สวัสดีครับ เพื่อนๆชาวพันทิป
ผมเองที่อยากเขียนกระทู้นี้ขึ้นมา เพราะอยากจะแบ่งปันประสบการณ์ และประโยชน์ที่ได้รับ ระหว่างที่บวชในช่วง เข้าพรรษาที่ผ่านมาครับ
ส่วนตัวผมเองนั้น ก่อนเข้าพรรษาช่วงเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา เป็นช่วงเวลาที่ชีวิตค่อนข้างสับสนมากๆครับ ทั้งความรัก หน้าที่ การงาน และเป้าหมายของชีวิต ทำให้รู้สึกว่าอยากให้ชีวิตมีการเปลี่ยนแปลง อีกทั้งได้ยินมาว่าถ้าบวชแล้วพ่อแม่จะภูมิใจ เลยตัดสินใจบวชครับ คิดว่าจะได้อะไรดีๆ กว่าที่เป็นอยู่แน่นอน ซึ่งตอนก่อนบวช พ่อผมได้นำผมไปฝากกับหลวงพ่อที่วัดป่าแห่งหนึ่ง ในแถบ จ สกลนคร ซึ่งเป็นวัดที่อยู่บนภูเขา ไม่ค่อยมีสัญญาณโทรศัพท์ โดย ไปอยู่เป็นนาคก่อนบวช 1 สัปดาห์ครับ โดยก่อนบวชผมไม่เคยเลื่อมใสศรัทธา ศาสนาใดๆครับ เป็นพวกยึดตามเหตุผลและความถูกต้อง และเชื่อในสิ่งที่พิสูจน์ได้ ไม่งมงาย อีกทั้งมีข่าวไม่ค่อยดีเกี่ยวกับพระสงฆ์ ทำให้รู้สึกไม่ศรัทธาครับ แต่ก็ยังอยากลองดูว่าจะเป็นอย่างไร
และต่อจากนี้คือสิ่งดีๆ ที่เกิดขึ้น หลังจากได้บวช 1 พรรษาครับ
1. น้ำหนักตัวลดลง 18 กิโลกรัม และร่างกายแข็งแรง , แต่ก่อนผมเป็นคนอ้วนครับและตอนนี้ก้ยังอ้วนอยู่ ฮ่าๆๆ แต่เสื้อผ้าที่เคยใส่ไม่ได้ก็ใส่ได้พอดีเลยครับ เหตุผลที่ลดได้ขนาดนี้ในระยะเวลา สามเดือนกว่าๆ เพราะที่นี่ เป็นวัดป่าสายธรรมยุต สายหลวงปู่มั่น ค่อนข้างเคร่งเรื่องข้อวัตร กิจวัตร และธุดงค์วัตร ตามครูบาอาจารย์สายหลวงปู่มั่นครับ ที่วัดนี้พระ จะฉันอาหารตอนเช้า 1 มื้อ บนอาสนะเดียวเท่านั้น ไม่มีฉันเพลนะครับ หลังจากลุกจากที่นั่งฉันแล้ว ก็ฉันได้แต่น้ำปานะอย่างเดียวเลยครับ นอกจากนี้พื้นที่วัดที่อยู่บนภูเขาและมีเนื้อที่ค่อนข้างมาก ทำให้ต้องกวาดลานวัดเป็นบริเวณกว้าง และยาว ทั้งยังมีวิหารและศาลาที่ต้องกวาดและถูทำความสะอาดด้วย และที่สำคัญ อาหารที่วัดส่วนใหญ่เป็นอาหารอีสานชาวบ้านๆ ซึ่งเน้น ผักลวก ผักสด กินกับข้าวเหนียว จิ้มแจ่ว ครับ
2. ดึงพ่อแม่และคนรู้จักเข้าวัดมากขึ้น , ในช่วงระยะที่บวชมา พ่อและแม่ของผมมาใส่บาตรและถวายอาหารแทบจะทุกอาทิตย์ ทั้งๆที่วัดอยู่ค่อนข้างไกลจากที่บ้าน จากที่ท่านเคยเครียดๆ หรือว่างๆอยู่คนเดียว ก็เข้ามาวัดใส่บาตร ฟังเทศน์หลวงพ่อ ท่านก็มีจิตใจแจ่มใสขึ้น เช่นเดียวกับเพื่อนและญาติพี่น้องทุกคนที่มาเยี่ยมครับ ทุกคนต่างดูมีความสุข และผมได้ยินแต่ข่าวดีข่าวมงคลจากทุกคนที่มาเยี่ยม ทำให้รู้สึกว่า มีแต่สิ่งดีๆเกิดขึ้นกับบุคคลรอบข้าง เพราะอานิสงค์การบวชรึเปล่านะ
