คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 4
เรื่องเข้ามหาลัย คงมีซักที่ที่รับครับ ถ้าอยากเข้ายูท๊อป เกรดเท่านี้เข้าได้แต่ต้องมีประสบการณ์ทำงานมากกว่านี้ก่อน แต่เรื่องจะให้ที่บ้านส่งให้ต่ำกว่าเดือนละหมื่นรวมค่าเรียนแล้ว เป็นไปไม่ได้ครับ
1. ถ้าเปิดเว็บของมหาลัยที่อยากจะเข้า คำตอบพวกคะแนนขั้นต่ำ TOEFL/IELTS เค้ามีเขียนอยู่แล้ว ทั้งนี้ทั้งนั้น คะแนนภาษาสูงไม่ได้หมายความว่าจะแก้ไขเกรดที่ต่ำกว่าปกติได้ แต่ถ้าประสบการณ์ทำงานดี โดดเด่น ช่วยให้กรรมการสนใจได้ อย่างแคนาดาหลายๆมหาลัยบอกว่าดูเกรดเฉพาะสองปีสุดท้าย ไม่น่าจะมีปัญหา
2. ถ้าไม่ได้ทำงานถึงวัน orientation ก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร วีซ่าคิดว่าทำในอเมริกาเมืองที่มีสถานกงศุลแคนาดาได้
3. จากที่อ่านมา ค่อนข้างมั่นใจว่าเอเจนท์จะหลอกเอาเงินคุณ ยิ่งคุณไม่รู้อะไร ไม่หาข้อมูลหวังจะไปพึ่งเขา เขายิ่งจะพูดสร้างฝันให้คุณใช้บริการเขา เรียนภาษากับเจ้าของภาษาในใจกลางแมนฮัตตันนิวยอร์คยังราคาไม่ถึงครึ่งที่คุณบอกมาเลย แล้วเอเจนท์ทำไมถึงมีอิทธิพลสั่งให้ยูท๊อปต้องมารับคนที่เรียนภาษากับเขา เพียงเพราะเด็กจ่ายแพง ในประวัติศาสตร์การศึกษาโรงเรียนที่มีคุณภาพไม่มีแบบนี้ครับ แล้วเงินที่เสียค่าสมัครไป เสียฟรีแน่นอน
4. ไม่ทราบครับ
5. ไม่จำเป็นครับ เอเจนท์กำลังฟันคุณหัวแบะอยู่
6. ผมไม่รู้ว่าเอเจนท์ของคุณเค้ามีผลงานเนรมิตอะไรอย่างที่ว่าให้ได้จริงหรือเปล่า แต่ค่อนข้างมั่นใจ 98% ว่าเขากำลังขายฝันที่ไม่ใกล้กับโลกแห่งความจริงให้คุณอยู่เพื่อที่ให้คุณใช้บริการเขา แล้วเขาจะหลอกเอาเงินคุณ ส่งใบสมัครเขาอาจทำให้ฟรี แต่อาจจะมาในรูปแบบขายคอร์สสอนภาษา (ที่โดนไปแล้ว) หรือขายรถรับจากสนามบินราคาแพง ที่พักราคาที่แพงกว่าราคาตลาด หรือจะมาคิดค่าธรรมเนียมการหางาน
เอเจนท์อาจติดต่อกับบริษัทจัดหางานในแคนาดาหางาน part time ลักษณะเดียวกับงาน work and travel มาให้ได้ ซึ่งก็พอช่วยค่าอยู่ค่ากินส่วนหนึ่งให้คุณได้ แต่ไม่ใช่ทำงานมาจ่ายค่าเทอมได้ ส่วนงานออฟฟิศนี่ทำไมเอเจนท์เล็กๆในประเทศไทยถึงมีอิทธิพลไปบอกให้บริษัทในแคนาดารับเด็กไทยที่ไม่มีประสบการณ์ทำงาน เกรดต่ำกว่าสาม ทำงานได้แค่บางเวลา ในขณะที่คนแคนาดาที่โพรไฟล์ดีๆยังหางานยาก แล้วเรียน MBA ถ้าโปรแกรมที่ดีๆจะเรียนหนัก ทั้งวันหมดเวลาไปกับการทำการบ้าน รายงานกลุ่ม คุณคงไม่มีเวลาจะไปทำงานได้มากขนาดได้เงินเป็นกอบเป็นกำ
