แบ่งปันประสบการณ์ขายโปรแกรมคอมพิวเตอร์ ใครคิดอยากจะขายของบนเน็ตลองมาอ่านก่อน

สวัสดีครับ วันนี้ผมมีเรื่องราวของตัวผมเอง เกี่ยวกับประสบการณ์การขายโปรแกรมคอมพิวเตอร์โดยเฉพาะโปรแกรมฆ่าไวรัสมาเล่าให้เพื่อนๆที่พันทิปฟังกันครับ ยังไงก็ขอความคิดเห็นของแต่ละคนด้วยครับว่ะจะทำยังไงดี

คือผมเรียนก็เป็นนักศึกษาคนนึง คิดอยากจะหารายได้พิเศษครับ ตอนแรกก็ไม่รู้จะหาขายอะไร
ตอนนี้ 2554 บริษัท D*** (ซึ่งปัจจุบันได้ปิดกิจการไปแล้ว) ได้เป็นตัวแทนจำหน่ายแอนตี้ไวรัสยี่ห้อหนึ่ง
ผมได้สมัครเป็นตัวแทนจำหน่ายของบริษัทนี้ และซื้อลิขสิทธิ์แท้มาจำนวนมากกว่า 1,000 ลิขสิทธิ์มาเพื่อจำหน่าย

สำหรับคนที่เคยซื้อโปรแกรมแอนตี้ไวรัสจะพอทราบกันดีครับว่า หลักการตลาดของระบบโปรแกรมแบบนี้คือ
คุณซื้อคีย์ไปเปิดการใช้งาน เมื่อเปิดการใช้งานก็จะใช้งานได้ 1 ปี โดยที่ไม่นับว่าโปรแกรมนั้นจะเป็นเวอร์ชั่น 2011 2012 2013
แต่คือนับไป 1 ปีก็พอ เมื่อหมดเวลา ก็ซื้อลิขสิทธิ์ใหม่ จะไม่เหมือนกับโปรแกรมทั่วไปที่ซื้อขาดกับเวอร์ชั่นนั้นแล้วใช้ได้ตลอดไปครับ

จากนั้นเมื่อได้สิทธิ์การเป็นตัวแทนจำหน่าย ผมก็เปิดเว็บไซต์ชื่อ *****security-thailand.com (* เป็นชื่อสัตว์ชนิดหนึ่งในสวนสัตว์ที่เชียงใหม่)
เมื่อเปิดมา ก็ขายได้บ้างไม่ได้บ้าง แต่ว่าลิขสิทธิ์ก็ออกเรื่อยๆครับ มีคนมาซื้อเรื่อยๆ ก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร

จริงๆแล้ว ในปี 2553 บริษัทแอนตี้ไวรัสยักษ์ใหญ่เจ้าที่ผมขายอยู่นี้ครับ เขาให้บริษัท A เป็นตัวแทนจำหน่าย
ในปี 2554 เขาก็ให้บริษัท D*** เป็นตัวแทนจำหน่ายครับ
เชื่อไหมครับ ในปี 2555 เขาก็ให้บริษัท E (นามสมมติ) เป็นตัวแทนจำหน่ายครับ

ในปี 2554 ผมก็ได้ขยายช่องทางการชำระเงิน โดยให้ลูกค้าสามารถชำระเงินทางบัตรเครดิต 7-11 เพื่อให้รับลูกค้าให้มากขึ้น
ในปี 2555 ผมก็ได้ติดต่อกับทางเว็บ ********.com ซึ่งเป็นเว็บคนไทยไปดาวน์โหลดโปรแกรมเยอะ และเขาก็ขายโปรแกรมด้วย โดยคิดค่านายหน้าจากราคาสินค้า 30% ทำให้ผมได้ลูกค้าที่ซื้อโปรแกรมแอนตี้ไวรัสจากผมเป็นจำนวนหนึ่งเลยทีเดียว

ตอนปี 2554 ครับ ผมซื้อลิขสิทธิ์มาตัว Antivirus 40 บาท ตัว Internet Security มา 60 บาท ต่อ license ครับ
หลายท่านที่ไม่เคยขายโปรแกรม ผมอยากจะบอกครับว่า กำไรเยอะมากๆ ผมก็เลยตั้งราคาขายไว้
Antivirus 350 บาท และ Internet Security 500 บาท เพราะผมซื้อมาเป็นพัน คนซื้อซื้อทีละ 1 ครับ

