สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 15
เห็นด้วยตามความคิดเห็นที่ 9 ครับ
เวลาและความคิดมันกลืนกินทุกสิ่งไปครับ
ค่าเสียเวลา
ค่าเงินเฟ้อ
โครงการ 1 ปี ปิดงานช้าไปสัก 2 เดือน กำไรหายไปอื้อแล้วครับ
และถ้าปิดงานไวกว่าที่คิด 2 เดือน กำไรก็เพิ่มจากเดิมเช่นกัน
แต่ต้องระวังให้มาก หากปิดงานได้เพราะทำงานชุ่ยๆ ตรวจกันไม่ดี
ก็จะต้องแก้ตามหลัง....ผลคือขาดทุนกำไรได้เยอะเช่นกัน
คนคิดชอบคิดวิจาร์ณแต่สิ่งที่เห็นเป็นรูปธรรม
ไม้แบบนั้น หน้าต่างแบบนี้ ปั๊มน้ำ ถังบำบัด ท่อขนาดนั้น
อะไรที่ทำเสร็จแล้ว จะใช้การได้ดีหรือไม่อย่างไร ก็วิพากษ์กันได้ง่ายดี
แต่พอให้ทำเอง.... ก็ทำไม่ได้...
ของบางอย่างพอใช้ไปนานๆถึงได้รู้....รอตอนนั้นก็สายไปเสียแล้ว
วิชาชีพมันต่างกัน.....
เพราะส่วนที่เป็นนามธรรมมันแฝงอยู่เยอะ...
ก่อนจะกลายเป็นสิ่งที่เราเห็น และเอาไปวิจาร์ณว่าถูกหรือแพง สวยไม่สวย ใช้ได้ดีหรือไม่
คนออกแบบเขาเสียเวลาคิดครับ และคิดคำนวณกันเยอะๆหลายๆคนด้วยครับ
ส่วนคนบริหารคนคุมงาน เขาก็เสียเวลาและต้องใช้ประสบการณ์ความรู้นะครับ
ยกตัวอย่างผมเอง ไม่ได้จบสถาปนิก
บ้านง่ายๆผมเขียนแบบเองได้ครับ อาศัยความรู้นอกตำรา พ่อสอนมั่ง น้าสอนมั่ง
ไปชะโงกหน้าแถวไซต์งานของเพื่อนๆ สงสัยก็ถามเขาบ่อยๆ
สามารถคำนวณวัสดุทำ BOQ เองได้ครับ
แถมผมทำงานบริหารโครงการมาก่อน คำนวนแมนเดย์ได้....
แม้จะมีประสบการณ์จริงในงานก่อสร้างมาบ้าง
แต่ถึงเวลาสร้างบ้าน ผมก็ไปหาเพื่อนและจ่ายตังค์ให้เขาอยู่ดีครับ
ดังนั้นเวลาเห็นราคาบ้าน เวลาเห็นตัวเลขกำไรขาดทุน เท่านั้นเท่านี้ ผมเฉยๆ

ทำไมผมไม่ทำบ้านเองหละ...
คำถามคือ ผมมีคอนเน็คชั่นในวงการไหม
เอาง่ายๆ หาช่างหาคนงานมาจากไหน
เอาแบบที่จะมาเข้างานตามใจผมทุกวันเลยนะครับ
เวลาของขาด ผมมีปัญญาไปซื้อของลอตใหญ่มาตั้งแล้วทำให้จบไปเลยทีเดียวไหม
ถ้าเลือกแบบเหมาโหล ก็ต้องเสี่ยงกับของเหลือ เงินจม
แต่ถ้าเลือกแบบละเอียดจุกจิกก็ต้องเสี่ยงกับของขาด
ก็กลายเป็นค่าใช้จ่ายจุกจิกบานปลาย ถ้าคนงานผมต้องนั่งตบยุงหนึ่งวัน
รอของแล้วค่อยทำงานในวันถัดไป...เงินใครจ่ายครับ
ถึงเวลามันก็ไม่พอดีไปทุกอย่างได้ง่ายๆหรอกครับ
เวลาทำงานจึงต้องอาศัยคนมีประสบการณ์เฉพาะทางเยอะๆ
กำไรสูงแลกมาด้วยความเสี่ยงสูง
หรือใช้เวลายาวนาน ประสบการณ์เยอะ
สามารถพลิกแพลงใช้สภาพแวดล้อมให้เป็นประโยชน์ได้ ทั้งตัวงานจริงๆหรือการบริหารเงิน
ลงทุนสูง ประหยัดต่อขนาดได้
ของขาดไปเอาจากหลังอื่นก่อน ของเหลือไปชดเชยให้บ้านหลังอื่นอะไรก็ว่าไป
ทำให้ปิดงานได้ตามกำหนด งบไม่บาน (แต่ดอกเบี้ยอาจบานแทน)