7. ถ้าสนใจด้านเหล่านั้น MBA ก็เป็นโปรแกรมที่เหมาะ MBA เป็นโปรแกรมด้านบริหารธุรกิจที่จะเรียนทักษะรอบๆด้าน เหมาะสำหรับคนที่มีประสบการณ์การทำงานมาแล้ว เพราะการเรียนจะเน้นเรียนแบบ case study โดยใช้ประสบการณ์ที่เจอมาในชีวิตจริงมา discuss กัน ถ้าไม่มีประสบการณ์ก็จะคุยกับเขาไม่ได้ หรือเวลาเขาพูดมาก็จะนึกภาพไม่ออก ไปเรียนก็ไม่ได้กลับมาเท่าที่ควร
แนะนำให้ไปค้นหาตัวเองก่อนจริงๆครับ ถ้าสนใจ Strategy กับ Marketing Communications เรียน MBA ก็เป็นไอเดียที่ดี แต่สองอย่างนี้ก็ต่างกัน ไปลองหาประสบการณ์ในทั้งสองด้านก่อนดีไหมครับ จะได้รู้ว่าจริงๆแล้วเขาทำอะไร เพราะเรียนเศรษฐศาสตร์จะได้เรียนพวกนี้ก็แค่ไม่กี่ตัว แล้วก็ไม่เหมือนกับสิ่งที่ทำในโลกธุรกิจจริงๆ ก่อนจะตัดสินใจเลือกเรียนมันสองปี กับเอาอนาคตทำงานด้านนี้ต่ออีกจนแก่ ถ้าทำด้านนี้แล้วไม่ชอบแล้วไปเรียน MBA แล้วหางานเปลี่ยนแนวยังทำได้ แต่ถ้าเรียน MBA ไปแล้ว ทำงานหนึ่งปีแล้วค้นพบว่าไม่ชอบจะเปลี่ยนแนวนี่ถ้าทำได้ก็คือต้องยอมรับงานที่ระดับต่ำกว่าระดับประสบการณ์ที่เป็นอยู่มาก MBA top 100 ของโลกก็หาได้ยากมากที่จะรับนักเรียนที่ไม่มีประสบการณ์ ยกเว้นว่าตอนเรียนคุณมีประสบการณ์โดดเด่น อย่างเช่น สร้างบริษัทตอนเรียน เป็นนักกีฬาทีมชาติ อย่าง McGill ก็เขียนไว้เลยว่าต้องมีประสบการณ์ทำงานอย่างต่ำ 2 ปีถึงจะรับพิจารณา แล้วใช้ GMAT ด้วย ที่เอเจนท์จะหาให้คุณไม่ใช่ยูท๊อปหรอกครับ อย่างโปรแกรมของไทยอย่างที่มธ ก็ยังบังคับประสบการณ์อย่างต่ำๆสุดๆคือ 1 ปีถึงจะให้สัมภาษณ์
8. ราคานั้นน่าจะต่อเทอม ปีนึงมีสองเทอม เรียนสองปี
ขอแนะนำตรงๆไม่โกรธกันนะ คิดซะว่าพี่สอนน้อง ไม่หวังดีไม่นั่งพิมพ์มาเป็นชั่วโมงขนาดนี้ เพราะเด็กสมัยนี้เรียนจบแล้วไปต่อโทเลย รุ่นผมก็เป็น แล้วต้องเป็นโทต่างประเทศ ที่ฮิตที่สุดเป็นอังกฤษ เพราะไม่ต้องสอบ GMAT เรียนปีเดียวจบ เร็วดี ถ่ายรูปลงในเฟสบุคสวย สอบ IELTS ไม่ถึงเกณฑ์ก็ไปเรียนภาษาก่อน เอเจนท์มีเยอะมากมาย เดินเอาเอกสารเข้าไปให้เขาก็เข้าเรียนได้ แห่ไปเรียนกันทั้งๆที่ไม่รู้ว่าในชีวิตอยากทำอะไร พ่อแม่บางคนไม่มีเงินก็ไปกู้มาให้เรียน หวังว่าลูกเป็นนักเรียนนอกกลับมาจะพูดภาษาอังกฤษแบบคุณอภิสิทธิ์ แต่ในความเป็นจริงคือไปแล้วเจอครึ่งห้องเป็นคนจีนที่พูดภาษาอังกฤษยังไม่ค่อยแข็งแรง อีกครึ่งเป็นคนไทย ไม่ใช่ได้เรียนอยู่ในหมู่คนเก่งๆจากหลากหลายชาติ เพราะคนที่เข้ามาก็คิดจะหา shortcut เรียนเร็ว เข้าง่าย มาเรียนเพราะไม่อยากทำงานเหมือนๆกัน แล้วเรียนสายธุรกิจเพื่อนร่วมห้องก็สำคัญ เพราะทำงานกลุ่มเยอะ แล้ว discuss กันอีก ก็กลายเป็นว่าเรียนเหมือนป.