ธุรกิจผมก็ดำเนินการมาด้วยดีครับ

แต่ว่าปัญหาก็เกิดในปี 2555 นั้นเอง บริษัท E ได้รับแต่งตั้งเป็นตัวแทน มาเสนอขายลิขสิทธิ์ให้กับผม
ตอนนี้เขาเสนอมาในราคาลิขสิทธิ์ละ 3xx บาท เป็นตัว Cloud ซึ่งทำงานอีกแบบนึง
แต่ผมก็ตอบกลับไปครับว่า ผมซึ้อมาเป็นพัน แต่ว่ายังขายไม่หมดเลย จะให้ซื้อเพิ่มทำไม ผมขายของผมไปเรื่อยๆแหละ
ก็จบไปครับ ไม่มีอะไร

ในปี 2555 นั้นเอง ปีนั้น มีทั้งบริษัท D*** ที่ปิดกิจการไปแล้วกับ บริษัท E ที่เขาเป็นตัวแทนจำหน่าย
บริษัท D เขาก็ให้เว็บไซต์ขายอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ชื่อดัง ผมตั้งชื่อสมมติให้ว่า Adverse ครับ เขาก็แจกโปรแกรมไวรัสฟรีมาสักหลายเดือนได้
ผมขายไม่ได้เลย สักลิขสิทธิ์เดียว เพราะคนไปกดฟรีจากเว็บเขา

พอผมติดต่อสอบถามไปยัง บริษัทตัวแทนจำหน่าย เขาก็ให้คำตอบว่า
"ก็ร้าน Adverse เขาซื้อไปเยอะเลยครับ เขาก็เลยเอาไปแจกฟรีเพื่อโปรโมทร้านเขา"
ผมว่า มันไม่มีการควบคุมกลไลการขายราคาสินค้าตัดราคากันเลย
แต่ก็โอเค ระบบทุนนิยม ใครซื้อใคร่ซื้อ ใครขายใคร่ขาย อยากจะตั้งราคายังไงก็ตามอำเภอใจ
ผมขายไม่ได้เลย ผมก็ไม่ได้ว่าอะไร

ในปี 2556 บริษัท E (นามสมมติ) ได้เข้ามาเป็นตัวแทนจำหน่ายเต็มตัว หลังจากที่บริษัท D ปิดตัวไป
คราวนี้เขาก็โทรมาหาผมอีก เขาบอกว่า
"ตอนนี้ เขาเป็นตัวแทนจำหน่ายในไทยแล้ว เขาจะตัด activation code ที่ผมซื้อมาให้ใช้งานไม่ได้"
ผมจะต้องตั้งราคาขายเป็น 590 บาท สำหรับ Antivirus และ 790 บาท สำหรับ Internet Security

ทีอย่างนี้เขาก็มาบังคับผมให้ผมตั้งราคาตามนั้น เขาบอกว่าผมขายถูกกว่าคนอื่น
เว็บ Thaiwave.com และร้าน Hi City (นามสมมติ) เขาขายไม่ได้ คุณตั้งราคาถูกเกินไป คุณต้องปรับราคาไม่งั้นเราจะตัดคีย์ของคุณ

เรื่องมันยังไม่จบ แต่ประเด็นมันเริ่มตรงนี้แล้วครับว่า
1. ทีเขาให้คนอื่นแจกฟรี เขาให้ได้ พอดีผมขายของผมมา 2 ปี เว็บขายซอฟท์แวร์ที่ใหญ่ที่สุดกับร้านค้าคอมพิวเตอร์ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทยขายแพงกว่า เขาขายไม่ได้ เขาจะหาเรื่องตัดรหัสผม
2. เขาบอกว่า ผมไม่ได้เป็นตัวแทนจำหน่ายแล้ว คีย์ของผม ก็ไม่ควรจะใช้ได้

ผมว่าตรงนี้มันไม่ถูกนะ ผมว่าร้านค้าทั่วไปๆ "ซื้อของของคุณ" มาขาย ไม่เห็นต้องมีหนังสือแต่งตั้งอะไรเลยก็ขายได้
แค่เพราะผมไม่ได้ซื้อของกับคุณ คุณจะมาตัดรหัสผม
ผมไม่รู้หรอกนะ ว่ากระบวนการภายในมันเป็นยังไง สมมติต่อให้ผมเป็นลูกค้าคนนึง ไปซื้อคีย์มาแต่ยังไม่ได้ใช้ อยู่ๆคุณจะมาตัดคีย์ผม
ด้วยว่า เพราะผมไม่ใช่ตัวแทนจำหน่าย มันก็ไม่ถูกแล้ว

เพื่อนๆที่พันทิปคิดว่ายังไงบ้างครับ
(เดี๋ยวกลับมาเล่าต่อ)
เขาขายไม่ได้



เดี๋ยวพิมพ์ต่อครับ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่