หมายเหตุ : จริงๆแล้ว เคยเขียนบทความถึง jojolion
มาหลายครั้งหลายครา แต่เนื่องจากรวมเล่มภาษาไทยของ NED
พึ่งจะออกมาไม่นานมานี้ ผมเคยขอรีวิวโดยแสร้งทำเป็นว่าไม่เคยรู้จัก
jojolion มาก่อนเลยนะครับ อิอิ ..โดยรีวิวนี้จะขอพูดถึงเฉพาะเล่ม 1
เท่านั้นนะครับ
"นี่คือเรื่องราวของการ 'ถอนคำสาป'
จุดเริ่มต้นของคำสาปนั้น ...บางคนอธิบายว่ามันคือ 'มลทิน'
จากที่บรรพบุรุษในอดีตเคยก่อไว้โดยที่ไม่รู้ตัว
บางคน ...ก็อธิบายว่าเป็น 'ความแค้น' ที่ซากาโนะอุเอะโนะ
ทามุระ มาโระ เคยสั่งสมไว้ในยุคสงครามครองภาคเหนือ
หรือหากจะตีความอีกแบบ ...บ้างก็อธิบายว่ามันคือ 'รอยด่าง'
ที่เกิดขึ้นหลังจากมนุษยชาติถือกำเนิด และเริ่มจำแนก 'ขาว'
ออกจาก 'ดำ' ได้
แต่ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม 'คำสาป' จักต้องถูกถอนซักวัน
มิเช่นนั้นอาจจะต้องพ่ายแพ้ให้แก่คำสาป..."
...นี่คือบทบรรยายของ 'ฮิโรเสะ ยาสึโฮะ' ตัวเอกอีกคนหนึ่ง
ของภาคนี้ ที่สามารถสรุป 'ธีม' บางส่วนของภาคได้คร่าวๆไม่น้อยเลย
(อันนี้บอกก่อนว่า ส่วนตัวผมนั้นเป็นสาวกเดนตายของโจโจ้
และ อ.อารากิ อยู่แล้วนะครับ ทำให้ไม่มีโจโจ้ภาคไหนที่ผมไม่ชอบ
มีแต่ชอบน้อย ชอบมากเท่านั้น แต่ชอบจนภาคไหนก็รู้สึกสนุก)
สิ่งที่ผมสังเกตตั้งแต่คิ้วปกเลยก็คือ ข้อความของ อ.อารากิ นั้น แกพูดเหมือน
กับว่าแกเป็นเด็กใหม่พึ่งเข้าวงการมาขอฝากเนื้อฝากตัวยังไงไม่รู้ XD ทั้งๆที่แก
เป็นมือเก๋าที่มีคนเคารพรักมากมาย ...ในทางหนึ่งก็อาจจะเป็นไปได้ครับ เพราะ
ตั้งแต่ภาค 6 เป็นต้นมา แม้เนื้อหาจะต่อเนื่องกัน แต่ธีมของภาคนั้นจะมาใน
ลักษณะเฉพาะตัว คือมีความเป็น Stand Alone มากกว่าภาค 1-5 ที่โทนมักจะ
มาในสไตส์โชเนนเหมือนกัน แต่ธีมของภาค 6-8 นั้นมีลักษณะที่โดดจากกัน
คือเป็นตัวของตัวเองสูง และไม่ผูกตัวเองไว้กับการเป็นการ์ตูนโชเนนสไตส์จัมป์
อีกแล้ว ..สังเกตว่าตั้งแต่ภาค 6 เมื่อขึ้นภาคใหม่ อ.อารากิ ก็จะนับหนึ่งใหม่เสมอ
เหมือนเป็นการเริ่มต้นพาคนอ่านไปสู่อีกธีมหนึ่งที่ต่างกันต่างสิ้นเชิง หรือพูดอย่าง
โอหังเลยก็คือ อย่าคิดว่าจะได้เจอสิ่งเดิมๆ ในภาคใหม่น่ะครับ แหะๆ > < ปล่อย
สิ่งที่มันเคยผ่านในอดีตไปก่อน แล้วมาลุยกับสิ่งที่จะเกิดขึ้นใน jojolion กันเถอะครับ
ซึ่งแม้ผมจะตามอ่านใน Boom กับอ่านสแกน Eng มาตลอดก็จริง
แต่กับการอ่านรวมเล่มภาษาไทยแบบรวดเเดียวแบบนี้ อารมณ์มันต่าง
กันมากครับ อ่านแล้วรู้สึกว่ามันอินมากกว่า เข้าใจมากมากกว่ากันเยอะเลย
แกนหลักที่ jojolion เล่า (ในตอนนี้) คือ
"โจ2สุเก คือใคร?"
