มหาวิทยาลัยที่ดิฉันอยู่ค่อนข้างสบายไปหรือไม่ หรือว่าตัวดิฉันเป็นคนที่จริงจังกับการทำงานมากจนเกินไปคะ
เนื่องจากว่า
1.มหาวิทยาลัยแห่งนี้ให้อาจารย์ลงชื่อทำงานทุกวันจันทร์-ศุกร์ โดยลงชื่อครั้งเดียวในห้าวันทำงาน สมมุติว่าอาจารย์ท่านใดอยากมาลงชื่อเข้างานวันไหนก็ได้ในห้าวันนั้น แต่ห้ามเกินวันศุกร์ เพราะทางฝ่ายสำนักงานจะรวบรวมชื่อส่งให้ฝ่ายบุคคลในตอนเย็นวันศุกร์
2.เจ้าหน้าที่ต้องมาตอกบัตรให้ตรงเวลา ถ้าตอกบัตรไม่ตรงเวลาก็จะถือว่าสาย ซึ่งผิดกับอาจารย์ที่มาลงชื่อสายก็ไม่เป็นไร แถม5วันอาจารย์สามารถลงชื่อได้ครั้งเดียวรวด
3.จากข้อ1 และ 2 จึงทำให้อาจารย์รุ่นน้องที่ดิฉันร่วมงานด้วยจะไม่เข้ามาทำงานภาควิชาครบ 5 วัน ส่วนใหญ่จะอยู่ไม่เต็มเวลา บางคนสอนเสร็จแล้วก็กลับบ้านโดยไม่คิดที่จะพัฒนางานด้านอื่นที่เป็นประโยชน์ให้กับองค์กรและขาดความกระตือรือร้นที่จะทำงาน เวลาจะให้ทำงานอะไร ดิฉันต้องบอกและมอบหมายเป็นข้อๆ น่าเสียดายที่อาจารย์รุ่นน้องบางคนได้ทุนเรียนป.ตรี-โทจากมหาวิทยาลัยแท้ๆ แต่ก็ปฏิบัติตัวเช้าชามเย็นชาม ไม่ค่อยซึมซับความผูกพันกับองค์กร วันไหนไม่มีสอนก็ไม่เข้างาน เอาเวลาราชการไปหารายได้เสริมด้านอื่น อาจารย์รุ่นน้องอีกคนก็นั่งเล่นตุ๊กตาและทำตัวค่อนข้างเด็กกว่าวัย คุยไลน์กับแฟนทุกๆชั่วโมง อ่านหนังสือหรือค้นคว้าความรู้วิชาการที่ซับซ้อนในหนังสือนานที่สุดได้มากที่สุด 1ชั่วโมงต่อสัปดาห์
4.รายได้ในเทอมนี้ของอาจารย์รุ่นน้องๆวุฒิป.โทในเทอมนี้เฉลี่ยคนละประมาณ 37,000 บาทต่อเดือน ดิฉันไม่ขอสอนเกินภาระงานค่ะ เพราะอยากเร่งทำผลงานเพื่อขอผศ.ให้ทันปีหน้าค่ะ จึงทำให้รายได้ในเทอมนี้ของดิฉันอยู่ที่ 27,000 ค่ะ
5.ตอนนี้มหาวิทยาลัยมีนโยบายเชิงบังคับให้อาจารย์รุ่นใหม่ๆไปเรียนปริญญาเอก อาจารย์รุ่นน้องพวกนี้สนใจมากที่จะเรียนปริญญาเอกโดยจะขอทุนของมหาวิทยาลัย แต่พอดิฉันถามว่าไปเรียนทำไม น้องๆก็จะตอบว่าไปเรียนป.เอกเพื่อแค่เอาวุฒิ โดยไม่มีทิศทางทางวิชาการที่ชัดเจน แล้วน้องๆพวกนี้ก็กำลังหามหาวิทยาลัยในต่างประเทศที่จบง่ายๆ ไม่ต้องสอบเข้า เพียงแค่จ่ายเงิน มหาวิทยาลัยก็รับเข้าเรียนทันที
5.เมื่อถามถึงเรื่องเงินเดือน เงินตกเบิก น้องๆพวกนี้จะสนใจกันเป็นพิเศษ และจากสูตรคลื่นกระทบฝั่งจึงทำให้ดิฉันได้เงินเดือนไม่ต่างจากอาจารย์น้องๆพวกนี้มากนัก...แต่เมื่อถามถึงงานวิจัยในชั้นเรียน เอกสารประกอบการสอน น้องๆก็จะตอบว่ากำลังทำอยู่ เมื่อดิฉันขอดูของจริง ตั้งแต่บรรจุมา 3 ปีน้องๆทำเอกสารประกอบการสอนได้ประมาณ 30-50 หน้า งานวิจัยชั้นเรียน 1 เรื่อง ซึ่งผิดกับตอนที่ดิฉันบรรจุครบ 3 ปี ดิฉันได้งานเอกสารประกอบการสอน 3 เล่ม ทั้งหมดประมาณ 300 หน้า งานวิจัยชั้นเรียน 3 เรื่อง