ตรีที่ไทย นั่งติวกับคนไทย จำๆๆไปสอบ บางคนยิ่งแล้วใหญ่ ไปเรียนไม่รู้เรื่อง ภาษาไม่ดี เลยจ้างเค้าทำรายงานจ้างทำวิจัยจบ กลับมาก็ไม่ได้อะไร สมัยนี้ไปเรียนต่อโทกันเยอะมาก จบออกมาก็ไม่ได้หางานง่ายแล้ว บริษัทมีตัวเลือกเยอะมาก คนจบโทต่างประเทศเยอะมาก จบมาเหมือนๆกันไม่ได้มีอะไรเด่นกว่า ยกเว้นคนจบยูท๊อป 10 อเมริกา แต่พวกนี้ถ้าไม่ต้องกลับมาใช้ทุนกัน ชื่อมหาลัยเค้าก็ขายให้นายจ้างจ้างทำงานในอเมริกาได้ คนอื่นๆที่จบยูที่ไม่ได้ prestigious ขนาดนั้นก็มารับเงินเดือนประมาณ 30,000 ทั้งๆที่ลงทุนไปเป็นล้าน น้องยังดีที่มีความคิดไม่อยากรบกวนทางบ้าน แต่ถ้าอยากเข้ายูท๊อปก็คงทำงานไม่ได้ตามที่ต้องการ เอเจนท์ก็คงส่งไปเรียนที่ที่ไม่ท๊อป (แต่เขาจะบอกเราว่าท๊อป แล้วเราก็จะเชื่อเขา เพราะเราไม่หาข้อมูลเอง) ที่ๆส่งแล้วโรงเรียนให้ตังค์เขาเยอะ ถ้ากู้เงินเรียนกลับมารับเงินสามหมื่นก็คงหลายปีกว่าจะใช้หนี้หมด จากที่อ่านดูก็เห็นความกระตือรือร้นน้องว่าอยากไปต่างประเทศแล้วเร็วๆ แต่ยังไม่ได้หาข้อมูลสักเท่าไหร่ว่าการเรียนโปรแกรมที่อยากเรียนจริงๆนั้นเป็นอย่างไร แต่ก็ยังดีที่ถาม
ถ้ากลับมารับเงินเดือนระดับสามหมื่น เรียนเมืองไทยก็น่าจะทำได้เหมือนกัน และอาจจะได้มากกว่าด้วย โดยที่ค่าใช้จ่ายน้อยกว่ามาก แนะนำให้หางานทำอย่างจริงจังก่อน อย่างน้อยๆก็ 2 ปี ซึ่งเป็นขั้นต่ำมากๆและไม่ได้หมายความว่าจะเข้าได้ เพราะส่วนใหญ่คนอื่นที่อยากเข้าก็มีประสบการณ์มากกว่าสองปี เกรดก็ดี เป็นเจ้าของภาษาก็เยอะ แต่ในช่วงที่ทำงานนี้ตั้งใจทำงานให้ดีๆให้เขาเห็นผลงาน เวลาสมัครเรียนจะได้มีอะไรโดดเด่น ในขณะนี้ก็ไปเรียนภาษาเพิ่มเติม เก็บเงินไปเรียนด้วยตัวเองสักส่วนหนึ่ง ตั้งใจทำสิ่งดีๆให้ตัวเอง ให้เข้ายูท๊อปให้ได้ไปเลย ระหว่างนี้อยากจะไปเมืองนอกก็เก็บตังค์ไปเที่ยวหรือไปเรียนภาษาต่างประเทศเดือนสองเดือนก็ได้ อยู่โดยเงินที่หามาตอนทำงาน อาจทำงานพาร์ททามได้นิดหน่อยถ้ามีเวลา แต่ทุ่มเทกับการเรียนให้เต็มที่ จบมาด้วยเกรดดีๆ ที่แคนาดาไปเรียนแล้วขอวีซ่าทำงานต่อได้เท่าระยะเวลาที่เรียน ถ้าทำเกรดดีๆก็มีบริษัทในแคนาดาอยากรับไปทำงานด้วย รับเงินเป็นดอลล่าร์ จะหาเงินคืนค่าเรียนก็ไม่นาน ถ้าอยากอยู่ต่อแคนาดาก็เปิดโอกาสให้เป็น permanent resident ได้เลย แล้วอยู่อีกสี่ปีก็ได้สัญชาติ ถ้าไม่อยากอยู่ต่อ กลับมาไทยก็เป็นระดับ manager แล้ว ตั้งใจทำอะไรจริงจังไปเลย อดเปรี้ยวไว้กินหวานดีกว่า เรามีความคิดอยากไปเรียนที่ดีๆเป็นสิ่งดีแล้ว อดทนอีกหน่อยทำให้ได้ ดีกว่ารีบไปเรียนแล้วไปเรียนแบบทั้งห้องเป็นคนจีนที่พูดอังกฤษไม่ค่อยได้ กะจะมาทำงานอย่างเดียว ดีกว่าดีไหม
