่ที่ เชียงใหม่ แดนเหนือของไทย บรรยากาศสบาย สไตลท์ชนบท
เปิดเรื่องมาก็เจอการชนกว่างของคนในละแวกหมู่บ้านกันเลย
ตามด้วยการต่อสู้ด้วยแม่ไม้มวยไทย การใช้ศิลปะการต่อสู้แบบไทยๆ เช่นการออกท่าชกต่อย รำดาบ
เรียกได้ว่าถ้าคนอ่านมีความรู้พื้นฐานเรื่องการเรียกชื่อท่าต่อสู้ของไทยน่าจะชอบได้ง่ายๆเลย เพราะจินตนาการตามได้ไม่ยาก

ซึ่งการต่อสู้นี้เองที่ทำให้เราอ่านแล้วรู้สึกว่าผู้เขียน คุณ Kula ทำการบ้านมาดีมาก หลายๆอย่างเป๊ะเลยทีเดียว
นอกจากนี้ยังมีเรื่องของการใช้ศัพท์ของคนสมัยก่อน (รวมถึงราชาศัพท์ด้วย แต่ถ้าพูดมากไปจะกลัวจะหลุดสปอยล์เนื้อเรื่อง)

บางคนอ่านมาตรงนี้อาจจะคิดว่า เนื้อหามันจะโบราณและซีเรียสหรือเปล่า เราขอตอบว่าไม่เลย ตลอดเรื่องจะมีการสอดแทรกมุกต่างๆที่กำลังพูดถึงอยู่ในสถานการณ์ปัจจุบัน (เพลงแน่นอกก็มีนะเออ)
รวมถึงการเกี้ยวพาราสีระหว่างชายหญิง ระหว่างหนุ่มสาว ที่ทำออกมาได้พอดี ไม่มากเกินไป ไม่น้อยเกินไป
อีกหนึ่งอย่างที่เราว่าเป็นตัวชูโรงของหนังสือเลย คือความเชื่อของคนไทยที่เกี่ยวกับ ศาสนา ความดี ความชั่ว เทวดา ผีสางนางไม้ ไสยศาสตร์ ได้ถูกรวบรวมและเล่าผ่านตัวหนังสือได้อย่างแยบยลมาก (โดยเฉพาะเรื่องไสยศาสตร์หรือการเข้าป่านี่เราชอบมาก อาจเป็นเพราะชอบเพชรพระอุมามาอ่าน พออ่านเรื่องนี้เลยรู้สึกว่า อืม . . . มันถูกจริต) เช่นเรื่องศูนย์กลางของประชาชน นั่นก็คือวัด หรือเรื่องการยึดมั่นปฎิบัติตนให้หลุดพ้นจากความโลภ เป็นต้น

สิ่งหนึ่งที่อยากพูดถึงก่อนจากกันคือ "ภาพประกอบ"
เราว่าภาพประกอบมีส่วนสำคัญอย่างยิ่งในการเลือกซื้อหนังสือสำหรับเรานะ เพราะทันทีที่เราเห็นภาพปุ๊บ เราก็ชอบเลยคือรู้สึกได้ว่าเค้าตั้งใจเลือกภาพให้มีความสอดคล้องกับเนื้อหาและบรรยากาศในเรื่องเลย

ภาพพินอัพภายในเล่ม 1 และเล่ม 2 เอามาฝากกันไว้ให้ลองพิจารณาดู
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้



ปัจจุบันออกมาแล้ว 2 เล่ม สำนักพิมพ์ สถาพรบุ๊คส์ เราเพิ่งอ่านเล่ม 2 จบเมื่อคืน พอจบแล้วคิดว่า เอาเว่ย ต้องมาตั้งกระทู้แนะนำเรื่องนี้ให้คนอื่นๆได้รู้จักกัน
แล้วก็รีบหาข่าวเล่ม 3 ว่าออกตอนไหน เห็นว่าออกปลายเดือนพ.ย. โชคดีหน่อย ไม่งั้นคงรอนานเลย แฮะๆ

สุดท้าย แต่ไม่ท้ายสุด ที่เราไม่ได้ตั้งกระทู้แบบรีวิว เพราะไม่รู้จะให้คะแนนเป็นดาวยังไงดี เพราะเราว่า ดาวมันไม่สามารถเอามาตัดสินเนื้อหาของหนังสือเล่มนั้นๆได้ เลยตั้งแบบนี้แทนแล้วกัน มาแชร์ประสบการณ์การอ่าน ซึ่งหวังเป็นอย่างยิ่งว่า รีวิวของเราน่าจะช่วยหรือเป็นส่วนหนึ่งที่สามารถใช้ประกอบการตัดสินใจในการเลือกหนังสือเล่มนึงมาอ่านได้

สุดท้ายแล้ว ขอขอบพระคุณทุกท่านที่เข้ามาเยี่ยมชมกระทู้จ้า