ส่วนแกนรองก็คือบรรดาปริศนาที่ถาโถมเข้ามาในเรื่องมากมายตั้งแต่ 2-3
ตอนแรก จนถ้าคนอ่านรวบรวมข้อมูลไม่ถูกคงมีงงกันบ้างล่ะครับ เพราะ
เนื้อหาในภาคนี้ไม่ได้นำเสนออะไรตรงๆเหมือนที่แล้วๆมา แต่จะมาแนว
ค่อยๆเผยทีละเงื่อนงำ ให้คนอ่านให้รู้เรื่อยๆ และเก็บรวบรวมกันข้อมูลเอง
สำหรับเนื้อหาที่เกิดขึ้นใน jojolion เล่มแรกนี้นั้น เป็นการดึงให้เรื่องออก
มาในทางเรียบง่ายที่สุด คือเป็นการเล่าเรื่องจากเรื่องธรรมดาพื้นๆ จากนั้น
ก็โยนเรื่องประหลาดที่อธิบายไม่ได้ลงไป ...ซึ่งจะคล้ายๆกับในภาคก่อนๆที่
อ.อารากิ โยนศัตรูลงไปโดยที่พวกตัวเอกยังไม่รู้เลยว่าจะเอาชนะได้ยังไง
แต่ใน jojolion จะเล่นกับประเด็นทางจิตมากกว่าภาคก่อนๆ นั่นคือ จู่ๆก็มี
เรื่องบ้าอะไรก็ไม่รู้เกิดขึ้นมา จนไม่รู้จะทำยังไงดี ...ถ้าเป็นภาคก่อนๆ
เนื้อหาแบบนี้จะผ่านไปได้ชิลด์ๆมาก เพราะตัวละครส่วนใหญ่จะมีวุฒิภาวะ
และการตัดสินใจที่เกินวัย สามารถคลี่คลายปัญหาและการเล่นงานของศัตรู
ได้ในเวลาไม่นาน ...แต่ตัวเอกทั้งสอง อย่าง โจ2สุเกะ กับ ยาสึโฮะ ไม่ได้
มีลักษณะแบบนั้น พวกเขาถูกวางให้เป็นแค่เด็กวัยรุ่นที่กำลังอยู่ในช่วงวัยว้า
วุ่นจริงๆ ไม่ได้มีความคิดที่จะพิทักษ์โลกหรือผดุงความดีใดๆทั้งสิ้น
...โจ2สุเกะเป็นชายที่สูญเสียความทรงจำ ไม่รู้ว่าตัวเองเป็นใคร ไม่สามารถ
ไว้ใจใครได้ ส่วนยาสุโฮะแม้จะเป็นเด็กสาวร่าเริงก็จริง แต่เธอก็ไม่ค่อยมี
เพื่อนไปไหนมานั้นด้วยกันนัก ทำให้ทั้งสองคนมีสถานะเป็น
"คนโดดเดี่ยว" พอๆกัน
ซึ่งด้วยลักษณะเรื่องแนวเอิ้ยเจื้อยเรื่อยเปื่อยของภาคนี้ (บวกกับปริศนาที่
ยากจะเดาได้) ทำให้ผมเชื่อว่า น่าจะมีหลายๆคนไม่น้อยเลยที่เป็นแบบผม
นะครับ คือรู้สึกหลงรักในสองตัวเอกอย่างโจ2สุเกะกับยาสึโฮะไปเลย เพราะ
ในธีมเรื่องที่ค่อนข้างคลุมคลือ สองคนนี้เป็นเหมือนแสงสว่างเลยทีเดียว
