ข่าวดีครับ HSBC ไทยกำลังเป็นประเทศสำคัญมากขึ้นในแง่กลยุทธ์สถานที่ตั้ง

กระทู้สนทนา
ท่องไว้ ยิ่งกลัว ยิ่งเน่า ยิ่งวุ่นวาย ยิ่งขึ้น  ปู่โคตรแมน อย่าไปกลัว จิ่มอย่างเดียว

เอชเอสบีซี" หั่น จีดีพีไทยปีนี้ลงเหลือ 2.8% จากเดิมคาดโต 5% พร้อมเชื่อ เฟดทยอยลด QE เงินทุนไหลกลับไทย  

นางสาว ซู เซียน ลิม นักเศรษฐศาสตร์ประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน) ธนาคารเอชเอสบีซี คาดการณ์ว่า เศรษฐกิจไทยจะฟื้นตัวครึ่งหลังปีนี้ หลังเกิดการถดถอยทางเทคนิคอย่างมากในครึ่งปีแรก ภาคครัวเรือนมีการปรับตัวจากมาตรการจริงจังของภาครัฐ เมื่อดูภาคครัวเรือนตอนนี้รู้สึกดีจากแรงหนุนของอัตราว่างงานต่ำ ค่าจ้างปรับขึ้น ในภาคธุรกิจคิดว่ายังได้ประโยชน์จากความต้องการค่อนข้างแข็งแกร่ง ไม่เห็นผลกระทบจากการขยายตัวมากในปีก่อน ครึ่งหลังปีนี้การบริโภคและการลงทุนไตรมาสต่อไตรมาสควรดีดตัวดีขึ้น หลังครึ่งปีแรกจีดีพีรายไตรมาสเทียบไตรมาสหดตัว
          
อย่างไรก็ตาม เอชเอสบีซีได้ปรับลดคาดการณ์เติบโตของจีดีพีอยู่ที่ประมาณ 2.8% ปีนี้ หากดูภาพการส่งออกปีนี้จะฟื้นตัว เป็นสัญญาณฟื้นปานกลางทั้งในจีน สหรัฐ ยุโรปและญี่ปุ่น ช่วยยกระดับส่งออกไทยครึ่งหลังปีนี้ โดยเฉพาะไตรมาส 4 ให้ดีขึ้นหากทุกอย่างดีขึ้นปีหน้าควรได้เห็นไทยขยายตัวได้ 4.4% หลังจาก 2 ปีที่ผ่านมา
          
ขณะที่ เอกสารรายงานแนวโน้มเศรษฐกิจอาเซียนก่อนหน้านี้ เอชเอสบีซี คาดจีดีพีไทยปีนี้ที่ 5% ส่วนปีหน้าเพิ่มขึ้นเป็น 6.2% ส่วนการส่งออกแท้จริงของไทยคาดจะโต 3.3% ปีนี้ และเพิ่มขึ้นเป็น 6.7% ปีหน้า
          
ทั้งนี้การสนองตอบด้านนโยบายจากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) คิดว่าธปท.น่าจะคงดอกเบี้ยนโยบายไว้จนถึงสิ้นปีนี้ แต่จำเป็นต้องปรับใช้นโยบายนอกเหนือจากนี้ ควรเป็นนโยบายการเงินอื่นแทนที่การผ่อนคลาย
    
สิ่งน่ากังวลต้องจับตาดู เป็นความอ่อนไหวของไทยที่มีต่อราคาน้ำมันสูงขึ้นต่อเนื่อง ถ้าเริ่มเห็นความขัดแย้งในซีเรียแย่ลง แม้ซีเรียมีสัดส่วนการผลิตน้ำมันดิบน้อยมากเพียง 0.2%ของทั้งหมด ถ้าสหรัฐตัดสินใจบุกโจมตีซีเรีย สถานการณ์ตะวันออกกลางตึงเครียดมากขึ้นเป็นไปได้ที่ราคาน้ำมันอาจพุ่ง ไทยถือเป็นหนึ่งในประเทศอ่อนไหวมากที่สุด เพราะราคาน้ำมันดิบขึ้นทุก 10 ดอลลาร์ ดัชนีผู้บริโภคหรือเงินเฟ้อได้รับผลกระทบขึ้น 1%
          
ส่วนความเสี่ยงเศรษฐกิจไทยเป็นความเสี่ยงระยะกลาง และเป็นความกังวลระยะยาว นักลงทุนควรได้เห็นความชัดเจนถึงที่มาของแผนระกลางถึงยาวที่รัฐบาลวางไว้ ถ้าพิจารณาความสามารถแข่งขันของไทย 2-3 ปีที่ผ่านมา แม้ไทยแข่งได้ในกลุ่มอาเซียนแต่อันดับยังต่ำกว่าสิงคโปร์และมาเลเซีย ความผันผวนทางการเมืองมีส่วนทำให้ความสามารถแข่งขันลดลง ส่วนความก้าวหน้าทางนวัตกรรมใหม่ๆ เป็นส่วนที่นักลงทุนอยากเห็นมากขึ้นจากไทย สิ่งจำเป็นต้องมี คือ จัดสรรทรัพยากรให้ถูกต้อง เช่น จัดสรรให้กับส่วนที่เป็นการศึกษาหรืออื่นๆ ที่จำเป็น"

ดังนั้นในภาพรวมแล้ว สิ่งสำคัญสำหรับแนวโน้มระยะกลางถึงยาว ไม่ใช่ดูแค่ให้สาธารณูปโภคโครงสร้างพื้นฐานลงตัวเรียบร้อย แต่ไทยกำลังเป็นประเทศสำคัญมากขึ้นในแง่กลยุทธ์สถานที่ตั้ง อยู่ระหว่างอินเดียและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งกำลังกลายเป็นเออีซีในปี 2558 หากแผนลงทุนสาธารณูปโภคพื้นฐานเกิดขึ้นทันเวลาเกิดประชาคมอาเซียน ไทยจะสามารถได้ประโยชน์อย่างมากต่อไปในอนาคต


http://www.moneychannel.co.th/index.php/2012-06-30-12-32-32/19589-zx94.html
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่