3. สงบเสงี่ยมและรู้จักวางตัว ไม่ยึดถือตนเป็นที่ตั้ง , การเข้ามาบวชอยู่ที่วัด ก็จะพบกับเหล่าพระมากมาย ซึ่งแต่ละท่านก็มาจากต่างสังคมและฐานะ การเข้ามาอยู่วัดช่วงแรกๆ ค่อนข้างลำบาก เพราะระหว่างหมู่พระก็มีการพูดคุยกันบ้าง บางทีก็มีโอ้อวด ส่อเสียด หรือพูดเชิงดูหมิ่นกันบ้าง ซึ่งแรกๆผมเองเป็นทุกข์กับการโดนละเมิดทางวาจา แต่เมื่อเวลาผ่านไป ได้อยู่กับตัวเองมากขึ้น ได้นั่งสมาธิ ดูใจตัวเอง ใช้ปัญญา พิจารณาการกระทำต่างๆ รวมทั้งฟังเทศน์หลวงตามหาบัวจากวิทยุ (คลื่น 103.25) ด้วยแล้ว ทำให้ผมเองไม่โต้ตอบกับบุคคลที่พูดจาไม่ดีกับเรา วางเฉย และให้อภัย มีสติยับยั้งอารมณ์โกรธ รู้จักพูดแต่สิ่งที่มีประโยชน์ และรับฟังคนอื่นมากขึ้น
4. ได้เรียนรู้ภาษาและวิถีชีวิตชาวบ้าน มองคุณค่าของบุคคลที่จิตใจ มิใช่อำนาจเงินตรา
ตัวผมเองนั้นเกิดและโตในเมือง ไม่เคยได้คลุกคลีกับชาวบ้านซักเท่าไหร่ แต่ในระหว่างบวช พระที่บวชก็พูดภาษาอีสาน ทำให้ผมเองก็ต้องหัดฟังและหัดพูดตาม เวลาบิณฑบาตก็เดินตามหมู่บ้าน ส่วนใหญ่ก็จะมีแต่คนเฒ่าคนแก่กับหลานที่เหล่าลูกๆ เอาไว้ให้เลี้ยง ส่วนตัวเองก็ออกไปทำงานหาเงินที่ในเมือง ที่หมู่บ้านนี้ บ้านไหนใส่บาตรก็จะใส่ทุกเช้าไม่เคยขาด พอวันศีล ก็จะไปที่วัดไปถือศีล 8 และถวายอาหาร
5. ทำให้ผมเป็นคนที่มีความอดทนมากขึ้นทั้งร่างกายและจิตใจ
ผมเองตั้งแต่มาบวชอยู่ที่วัดนี่ ร่างกายผมเป็นสารพัดเลยครับ ทั้งตุ่ม ผื่นคัน เพราะยุงและแมลงกัด แต่ก็ตบไม่ได้เพราะจะอาบัติ ฝ่าเท้าแตกและดำเพราะเดินบิณฑบาตเท้าเปล่า และจากที่เคยนั่งสมาธิไม่ได้นาน ก็ได้เกิน ชม และมากขึ้นโดยไม่ขยับ และยังนั่งพับเพียบได้นานกว่าแต่ก่อนมากๆ เพราะน้ำหนักตัวที่เบาลงนั่นเอง
6. รู้จักการให้และการเสียสละ และความหมายของชีวิตมากขึ้น
การได้มาอยู่วัดและเห็นชาวบ้านมาทำบุญทำทาน อีกทั้งการฟังเทศน์จากหลวงพ่อ และหลวงตามหาบัว ทำให้ผมจากที่เคยตระหนี่ และเป็นคนหวงของ ได้รู้จักปล่อยวาง ใช้ชีวิตสมถะมากขึ้น เพราะพระสงฆ์ให้ถือข้อวัตร สี่อย่างคือ ห่มจีวร บิณฑบาต นอนในเสนาสนะอันสงัด และฉันเภสัช แค่นี้ก็อยู่ได้แล้ว สิ่งอื่นที่เกินจากนี้ก็จะเป็นเครื่องสนองกิเลสทั้งสิ้น การเจริญสติว่า ไม่มีอะไรยั้งยืน และเป็นของๆเรา ทำให้ผมเองจากที่เคยยึดติดและผิดหวัง กับสิ่งที่ไม่เป็นไปตามคาด เสียใจและเป็นทุกข์ ก็ได้อบรมจิตใจ และพยายามทาน และบริจาคให้แก่ผู้ที่ควรรับ มากขึ้น
จิตใจก็ผ่องใส บุคคลอื่นๆ ก็มีความสุข เราเองก็มีความสุข
7. ได้เรียนรู้ศาสนพิธี และการปฏิบัติตัวให้เหมาะสมเวลาเข้าวัดหรือปฏิบัติต่อพระ
การบวชเป็นพระต้องท่องจำบทสวดมนต์ และต้องร่วมศาสนพิธี ทำให้ผมเองได้เรียนรู้ ว่าอะไรควรและไม่ควรทำ จากที่ได้พบเจอเองครับโดยจะยกตัวอย่างพอคร่าวๆ เช่น เวลาใส่บาตรโยมชอบถอดรองเท้าแล้วยืนทับ หรือไม่ถอดเลย ซึ่งจริงๆ ควรจะต้องถอดและยืนเท้าเปล่านะครับ