แล้วอยากให้ตรวจสอบเอเจนท์ให้ดีๆ คนที่เค้าส่งเข้ายูท๊อปได้ ยูอะไร ท๊อปจริงหรือเปล่า แล้วเค้าประวัติดีอยู่แล้วรึป่าว บางคนได้ไปเรียนยูแบบ Harvard, NYU ฟังดูโก้เก๋ แต่จริงๆแล้วไปเรียนในโรงเรียน extension ที่เป็นศึกษาผู้ใหญ่ที่รับทุกคน มาตรฐานก็ต่างกับ business school ขอให้โชคดี
1. ถ้าเปิดเว็บของมหาลัยที่อยากจะเข้า คำตอบพวกคะแนนขั้นต่ำ TOEFL/IELTS เค้ามีเขียนอยู่แล้ว ทั้งนี้ทั้งนั้น คะแนนภาษาสูงไม่ได้หมายความว่าจะแก้ไขเกรดที่ต่ำกว่าปกติได้ แต่ถ้าประสบการณ์ทำงานดี โดดเด่น ช่วยให้กรรมการสนใจได้ อย่างแคนาดาหลายๆมหาลัยบอกว่าดูเกรดเฉพาะสองปีสุดท้าย ไม่น่าจะมีปัญหา
2. ถ้าไม่ได้ทำงานถึงวัน orientation ก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร วีซ่าคิดว่าทำในอเมริกาเมืองที่มีสถานกงศุลแคนาดาได้
3. จากที่อ่านมา ค่อนข้างมั่นใจว่าเอเจนท์จะหลอกเอาเงินคุณ ยิ่งคุณไม่รู้อะไร ไม่หาข้อมูลหวังจะไปพึ่งเขา เขายิ่งจะพูดสร้างฝันให้คุณใช้บริการเขา เรียนภาษากับเจ้าของภาษาในใจกลางแมนฮัตตันนิวยอร์คยังราคาไม่ถึงครึ่งที่คุณบอกมาเลย แล้วเอเจนท์ทำไมถึงมีอิทธิพลสั่งให้ยูท๊อปต้องมารับคนที่เรียนภาษากับเขา เพียงเพราะเด็กจ่ายแพง ในประวัติศาสตร์การศึกษาโรงเรียนที่มีคุณภาพไม่มีแบบนี้ครับ แล้วเงินที่เสียค่าสมัครไป เสียฟรีแน่นอน
4. ไม่ทราบครับ
5. ไม่จำเป็นครับ เอเจนท์กำลังฟันคุณหัวแบะอยู่
6. ผมไม่รู้ว่าเอเจนท์ของคุณเค้ามีผลงานเนรมิตอะไรอย่างที่ว่าให้ได้จริงหรือเปล่า แต่ค่อนข้างมั่นใจ 98% ว่าเขากำลังขายฝันที่ไม่ใกล้กับโลกแห่งความจริงให้คุณอยู่เพื่อที่ให้คุณใช้บริการเขา แล้วเขาจะหลอกเอาเงินคุณ ส่งใบสมัครเขาอาจทำให้ฟรี แต่อาจจะมาในรูปแบบขายคอร์สสอนภาษา (ที่โดนไปแล้ว) หรือขายรถรับจากสนามบินราคาแพง ที่พักราคาที่แพงกว่าราคาตลาด หรือจะมาคิดค่าธรรมเนียมการหางาน