...ตอนแรกผมก็สงสัยว่าจะมีคนชอบไอ้พระเอกท่าทางเอ๋อๆคนนี้มากขนาด
ไหนหว่า? ผมจะดูครับว่ารวมเล่มไทยออกมาแล้ว เสียงตอบรับคนอ่านที่มี
ต่อเจ้าเหยินที่จะเป็นยังไง 555 (แบบนี้ไงครับผมถึงตั้งชื่อไทยภาคนี้ว่า
หนุ่มฟันห่างกับสาวดังโงะ XD เพราะสองคนนี้น่ารักจริงๆ)
ด้วยเหตุนี้ผมเลยคิดว่าการเล่าเรื่องส่วนใหญ่ของ jojolion จะมาจากการ
"บ่น"
ของยาสึโฮะ กับความ
"อยากรู้" ของโจ2สุเกะ เป็นหลัก ...บทบรรยายของ
ยาสุโฮะส่วนใหญ่จะเป็นแนวบ่นนู่นบ่นนี่ ส่วนของโจ2สุเกะก็เป็นอาการอยากรู้อยาก
เห็นโน่นนี่ ทำให้การเล่าเรื่องใน jojolion ออกแนวชิลด์ๆ แต่ในความชิลด์นั้นก็แฝง
ไปด้วยแนวคิด ปรัชญา ไม่น้อยเลย ทำให้เนื้อหาใน jojolion นั้น จะเน้นการต่อสู้น้อยลง
และหันไปใส่ใจกับสภาพจิตใจของบรรดาตัวละครมากขึ้น จนกลายเป็น Theme
การต่อสู้หลักของภาคนี้ ซึ่งแน่นอนว่าเราจะไม่ได้เห็นโจ2สุเกะ ใช้ S&W โอร่าโอร่า
ใส่ศัตรูบ่อยๆแน่นอน แถมศัตรูยังมาแนวน่ากลัวและลึกลับ โดยเฉพาะการเล่นงานของ
ศัตรูในเล่มนี้ ที่ทำให้รู้สึกเหมือนหนังสยองขวัญแนวฆาตกรรมซาดิสท์ยังไงยังงั้น
(หลายๆอย่างใน jojolion จะออกไปทางอารมณ์สยองขวัญหลายๆอย่างนะครับ
ทั้ง ฆาตกร, การรวมร่าง, อาการจิตหลอน, บุคลิกพวกหญิงร้ายแบบฟิล์มนัวร์ ฯลฯ)
อ่านๆมาเหมือน jojolion จะเป็นการ์ตูนซีเรียสมากนะครับ 55555+
แต่จริงๆมันไม่ใช่การ์ตูนมืดหม่นอะไรขนาดนั้น เพราะในเล่มแรกมันก็มี
มุขตลกเล็กๆน่ารักๆแทรกไปตลอดเรื่อง ทั้งมุขขนมดังโงะหรือความ
เอ๋อของโจ2สุเกะที่สร้างรอยยิ้มให้ได้ตลอด
สรุปคือ jojolion เป็นโจโจ้ภาคที่ฉีกแนวทางจากภาคก่อนๆไปพอสมควร
หลายๆอย่างที่เคยเป็นในอดีตถูกลดทอนลงและใส่ด้านความรู้สึกและความ
สัมพันธุ์ของตัวละครมากขึ้นกว่าเดิม อาจจะทำให้คนที่ชอบสไตส์บู๊เก่าๆไม่
ชอบ เพราะ jojolion ไม่มีสไตส์การเล่าเรื่องที่บอกอะไรคนอ่านชัดเจนมากนัก