ซึ่งคนสร้างบ้านเองอย่างอิสระ..... ทำแบบนั้นไม่ได้หรอกครับ
แต่ถ้าคุณควบตำแหน่งเจ้าของร้านวัสดุ และผู้รับเหมา อันนี้เป็นคนละกรณี 555
มันไม่ใช่เรื่องของการโขกสับ หรือขูดรีดเสมอไปหรอก
คนซื้อพอใจซื้อ คนขายพอใจขายเป็นอันจบครับ
ทุกวันนี้ถามคนซื้อคอนโดยุคเก่าๆใน ก.ท.ม สิครับ
ถ้าประชุมกันว่าขายที่คอนโดแล้วแยกย้ายกันไปหลายคนเอาด้วยนะครับ
ราคาห้องไม่เท่าไรหรอก
แต่ราคาตอนซื้อเมื่อยี่สิบปีก่อนกับ...ราคาเฉพาะที่ดินตอนนี้ หารกันต่อหัว
หักค่าใช้จ่ายในการขายแล้วมันหรูหรามากเลยครับ
มันมีองค์ประกอบของตัวกำไรซ่อนอยู่เสมอ ขึ้นกับว่า
คุณจะขายแล้วไปหาที่อยู่ใหม่เพื่อได้ต่อยอดเงินออกไป
หรือซื้อเพียงเพื่ออยู่อาศัยและว่างๆก็ใช้คำนวณความรวยเล่นๆ ก็แค่นั้นเอง
ดังนั้นเวลาเห็นโครงการประกาศขึ้นราคาบ้าน....ทุกปี ไม่ต้องสงสัยเลยครับ
มันเหมือนพนักงานบริษัทหวังจะได้ขึ้นเงินเดือนทุกปีนั่นหละ
ถ้าขึ้นแค่ตามอัตราเงินเฟ้อ หรือบวกอัตราดอกเบี้ยที่แกว่งขึ้นลงไปมา
เจ้าของโครงการเขาจำเป็นต้องขึ้นราคาครับ
ก็ไม่ถือว่าเจริญอะไรหรอกครับ ยิ่งขายช้าสิจะยิ่งเสียโอกาสหมุนเงิน
ตัวเลขมันได้เพิ่มก็จริง... แต่ .............
ถ้าปีนี้ ข้าวสารถุงละ 100
ถึงปีหน้า... ข้าวสารถุงเท่าเดิมเกรดเดิมราคาถุงละ 105 บาท
จำนวนเงินเพิ่มจริง.... แต่ซื้อข้าวสารได้แค่ 1 ถุงเหมือนเดิม...
เวลาและความคิดมันกลืนกินทุกสิ่งไปครับ
ค่าเสียเวลา
ค่าเงินเฟ้อ
โครงการ 1 ปี ปิดงานช้าไปสัก 2 เดือน กำไรหายไปอื้อแล้วครับ
และถ้าปิดงานไวกว่าที่คิด 2 เดือน กำไรก็เพิ่มจากเดิมเช่นกัน
แต่ต้องระวังให้มาก หากปิดงานได้เพราะทำงานชุ่ยๆ ตรวจกันไม่ดี
ก็จะต้องแก้ตามหลัง....ผลคือขาดทุนกำไรได้เยอะเช่นกัน
คนคิดชอบคิดวิจาร์ณแต่สิ่งที่เห็นเป็นรูปธรรม
ไม้แบบนั้น หน้าต่างแบบนี้ ปั๊มน้ำ ถังบำบัด ท่อขนาดนั้น
อะไรที่ทำเสร็จแล้ว จะใช้การได้ดีหรือไม่อย่างไร ก็วิพากษ์กันได้ง่ายดี
แต่พอให้ทำเอง.... ก็ทำไม่ได้...
ของบางอย่างพอใช้ไปนานๆถึงได้รู้....รอตอนนั้นก็สายไปเสียแล้ว
วิชาชีพมันต่างกัน.....
เพราะส่วนที่เป็นนามธรรมมันแฝงอยู่เยอะ...
ก่อนจะกลายเป็นสิ่งที่เราเห็น และเอาไปวิจาร์ณว่าถูกหรือแพง สวยไม่สวย ใช้ได้ดีหรือไม่
คนออกแบบเขาเสียเวลาคิดครับ และคิดคำนวณกันเยอะๆหลายๆคนด้วยครับ
ส่วนคนบริหารคนคุมงาน เขาก็เสียเวลาและต้องใช้ประสบการณ์ความรู้นะครับ
ยกตัวอย่างผมเอง ไม่ได้จบสถาปนิก
บ้านง่ายๆผมเขียนแบบเองได้ครับ อาศัยความรู้นอกตำรา พ่อสอนมั่ง น้าสอนมั่ง
ไปชะโงกหน้าแถวไซต์งานของเพื่อนๆ สงสัยก็ถามเขาบ่อยๆ
สามารถคำนวณวัสดุทำ BOQ เองได้ครับ
แถมผมทำงานบริหารโครงการมาก่อน คำนวนแมนเดย์ได้....