6.ตอนนี้ดิฉันอายุงานเกือบ 8 ปีแล้วจึงกำลังเร่งเขียนตำราเพื่อให้ทันกับการยื่นขอผศ.ในปีหน้า(จะได้ผศ.หรือไม่ก็ไม่เป็นไร เพราะว่าอย่างน้อยที่สุดดิฉันก็ถือว่าการเขียนงานวิชาการเพื่อขอผศ.เป็นการพัฒนาศักยภาพในการทำงาน) อีกอย่างหากเกณฑ์กพอ.เปลี่ยนมาบังคับให้ทำงานวิจัยด้วยดิฉันก็คงแย่เพราะมหาวิทยาลัยที่ดิฉันอยู่ไม่มีวารสารการเผยแพร่งานวิจัยตามเกณฑ์สกอ.ตอนนี้ดิฉันจึงอยากขอผศ.มากที่สุด แทนการไปเรียนปริญญาเอก
7.ขณะนี้อาจารย์รุ่นน้องที่เพิ่งอายุงานครบ 3 ปีก็ต้องเร่งหาสมัครเรียนป.เอก เพราะถ้าไม่เรียนปริญญาเอกก็จะไม่ได้รับการต่อสัญญา เนื่องจากมหาวิทยาลัยมีนโยบายจะผลิตทั้งผศ.และดร.ในคราวเดียวกัน ภายใต้ความขาดแคลนหลายๆสิ่งที่จำเป็นโดยเฉพาะงบประมาณที่จำกัด อัตราอาจารย์ที่รับมาก็เต็มจำนวนแล้ว จึงทำให้ต้องรับนศ.คราวละมากๆ อาจารย์นอกจากจะต้องสอนมากแล้ว ก็ยังต้องทำผศ.และ/หรือดร.ทำให้ดิฉันนึกไม่ออกว่าในอนาคตแล้วมหาวิทยาลัยที่ดิฉันสังกัดอยู่จะลงเอยเช่นใด
ขอบคุณสำหรับทุกคำแนะนำค่ะ
ดิฉันควรจะปรับตัวกับมหาวิทยาลัยและเพื่อนร่วมงานลักษณะนี้อย่างไรคะ
เนื่องจากว่า
1.มหาวิทยาลัยแห่งนี้ให้อาจารย์ลงชื่อทำงานทุกวันจันทร์-ศุกร์ โดยลงชื่อครั้งเดียวในห้าวันทำงาน สมมุติว่าอาจารย์ท่านใดอยากมาลงชื่อเข้างานวันไหนก็ได้ในห้าวันนั้น แต่ห้ามเกินวันศุกร์ เพราะทางฝ่ายสำนักงานจะรวบรวมชื่อส่งให้ฝ่ายบุคคลในตอนเย็นวันศุกร์
2.เจ้าหน้าที่ต้องมาตอกบัตรให้ตรงเวลา ถ้าตอกบัตรไม่ตรงเวลาก็จะถือว่าสาย ซึ่งผิดกับอาจารย์ที่มาลงชื่อสายก็ไม่เป็นไร แถม5วันอาจารย์สามารถลงชื่อได้ครั้งเดียวรวด
3.จากข้อ1 และ 2 จึงทำให้อาจารย์รุ่นน้องที่ดิฉันร่วมงานด้วยจะไม่เข้ามาทำงานภาควิชาครบ 5 วัน ส่วนใหญ่จะอยู่ไม่เต็มเวลา บางคนสอนเสร็จแล้วก็กลับบ้านโดยไม่คิดที่จะพัฒนางานด้านอื่นที่เป็นประโยชน์ให้กับองค์กรและขาดความกระตือรือร้นที่จะทำงาน เวลาจะให้ทำงานอะไร ดิฉันต้องบอกและมอบหมายเป็นข้อๆ น่าเสียดายที่อาจารย์รุ่นน้องบางคนได้ทุนเรียนป.ตรี-โทจากมหาวิทยาลัยแท้ๆ แต่ก็ปฏิบัติตัวเช้าชามเย็นชาม ไม่ค่อยซึมซับความผูกพันกับองค์กร วันไหนไม่มีสอนก็ไม่เข้างาน เอาเวลาราชการไปหารายได้เสริมด้านอื่น อาจารย์รุ่นน้องอีกคนก็นั่งเล่นตุ๊กตาและทำตัวค่อนข้างเด็กกว่าวัย คุยไลน์กับแฟนทุกๆชั่วโมง อ่านหนังสือหรือค้นคว้าความรู้วิชาการที่ซับซ้อนในหนังสือนานที่สุดได้มากที่สุด 1ชั่วโมงต่อสัปดาห์