หลายๆอย่างคนอ่านต้องทำความเข้าใจเอาเองจากสิ่งที่อยู่รายรอบในแต่ละ
ตอน หากชอบการ์ตูนแนวแอ็คชั่น ผสมกับดราม่า-คอเมดี้ ล่ะก็ jojolion
คืออีกหนึ่งการ์ตูนที่มีมาตฐานการวางโครงเรื่องในชั้นเยี่ยมครับ แค่เล่มแรก
ก็ทิ้งปมปริศนาติดหัวคนอ่านไปได้แล้ว ...หากเป็นสาวกเดนตายที่รู้ทางของ
อ.อารากิ จะสนุกมากครับ แต่สำหรับขาจรนั้นอาจจะมองว่าเป็นการ์ตูนบ้าอะไร
ก็ไม่รู้ไปเลยก็ได้เหมือนกันครับ XD ผมคิดว่า อ.อารากิ ไม่ได้เขียน jojolion
ขึ้นมาให้มันเป็นการ์ตูนมหาชนอยู่แล้ว เขาแค่อยากจะเล่าเรื่องที่คิดไว้ให้ดีที่
สุดเท่านั้น ว่าตามนั้นแล้วหากอยากจะพิสูจน์ด้วยตนเองก็ออกไปซื้อในราคา
55 บาท กันได้เลยครับ ...ส่วนตัวผมนั้นรอคอยเล่ม 2 อย่างใจจดใจจ่อไปแล้วครับผม ^ ^
ปล.ถึงจะไม่ได้บอกชัดเจน แต่ผมก็เชื่อไปแล้วว่า
ยาสึโฮะ คือโคอิจิของจักรวาลนี้นะครับ 55555+
(เพราะบทมันใช่จริงๆ ไม่ใช่แค่นามสกุลเท่านั้น)
[JOJO] รีวิว JOJOLION เล่ม 1 "หนุ่มฟันห่าง กับ สาวดังโงะ"
มาหลายครั้งหลายครา แต่เนื่องจากรวมเล่มภาษาไทยของ NED
พึ่งจะออกมาไม่นานมานี้ ผมเคยขอรีวิวโดยแสร้งทำเป็นว่าไม่เคยรู้จัก
jojolion มาก่อนเลยนะครับ อิอิ ..โดยรีวิวนี้จะขอพูดถึงเฉพาะเล่ม 1
เท่านั้นนะครับ
"นี่คือเรื่องราวของการ 'ถอนคำสาป'
จุดเริ่มต้นของคำสาปนั้น ...บางคนอธิบายว่ามันคือ 'มลทิน'
จากที่บรรพบุรุษในอดีตเคยก่อไว้โดยที่ไม่รู้ตัว
บางคน ...ก็อธิบายว่าเป็น 'ความแค้น' ที่ซากาโนะอุเอะโนะ
ทามุระ มาโระ เคยสั่งสมไว้ในยุคสงครามครองภาคเหนือ
หรือหากจะตีความอีกแบบ ...บ้างก็อธิบายว่ามันคือ 'รอยด่าง'
ที่เกิดขึ้นหลังจากมนุษยชาติถือกำเนิด และเริ่มจำแนก 'ขาว'
ออกจาก 'ดำ' ได้
แต่ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม 'คำสาป' จักต้องถูกถอนซักวัน
มิเช่นนั้นอาจจะต้องพ่ายแพ้ให้แก่คำสาป..."