เอเจนท์อาจติดต่อกับบริษัทจัดหางานในแคนาดาหางาน part time ลักษณะเดียวกับงาน work and travel มาให้ได้ ซึ่งก็พอช่วยค่าอยู่ค่ากินส่วนหนึ่งให้คุณได้ แต่ไม่ใช่ทำงานมาจ่ายค่าเทอมได้ ส่วนงานออฟฟิศนี่ทำไมเอเจนท์เล็กๆในประเทศไทยถึงมีอิทธิพลไปบอกให้บริษัทในแคนาดารับเด็กไทยที่ไม่มีประสบการณ์ทำงาน เกรดต่ำกว่าสาม ทำงานได้แค่บางเวลา ในขณะที่คนแคนาดาที่โพรไฟล์ดีๆยังหางานยาก แล้วเรียน MBA ถ้าโปรแกรมที่ดีๆจะเรียนหนัก ทั้งวันหมดเวลาไปกับการทำการบ้าน รายงานกลุ่ม คุณคงไม่มีเวลาจะไปทำงานได้มากขนาดได้เงินเป็นกอบเป็นกำ
7. ถ้าสนใจด้านเหล่านั้น MBA ก็เป็นโปรแกรมที่เหมาะ MBA เป็นโปรแกรมด้านบริหารธุรกิจที่จะเรียนทักษะรอบๆด้าน เหมาะสำหรับคนที่มีประสบการณ์การทำงานมาแล้ว เพราะการเรียนจะเน้นเรียนแบบ case study โดยใช้ประสบการณ์ที่เจอมาในชีวิตจริงมา discuss กัน ถ้าไม่มีประสบการณ์ก็จะคุยกับเขาไม่ได้ หรือเวลาเขาพูดมาก็จะนึกภาพไม่ออก ไปเรียนก็ไม่ได้กลับมาเท่าที่ควร
แนะนำให้ไปค้นหาตัวเองก่อนจริงๆครับ ถ้าสนใจ Strategy กับ Marketing Communications เรียน MBA ก็เป็นไอเดียที่ดี แต่สองอย่างนี้ก็ต่างกัน ไปลองหาประสบการณ์ในทั้งสองด้านก่อนดีไหมครับ จะได้รู้ว่าจริงๆแล้วเขาทำอะไร เพราะเรียนเศรษฐศาสตร์จะได้เรียนพวกนี้ก็แค่ไม่กี่ตัว แล้วก็ไม่เหมือนกับสิ่งที่ทำในโลกธุรกิจจริงๆ ก่อนจะตัดสินใจเลือกเรียนมันสองปี กับเอาอนาคตทำงานด้านนี้ต่ออีกจนแก่ ถ้าทำด้านนี้แล้วไม่ชอบแล้วไปเรียน MBA แล้วหางานเปลี่ยนแนวยังทำได้ แต่ถ้าเรียน MBA ไปแล้ว ทำงานหนึ่งปีแล้วค้นพบว่าไม่ชอบจะเปลี่ยนแนวนี่ถ้าทำได้ก็คือต้องยอมรับงานที่ระดับต่ำกว่าระดับประสบการณ์ที่เป็นอยู่มาก MBA top 100 ของโลกก็หาได้ยากมากที่จะรับนักเรียนที่ไม่มีประสบการณ์ ยกเว้นว่าตอนเรียนคุณมีประสบการณ์โดดเด่น อย่างเช่น สร้างบริษัทตอนเรียน เป็นนักกีฬาทีมชาติ อย่าง McGill ก็เขียนไว้เลยว่าต้องมีประสบการณ์ทำงานอย่างต่ำ 2 ปีถึงจะรับพิจารณา แล้วใช้ GMAT ด้วย ที่เอเจนท์จะหาให้คุณไม่ใช่ยูท๊อปหรอกครับ อย่างโปรแกรมของไทยอย่างที่มธ ก็ยังบังคับประสบการณ์อย่างต่ำๆสุดๆคือ 1 ปีถึงจะให้สัมภาษณ์
8. ราคานั้นน่าจะต่อเทอม ปีนึงมีสองเทอม เรียนสองปี
ขอแนะนำตรงๆไม่โกรธกันนะ คิดซะว่าพี่สอนน้อง ไม่หวังดีไม่นั่งพิมพ์มาเป็นชั่วโมงขนาดนี้ เพราะเด็กสมัยนี้เรียนจบแล้วไปต่อโทเลย รุ่นผมก็เป็น แล้วต้องเป็นโทต่างประเทศ ที่ฮิตที่สุดเป็นอังกฤษ เพราะไม่ต้องสอบ GMAT เรียนปีเดียวจบ เร็วดี ถ่ายรูปลงในเฟสบุคสวย สอบ IELTS ไม่ถึงเกณฑ์ก็ไปเรียนภาษาก่อน เอเจนท์มีเยอะมากมาย เดินเอาเอกสารเข้าไปให้เขาก็เข้าเรียนได้ แห่ไปเรียนกันทั้งๆที่ไม่รู้ว่าในชีวิตอยากทำอะไร พ่อแม่บางคนไม่มีเงินก็ไปกู้มาให้เรียน