แม้จะมีประสบการณ์จริงในงานก่อสร้างมาบ้าง
แต่ถึงเวลาสร้างบ้าน ผมก็ไปหาเพื่อนและจ่ายตังค์ให้เขาอยู่ดีครับ
ดังนั้นเวลาเห็นราคาบ้าน เวลาเห็นตัวเลขกำไรขาดทุน เท่านั้นเท่านี้ ผมเฉยๆ

ทำไมผมไม่ทำบ้านเองหละ...
คำถามคือ ผมมีคอนเน็คชั่นในวงการไหม
เอาง่ายๆ หาช่างหาคนงานมาจากไหน
เอาแบบที่จะมาเข้างานตามใจผมทุกวันเลยนะครับ
เวลาของขาด ผมมีปัญญาไปซื้อของลอตใหญ่มาตั้งแล้วทำให้จบไปเลยทีเดียวไหม
ถ้าเลือกแบบเหมาโหล ก็ต้องเสี่ยงกับของเหลือ เงินจม
แต่ถ้าเลือกแบบละเอียดจุกจิกก็ต้องเสี่ยงกับของขาด
ก็กลายเป็นค่าใช้จ่ายจุกจิกบานปลาย ถ้าคนงานผมต้องนั่งตบยุงหนึ่งวัน
รอของแล้วค่อยทำงานในวันถัดไป...เงินใครจ่ายครับ
ถึงเวลามันก็ไม่พอดีไปทุกอย่างได้ง่ายๆหรอกครับ
เวลาทำงานจึงต้องอาศัยคนมีประสบการณ์เฉพาะทางเยอะๆ
กำไรสูงแลกมาด้วยความเสี่ยงสูง
หรือใช้เวลายาวนาน ประสบการณ์เยอะ
สามารถพลิกแพลงใช้สภาพแวดล้อมให้เป็นประโยชน์ได้ ทั้งตัวงานจริงๆหรือการบริหารเงิน
ลงทุนสูง ประหยัดต่อขนาดได้
ของขาดไปเอาจากหลังอื่นก่อน ของเหลือไปชดเชยให้บ้านหลังอื่นอะไรก็ว่าไป
ทำให้ปิดงานได้ตามกำหนด งบไม่บาน (แต่ดอกเบี้ยอาจบานแทน)
ซึ่งคนสร้างบ้านเองอย่างอิสระ..... ทำแบบนั้นไม่ได้หรอกครับ
แต่ถ้าคุณควบตำแหน่งเจ้าของร้านวัสดุ และผู้รับเหมา อันนี้เป็นคนละกรณี 555
มันไม่ใช่เรื่องของการโขกสับ หรือขูดรีดเสมอไปหรอก
คนซื้อพอใจซื้อ คนขายพอใจขายเป็นอันจบครับ
ทุกวันนี้ถามคนซื้อคอนโดยุคเก่าๆใน ก.ท.ม สิครับ
ถ้าประชุมกันว่าขายที่คอนโดแล้วแยกย้ายกันไปหลายคนเอาด้วยนะครับ
ราคาห้องไม่เท่าไรหรอก
แต่ราคาตอนซื้อเมื่อยี่สิบปีก่อนกับ...ราคาเฉพาะที่ดินตอนนี้ หารกันต่อหัว
หักค่าใช้จ่ายในการขายแล้วมันหรูหรามากเลยครับ
มันมีองค์ประกอบของตัวกำไรซ่อนอยู่เสมอ ขึ้นกับว่า
คุณจะขายแล้วไปหาที่อยู่ใหม่เพื่อได้ต่อยอดเงินออกไป
หรือซื้อเพียงเพื่ออยู่อาศัยและว่างๆก็ใช้คำนวณความรวยเล่นๆ ก็แค่นั้นเอง
ดังนั้นเวลาเห็นโครงการประกาศขึ้นราคาบ้าน....ทุกปี ไม่ต้องสงสัยเลยครับ
มันเหมือนพนักงานบริษัทหวังจะได้ขึ้นเงินเดือนทุกปีนั่นหละ
ถ้าขึ้นแค่ตามอัตราเงินเฟ้อ หรือบวกอัตราดอกเบี้ยที่แกว่งขึ้นลงไปมา
เจ้าของโครงการเขาจำเป็นต้องขึ้นราคาครับ
ก็ไม่ถือว่าเจริญอะไรหรอกครับ ยิ่งขายช้าสิจะยิ่งเสียโอกาสหมุนเงิน
ตัวเลขมันได้เพิ่มก็จริง... แต่ .............
ถ้าปีนี้ ข้าวสารถุงละ 100
ถึงปีหน้า... ข้าวสารถุงเท่าเดิมเกรดเดิมราคาถุงละ 105 บาท
จำนวนเงินเพิ่มจริง.... แต่ซื้อข้าวสารได้แค่ 1 ถุงเหมือนเดิม...
แสดงความคิดเห็น
งานรับเหมาก่อสร้างส่วนใหญ่กำไรมากกว่า 50 เปอร์เซ็น จริงเหรอ
อย่างน้อยได้ฟันกำไร 50 เปอร์เซ็น
จริงเหรอ