...นี่คือบทบรรยายของ 'ฮิโรเสะ ยาสึโฮะ' ตัวเอกอีกคนหนึ่ง
ของภาคนี้ ที่สามารถสรุป 'ธีม' บางส่วนของภาคได้คร่าวๆไม่น้อยเลย
(อันนี้บอกก่อนว่า ส่วนตัวผมนั้นเป็นสาวกเดนตายของโจโจ้
และ อ.อารากิ อยู่แล้วนะครับ ทำให้ไม่มีโจโจ้ภาคไหนที่ผมไม่ชอบ
มีแต่ชอบน้อย ชอบมากเท่านั้น แต่ชอบจนภาคไหนก็รู้สึกสนุก)
สิ่งที่ผมสังเกตตั้งแต่คิ้วปกเลยก็คือ ข้อความของ อ.อารากิ นั้น แกพูดเหมือน
กับว่าแกเป็นเด็กใหม่พึ่งเข้าวงการมาขอฝากเนื้อฝากตัวยังไงไม่รู้ XD ทั้งๆที่แก
เป็นมือเก๋าที่มีคนเคารพรักมากมาย ...ในทางหนึ่งก็อาจจะเป็นไปได้ครับ เพราะ
ตั้งแต่ภาค 6 เป็นต้นมา แม้เนื้อหาจะต่อเนื่องกัน แต่ธีมของภาคนั้นจะมาใน
ลักษณะเฉพาะตัว คือมีความเป็น Stand Alone มากกว่าภาค 1-5 ที่โทนมักจะ
มาในสไตส์โชเนนเหมือนกัน แต่ธีมของภาค 6-8 นั้นมีลักษณะที่โดดจากกัน
คือเป็นตัวของตัวเองสูง และไม่ผูกตัวเองไว้กับการเป็นการ์ตูนโชเนนสไตส์จัมป์
อีกแล้ว ..สังเกตว่าตั้งแต่ภาค 6 เมื่อขึ้นภาคใหม่ อ.อารากิ ก็จะนับหนึ่งใหม่เสมอ
เหมือนเป็นการเริ่มต้นพาคนอ่านไปสู่อีกธีมหนึ่งที่ต่างกันต่างสิ้นเชิง หรือพูดอย่าง
โอหังเลยก็คือ อย่าคิดว่าจะได้เจอสิ่งเดิมๆ ในภาคใหม่น่ะครับ แหะๆ > < ปล่อย
สิ่งที่มันเคยผ่านในอดีตไปก่อน แล้วมาลุยกับสิ่งที่จะเกิดขึ้นใน jojolion กันเถอะครับ
ซึ่งแม้ผมจะตามอ่านใน Boom กับอ่านสแกน Eng มาตลอดก็จริง
แต่กับการอ่านรวมเล่มภาษาไทยแบบรวดเเดียวแบบนี้ อารมณ์มันต่าง
กันมากครับ อ่านแล้วรู้สึกว่ามันอินมากกว่า เข้าใจมากมากกว่ากันเยอะเลย
แกนหลักที่ jojolion เล่า (ในตอนนี้) คือ "โจ2สุเก คือใคร?"