หวังว่าลูกเป็นนักเรียนนอกกลับมาจะพูดภาษาอังกฤษแบบคุณอภิสิทธิ์ แต่ในความเป็นจริงคือไปแล้วเจอครึ่งห้องเป็นคนจีนที่พูดภาษาอังกฤษยังไม่ค่อยแข็งแรง อีกครึ่งเป็นคนไทย ไม่ใช่ได้เรียนอยู่ในหมู่คนเก่งๆจากหลากหลายชาติ เพราะคนที่เข้ามาก็คิดจะหา shortcut เรียนเร็ว เข้าง่าย มาเรียนเพราะไม่อยากทำงานเหมือนๆกัน แล้วเรียนสายธุรกิจเพื่อนร่วมห้องก็สำคัญ เพราะทำงานกลุ่มเยอะ แล้ว discuss กันอีก ก็กลายเป็นว่าเรียนเหมือนป.ตรีที่ไทย นั่งติวกับคนไทย จำๆๆไปสอบ บางคนยิ่งแล้วใหญ่ ไปเรียนไม่รู้เรื่อง ภาษาไม่ดี เลยจ้างเค้าทำรายงานจ้างทำวิจัยจบ กลับมาก็ไม่ได้อะไร สมัยนี้ไปเรียนต่อโทกันเยอะมาก จบออกมาก็ไม่ได้หางานง่ายแล้ว บริษัทมีตัวเลือกเยอะมาก คนจบโทต่างประเทศเยอะมาก จบมาเหมือนๆกันไม่ได้มีอะไรเด่นกว่า ยกเว้นคนจบยูท๊อป 10 อเมริกา แต่พวกนี้ถ้าไม่ต้องกลับมาใช้ทุนกัน ชื่อมหาลัยเค้าก็ขายให้นายจ้างจ้างทำงานในอเมริกาได้ คนอื่นๆที่จบยูที่ไม่ได้ prestigious ขนาดนั้นก็มารับเงินเดือนประมาณ 30,000 ทั้งๆที่ลงทุนไปเป็นล้าน น้องยังดีที่มีความคิดไม่อยากรบกวนทางบ้าน แต่ถ้าอยากเข้ายูท๊อปก็คงทำงานไม่ได้ตามที่ต้องการ เอเจนท์ก็คงส่งไปเรียนที่ที่ไม่ท๊อป (แต่เขาจะบอกเราว่าท๊อป แล้วเราก็จะเชื่อเขา เพราะเราไม่หาข้อมูลเอง) ที่ๆส่งแล้วโรงเรียนให้ตังค์เขาเยอะ ถ้ากู้เงินเรียนกลับมารับเงินสามหมื่นก็คงหลายปีกว่าจะใช้หนี้หมด จากที่อ่านดูก็เห็นความกระตือรือร้นน้องว่าอยากไปต่างประเทศแล้วเร็วๆ แต่ยังไม่ได้หาข้อมูลสักเท่าไหร่ว่าการเรียนโปรแกรมที่อยากเรียนจริงๆนั้นเป็นอย่างไร แต่ก็ยังดีที่ถาม
ถ้ากลับมารับเงินเดือนระดับสามหมื่น เรียนเมืองไทยก็น่าจะทำได้เหมือนกัน และอาจจะได้มากกว่าด้วย โดยที่ค่าใช้จ่ายน้อยกว่ามาก แนะนำให้หางานทำอย่างจริงจังก่อน อย่างน้อยๆก็ 2 ปี ซึ่งเป็นขั้นต่ำมากๆและไม่ได้หมายความว่าจะเข้าได้ เพราะส่วนใหญ่คนอื่นที่อยากเข้าก็มีประสบการณ์มากกว่าสองปี เกรดก็ดี เป็นเจ้าของภาษาก็เยอะ แต่ในช่วงที่ทำงานนี้ตั้งใจทำงานให้ดีๆให้เขาเห็นผลงาน เวลาสมัครเรียนจะได้มีอะไรโดดเด่น ในขณะนี้ก็ไปเรียนภาษาเพิ่มเติม เก็บเงินไปเรียนด้วยตัวเองสักส่วนหนึ่ง ตั้งใจทำสิ่งดีๆให้ตัวเอง ให้เข้ายูท๊อปให้ได้ไปเลย ระหว่างนี้อยากจะไปเมืองนอกก็เก็บตังค์ไปเที่ยวหรือไปเรียนภาษาต่างประเทศเดือนสองเดือนก็ได้ อยู่โดยเงินที่หามาตอนทำงาน อาจทำงานพาร์ททามได้นิดหน่อยถ้ามีเวลา แต่ทุ่มเทกับการเรียนให้เต็มที่ จบมาด้วยเกรดดีๆ ที่แคนาดาไปเรียนแล้วขอวีซ่าทำงานต่อได้เท่าระยะเวลาที่เรียน ถ้าทำเกรดดีๆก็มีบริษัทในแคนาดาอยากรับไปทำงานด้วย รับเงินเป็นดอลล่าร์ จะหาเงินคืนค่าเรียนก็ไม่นาน ถ้าอยากอยู่ต่อแคนาดาก็เปิดโอกาสให้เป็น permanent resident ได้เลย แล้วอยู่อีกสี่ปีก็ได้สัญชาติ ถ้าไม่อยากอยู่ต่อ กลับมาไทยก็เป็นระดับ manager แล้ว ตั้งใจทำอะไรจริงจังไปเลย อดเปรี้ยวไว้กินหวานดีกว่า เรามีความคิดอยากไปเรียนที่ดีๆเป็นสิ่งดีแล้ว อดทนอีกหน่อยทำให้ได้ ดีกว่ารีบไปเรียนแล้วไปเรียนแบบทั้งห้องเป็นคนจีนที่พูดอังกฤษไม่ค่อยได้ กะจะมาทำงานอย่างเดียว ดีกว่าดีไหม
แล้วอยากให้ตรวจสอบเอเจนท์ให้ดีๆ คนที่เค้าส่งเข้ายูท๊อปได้ ยูอะไร ท๊อปจริงหรือเปล่า แล้วเค้าประวัติดีอยู่แล้วรึป่าว บางคนได้ไปเรียนยูแบบ Harvard, NYU ฟังดูโก้เก๋ แต่จริงๆแล้วไปเรียนในโรงเรียน extension ที่เป็นศึกษาผู้ใหญ่ที่รับทุกคน มาตรฐานก็ต่างกับ business school ขอให้โชคดี
แสดงความคิดเห็น
เกรด 2.8 จบจุฬาฯ พอจะเข้าเรียนที่ U แถบ Canada ได้ไหมครับ?
แต่ติดที่ว่า เกรดผมที่คาดว่าจะจบน่าจะ 2.75-2.8 ครับ เลยกลัวมากๆ ว่าจะเข้าไม่ได้ (ผมจะเรียน MBA Marketing ครับ แต่จบเสดสาดมา)
(แต่ตอนนี้ยัง 2.6 อยู่เลย แต่เกรดจะขึ้นแน่นอนครับ)
แต่ Agency บอกว่าได้ เพราะชื่อมหาวิทยาลัยจะมีส่วนในการพิจารณา เช่นจุฬาฯ ธรรมศาสตร์
เลยไม่แน่ใจเลยครับ เพราะที่ผมไปคุยเป็น Agency ไม่ใหญ่มาก
แต่ว่ามีเจ้าของที่ผมค่อนข้างสนิท และเพื่อนเคยไปเรียนคอร์ส 1 เดือนกับเขามาแล้ว
เลยอยากรู้ตามนี้ครับ
1.เกรดเท่านี้จะเข้าได้ไหมครับ ถ้าสอบ IELTS 6.5-7.0 (เป็นไปได้อยากเข้า U ดังๆ เช่น U of Toronto, UBC และ Mcgill)
2.ผมจ่ายเงินไป Work and travel เรียบร้อยแล้ว ไม่รู้ว่าจะมีปัญหากับการเรียนต่อไหม (ปัญหาทั้งเวลาชนกันและ Visa)
ผมเลิกงานของ Work and Travel ตั้งแต่ต้นเดือนมิถุนายน แล้วครับ เพราะต้องกลับมารับปริญญาต่อ
3.เขาให้ผมเรียน IELTS กับเขาโดยอาจารย์ 4 คน มีฝรั่งบางคน นอกนั้นไทย แต่การันตีว่าคะแนนมากขึ้นแน่นอน พร้อมเข้าแคนาดา ถ้าไม่ถึงให้มาเรียนเพิ่มอีก 50 ชม ค่าเรียน 30,000 บาท รับแค่ 3-5 คน (ซึ่งมีแต่เพื่อนผม) เวลาเรียน 50 ชม เลือกเวลาเรียนเองได้ ไม่ทราบว่าแพงไปไหมครับ? มีที่ไหนแนะนำบ้าง ถ้าไม่เรียนกะที่นี่ แล้วเกิดไม่ถึงเกณฑ์ เอกสารที่ผมส่งไปทั้งหมด ค่าดำเนินการจะเสียฟรีหมดเลยปะครับ เลยอยากเรียนกับที่นี่ถ้าเขาการันตีชัวร์ๆ ผมคิดถูกปะครับ?