4.รายได้ในเทอมนี้ของอาจารย์รุ่นน้องๆวุฒิป.โทในเทอมนี้เฉลี่ยคนละประมาณ 37,000 บาทต่อเดือน ดิฉันไม่ขอสอนเกินภาระงานค่ะ เพราะอยากเร่งทำผลงานเพื่อขอผศ.ให้ทันปีหน้าค่ะ จึงทำให้รายได้ในเทอมนี้ของดิฉันอยู่ที่ 27,000 ค่ะ
5.ตอนนี้มหาวิทยาลัยมีนโยบายเชิงบังคับให้อาจารย์รุ่นใหม่ๆไปเรียนปริญญาเอก อาจารย์รุ่นน้องพวกนี้สนใจมากที่จะเรียนปริญญาเอกโดยจะขอทุนของมหาวิทยาลัย แต่พอดิฉันถามว่าไปเรียนทำไม น้องๆก็จะตอบว่าไปเรียนป.เอกเพื่อแค่เอาวุฒิ โดยไม่มีทิศทางทางวิชาการที่ชัดเจน แล้วน้องๆพวกนี้ก็กำลังหามหาวิทยาลัยในต่างประเทศที่จบง่ายๆ ไม่ต้องสอบเข้า เพียงแค่จ่ายเงิน มหาวิทยาลัยก็รับเข้าเรียนทันที
5.เมื่อถามถึงเรื่องเงินเดือน เงินตกเบิก น้องๆพวกนี้จะสนใจกันเป็นพิเศษ และจากสูตรคลื่นกระทบฝั่งจึงทำให้ดิฉันได้เงินเดือนไม่ต่างจากอาจารย์น้องๆพวกนี้มากนัก...แต่เมื่อถามถึงงานวิจัยในชั้นเรียน เอกสารประกอบการสอน น้องๆก็จะตอบว่ากำลังทำอยู่ เมื่อดิฉันขอดูของจริง ตั้งแต่บรรจุมา 3 ปีน้องๆทำเอกสารประกอบการสอนได้ประมาณ 30-50 หน้า งานวิจัยชั้นเรียน 1 เรื่อง ซึ่งผิดกับตอนที่ดิฉันบรรจุครบ 3 ปี ดิฉันได้งานเอกสารประกอบการสอน 3 เล่ม ทั้งหมดประมาณ 300 หน้า งานวิจัยชั้นเรียน 3 เรื่อง
6.ตอนนี้ดิฉันอายุงานเกือบ 8 ปีแล้วจึงกำลังเร่งเขียนตำราเพื่อให้ทันกับการยื่นขอผศ.ในปีหน้า(จะได้ผศ.หรือไม่ก็ไม่เป็นไร เพราะว่าอย่างน้อยที่สุดดิฉันก็ถือว่าการเขียนงานวิชาการเพื่อขอผศ.เป็นการพัฒนาศักยภาพในการทำงาน) อีกอย่างหากเกณฑ์กพอ.เปลี่ยนมาบังคับให้ทำงานวิจัยด้วยดิฉันก็คงแย่เพราะมหาวิทยาลัยที่ดิฉันอยู่ไม่มีวารสารการเผยแพร่งานวิจัยตามเกณฑ์สกอ.ตอนนี้ดิฉันจึงอยากขอผศ.มากที่สุด แทนการไปเรียนปริญญาเอก
7.ขณะนี้อาจารย์รุ่นน้องที่เพิ่งอายุงานครบ 3 ปีก็ต้องเร่งหาสมัครเรียนป.เอก เพราะถ้าไม่เรียนปริญญาเอกก็จะไม่ได้รับการต่อสัญญา เนื่องจากมหาวิทยาลัยมีนโยบายจะผลิตทั้งผศ.และดร.ในคราวเดียวกัน ภายใต้ความขาดแคลนหลายๆสิ่งที่จำเป็นโดยเฉพาะงบประมาณที่จำกัด อัตราอาจารย์ที่รับมาก็เต็มจำนวนแล้ว จึงทำให้ต้องรับนศ.คราวละมากๆ อาจารย์นอกจากจะต้องสอนมากแล้ว ก็ยังต้องทำผศ.และ/หรือดร.ทำให้ดิฉันนึกไม่ออกว่าในอนาคตแล้วมหาวิทยาลัยที่ดิฉันสังกัดอยู่จะลงเอยเช่นใด
ขอบคุณสำหรับทุกคำแนะนำค่ะ