ส่วนแกนรองก็คือบรรดาปริศนาที่ถาโถมเข้ามาในเรื่องมากมายตั้งแต่ 2-3
ตอนแรก จนถ้าคนอ่านรวบรวมข้อมูลไม่ถูกคงมีงงกันบ้างล่ะครับ เพราะ
เนื้อหาในภาคนี้ไม่ได้นำเสนออะไรตรงๆเหมือนที่แล้วๆมา แต่จะมาแนว
ค่อยๆเผยทีละเงื่อนงำ ให้คนอ่านให้รู้เรื่อยๆ และเก็บรวบรวมกันข้อมูลเอง
สำหรับเนื้อหาที่เกิดขึ้นใน jojolion เล่มแรกนี้นั้น เป็นการดึงให้เรื่องออก
มาในทางเรียบง่ายที่สุด คือเป็นการเล่าเรื่องจากเรื่องธรรมดาพื้นๆ จากนั้น
ก็โยนเรื่องประหลาดที่อธิบายไม่ได้ลงไป ...ซึ่งจะคล้ายๆกับในภาคก่อนๆที่
อ.อารากิ โยนศัตรูลงไปโดยที่พวกตัวเอกยังไม่รู้เลยว่าจะเอาชนะได้ยังไง
แต่ใน jojolion จะเล่นกับประเด็นทางจิตมากกว่าภาคก่อนๆ นั่นคือ จู่ๆก็มี
เรื่องบ้าอะไรก็ไม่รู้เกิดขึ้นมา จนไม่รู้จะทำยังไงดี ...ถ้าเป็นภาคก่อนๆ
เนื้อหาแบบนี้จะผ่านไปได้ชิลด์ๆมาก เพราะตัวละครส่วนใหญ่จะมีวุฒิภาวะ
และการตัดสินใจที่เกินวัย สามารถคลี่คลายปัญหาและการเล่นงานของศัตรู
ได้ในเวลาไม่นาน ...แต่ตัวเอกทั้งสอง อย่าง โจ2สุเกะ กับ ยาสึโฮะ ไม่ได้
มีลักษณะแบบนั้น พวกเขาถูกวางให้เป็นแค่เด็กวัยรุ่นที่กำลังอยู่ในช่วงวัยว้า
วุ่นจริงๆ ไม่ได้มีความคิดที่จะพิทักษ์โลกหรือผดุงความดีใดๆทั้งสิ้น
...โจ2สุเกะเป็นชายที่สูญเสียความทรงจำ ไม่รู้ว่าตัวเองเป็นใคร ไม่สามารถ
ไว้ใจใครได้ ส่วนยาสุโฮะแม้จะเป็นเด็กสาวร่าเริงก็จริง แต่เธอก็ไม่ค่อยมี
เพื่อนไปไหนมานั้นด้วยกันนัก ทำให้ทั้งสองคนมีสถานะเป็น
"คนโดดเดี่ยว" พอๆกัน
ซึ่งด้วยลักษณะเรื่องแนวเอิ้ยเจื้อยเรื่อยเปื่อยของภาคนี้ (บวกกับปริศนาที่
ยากจะเดาได้) ทำให้ผมเชื่อว่า น่าจะมีหลายๆคนไม่น้อยเลยที่เป็นแบบผม
นะครับ คือรู้สึกหลงรักในสองตัวเอกอย่างโจ2สุเกะกับยาสึโฮะไปเลย เพราะ
ในธีมเรื่องที่ค่อนข้างคลุมคลือ สองคนนี้เป็นเหมือนแสงสว่างเลยทีเดียว
...ตอนแรกผมก็สงสัยว่าจะมีคนชอบไอ้พระเอกท่าทางเอ๋อๆคนนี้มากขนาด
ไหนหว่า? ผมจะดูครับว่ารวมเล่มไทยออกมาแล้ว เสียงตอบรับคนอ่านที่มี
ต่อเจ้าเหยินที่จะเป็นยังไง 555 (แบบนี้ไงครับผมถึงตั้งชื่อไทยภาคนี้ว่า
หนุ่มฟันห่างกับสาวดังโงะ XD เพราะสองคนนี้น่ารักจริงๆ)
ด้วยเหตุนี้ผมเลยคิดว่าการเล่าเรื่องส่วนใหญ่ของ jojolion จะมาจากการ "บ่น"
ของยาสึโฮะ กับความ "อยากรู้" ของโจ2สุเกะ เป็นหลัก ...บทบรรยายของ
ยาสุโฮะส่วนใหญ่จะเป็นแนวบ่นนู่นบ่นนี่ ส่วนของโจ2สุเกะก็เป็นอาการอยากรู้อยาก
เห็นโน่นนี่ ทำให้การเล่าเรื่องใน jojolion ออกแนวชิลด์ๆ แต่ในความชิลด์นั้นก็แฝง
ไปด้วยแนวคิด ปรัชญา ไม่น้อยเลย ทำให้เนื้อหาใน jojolion นั้น จะเน้นการต่อสู้น้อยลง
และหันไปใส่ใจกับสภาพจิตใจของบรรดาตัวละครมากขึ้น จนกลายเป็น Theme
การต่อสู้หลักของภาคนี้ ซึ่งแน่นอนว่าเราจะไม่ได้เห็นโจ2สุเกะ ใช้ S&W โอร่าโอร่า
ใส่ศัตรูบ่อยๆแน่นอน แถมศัตรูยังมาแนวน่ากลัวและลึกลับ โดยเฉพาะการเล่นงานของ
ศัตรูในเล่มนี้ ที่ทำให้รู้สึกเหมือนหนังสยองขวัญแนวฆาตกรรมซาดิสท์ยังไงยังงั้น
(หลายๆอย่างใน jojolion จะออกไปทางอารมณ์สยองขวัญหลายๆอย่างนะครับ
ทั้ง ฆาตกร, การรวมร่าง, อาการจิตหลอน, บุคลิกพวกหญิงร้ายแบบฟิล์มนัวร์ ฯลฯ)
อ่านๆมาเหมือน jojolion จะเป็นการ์ตูนซีเรียสมากนะครับ 55555+
แต่จริงๆมันไม่ใช่การ์ตูนมืดหม่นอะไรขนาดนั้น เพราะในเล่มแรกมันก็มี
มุขตลกเล็กๆน่ารักๆแทรกไปตลอดเรื่อง ทั้งมุขขนมดังโงะหรือความ
เอ๋อของโจ2สุเกะที่สร้างรอยยิ้มให้ได้ตลอด
สรุปคือ jojolion เป็นโจโจ้ภาคที่ฉีกแนวทางจากภาคก่อนๆไปพอสมควร
หลายๆอย่างที่เคยเป็นในอดีตถูกลดทอนลงและใส่ด้านความรู้สึกและความ
สัมพันธุ์ของตัวละครมากขึ้นกว่าเดิม อาจจะทำให้คนที่ชอบสไตส์บู๊เก่าๆไม่
ชอบ เพราะ jojolion ไม่มีสไตส์การเล่าเรื่องที่บอกอะไรคนอ่านชัดเจนมากนัก
หลายๆอย่างคนอ่านต้องทำความเข้าใจเอาเองจากสิ่งที่อยู่รายรอบในแต่ละ
ตอน หากชอบการ์ตูนแนวแอ็คชั่น ผสมกับดราม่า-คอเมดี้ ล่ะก็ jojolion
คืออีกหนึ่งการ์ตูนที่มีมาตฐานการวางโครงเรื่องในชั้นเยี่ยมครับ แค่เล่มแรก
ก็ทิ้งปมปริศนาติดหัวคนอ่านไปได้แล้ว ...หากเป็นสาวกเดนตายที่รู้ทางของ
อ.อารากิ จะสนุกมากครับ แต่สำหรับขาจรนั้นอาจจะมองว่าเป็นการ์ตูนบ้าอะไร
ก็ไม่รู้ไปเลยก็ได้เหมือนกันครับ XD ผมคิดว่า อ.อารากิ ไม่ได้เขียน jojolion
ขึ้นมาให้มันเป็นการ์ตูนมหาชนอยู่แล้ว เขาแค่อยากจะเล่าเรื่องที่คิดไว้ให้ดีที่
สุดเท่านั้น ว่าตามนั้นแล้วหากอยากจะพิสูจน์ด้วยตนเองก็ออกไปซื้อในราคา
55 บาท กันได้เลยครับ ...ส่วนตัวผมนั้นรอคอยเล่ม 2 อย่างใจจดใจจ่อไปแล้วครับผม ^ ^
ปล.ถึงจะไม่ได้บอกชัดเจน แต่ผมก็เชื่อไปแล้วว่า
ยาสึโฮะ คือโคอิจิของจักรวาลนี้นะครับ 55555+
(เพราะบทมันใช่จริงๆ ไม่ใช่แค่นามสกุลเท่านั้น)