4.ไม่ทราบว่ายังมีหวังขอทุนอยู่บ้างป่าวครับ? แต่ผมก็ดูทางเลือกในการกู้แบงค์อยู่บ้าง ไม่ทราบว่าแบงค์ไหนมีกู้เรียนนอกบ้าง แล้วเงื่อนไขมีอะไรบ้างหรอครับ
5.จำเป็นไหม ที่จะต้องไปเรียนภาษาก่อนเปิดเทอมที่นั่น เพราะ 1)ผมยังอยากรับปริญญาอยู่ ถ้าไปเรียนก่อนคงอดรับ และกลัวติด Work and Travel ด้วย 2)เสียตังน่าจะมาก
6.ที่อยากไปแคนาดาเพราะมีพี่คนนี้จัดการให้ จริงๆผมเรียนที่ไหนก็ได้ ที่สามารถมีคนช่วยค่ากินอยู่ตอนไปเรียน เพราะผมไม่สามารถขอพ่อแม่เดือนละหลายหมื่นได้ จึงอยากหางานทำเพื่อกินอยู่เอง ตอนแรกเล็งไว้ที่รัฐนึงในอเมริกา เพราะมีเพื่อนแม่ทำงานอยู่ สามารถทำร้านอาหารเขาได้ แต่ที่ไปแคนาดากับพี่คนนี้ เขาบอกจะหางานทำให้ มีทั้งแบบทำในออฟฟิศและงานพาร์ททามตามร้านอาหาร ผมจึงเลือกไปกับพี่เขา ผมคิดถูกมั้ยครับ?
7.MBA นี่ผมชักไม่เข้าใจความหมายมันจริงๆซะแล้วล่ะครับ คือจริงๆผมชอบพวก Marketing แบบออกแบบ Business Strategy ให้กับองค์กร เทคนิคทำการตลาด ทำฝ่ายออกแบบการตลาด อะไรพวกนี้ครับ ไม่ทราบว่าผมเลือก MBA ถูกไหม? ผมชอบ Marketing Communication ครับ
8.ที่นี่เรียน 2 ปี เสียค่าใช้จ่ายเขาบอกว่าเทอมละ 15,000$ แปลว่าตลอดหลักสูตรคือ 30,000$ ใช่ไหมครับ? แต่ทำไมผมหาในอินเตอร์เนตเขาบอกว่าเสียค่าใช้จ่ายแค่ 16,000-18,000$ เอง ซึ่งในเนตไม่ได้บอกว่าเทอมละหรือรวมทั้งหมดแล้ว เลยอยากถามข้อเท็จจริงครับ
9.มี University อะไรดังๆ ใน Canada ที่ผมพอจะเข้าได้ไหมครับ ถ้าในกรณีที่ U ข้างต้นผมไม่สามารถเข้าได้
10.เรียนแคนาดา กับเรียนที่อื่น ต่างกันตรงไหนบ้างครับ? เพราะจริงๆ ผมไม่ค่อยซีเรียสเรื่องสถานที่เลย ขอแค่มีงานทำระหว่างเรียนไม่ต้องรบกวนพ่อแม่ มีคนจัดการให้เพื่อความสบายใจ U ที่เรียนติด Top 100 ก็พอแล้วครับ
ขอบคุณมากๆครับ พิมซะยาวเลย ช่วยตอบทีนะครับ ช่วงนี้เครียดและหมกมุ่นเรื่องนี้มากๆเลย