แถมจะมีโยมที่ใส่บาตรด้วยแบงค์ ซึ่งที่ถูกต้องต้องติดต่อคนของวัดให้เก็บปัจจัยไว้ให้นะครับ, แล้วก็การนุ่งสั้น สายเดี่ยว วาบหวิวของเหล่าสตรีวัยรุ่นนะครับ ผมเองบอกเลยครับว่า แค่ใส่เสื้อยืดกางเกงรัดรูปก็หวั่นไหวแล้วครับ นี่ถ้าเปิดเผยมากกว่านี้ เหล่าพระจะได้คิดเตลิดกันไปไกลครับ เพราะถ้าพระพรรษาน้อยๆ ไม่แก่กล้าในธรรมสมาธินี่ แพ้สตรีทุกรายครับ ดังนั้นต้องระวังข้อนี้ด้วยนะครับ, อ่อ พระที่นี่จะสูบบุหรี่จัดมากครับ ส่วนใหญ่จะติดสูบกัน ซึ่งผมไม่ได้สูบ และดื่มเครื่องดื่มชูกำลังกันบ่อย ะมีโยมบางท่านชอบนำมาถวายครับ ซึ่งมันดูไม่ค่อยจะมีประโยชน์ต่อร่างกายพระซักเท่าไหร่ ก็ต้องฝากไว้ด้วยครับ
8. ได้เข้าร่วมสวดงานกฐินพระราชทาน, ข้อนี้นับเป็นข้อที่ผมรู้สึกปลาบปลื้มใจมากที่สุดเลยครับ ที่ได้เป็นพระที่ได้รับผ้ากฐินจากกษัตริย์ อีกทั้งท่านยังเสด็จมาเป็นประธานในพิธีด้วยครับ ซึ่งก่อนถึงวันกฐิน ก็มีการเตรียมความพร้อมและซักซ้อมพิธีอย่างเข้มงวดโดยพระผู้ใหญ่ ซึ่งเป็นบุญของผมมากๆที่บวขพรรษาเดียวแล้วได้รับกฐินพระราชทานเลยทั้งๆที่ไม่ได้รู้กำหนดการก่อนจะตัดสินใจบวชเลย พระบางรูปบวชทั้งชีวิตก็ไม่เคยได้รับนะครับ
นี่เป็นสรุปประโยชน์คร่าวๆที่ผมได้รับมาจากการบวชนะครับ ทั้งนี้ประโยชน์ที่เกิดขึ้นจะมากจะน้อยก็ขึ้นอยู่กับที่ตัวเราปฏิบัติครับ เพราะที่วัดนี้หลวงพ่อท่านจะเทศน์สอน แต่ไม่ได้ลงมาดูแลใกล้ชิด แค่บอกให้พิจารณาตัวเองบ่อยๆ ข้อวัตรกิจวัตร อย่าให้ขาด ให้นั่งสมาธิภาวนา
ซึ่งผมเองได้ประโยชน์จากการปฏิบัติก็เลยนำมาเล่าสู่กันฟังครับ ส่วนนึงจากสิ่งที่ได้เรียนรู้ ก็ต้องขอบคุณคลื่นวิทยุเสียงธรรมเพื่อประชาชน ของหลวงตามหาบัว และหนังสือธรรมะต่างๆที่ได้อ่าน โดยเฉพาะหนังสือ "ฒ" ที่แม่ผมได้นำมาให้อ่าน โดยได้มาจากการทานครับ หนังสือเล่มนี้แนะนำให้อ่านเลยครับ เพราะเขียนดีมากๆ
ท้ายนี้ก็หวังว่ากระทู้นี้จะเป็นประโยชน์ต่อเหล่าเพื่อนสมาชิกพันทิป ไม่มากก็น้อยนะครับ ถ้าเป็นแรงบันดาลใจในการบวชของท่านได้ ก็จักเป็นเกียรติของผมมากๆครับ ขอบคุณครับ
** แก้ไขเพิ่มรูปหนังสือ ฒ นะครับ ** เห็นมีสอบถามกันเข้ามาทางหลังไมค์ หนังสือเล่มนี้มีเป็นชุด 4 เล่มนะครับ ทางผู้จัดทำเค้าแจกฟรี ผมต้องบอกเลยว่า หนังสือเล่มนี้เป็นหนังสือธรรมะที่อ่านง่าย เข้าใจง่าย และอ่านสนุก อ่านแล้วรู้สึกอยากทำความดี และสอนให้รู้จักแก่นของศาสนาพุทธจริงๆครับ ที่สำคัญหนังสือเล่มนี้เน้นความสำคัญของบุญคุณของบุพการีและผู้มีพระคุณ ในช่วงที่ผมบวชและได้อ่านหนังสือเล่มนี้จนจบ 4 เล่ม ก็ได้ความรู้มากมายเลยครับ
และถามกันมาว่าวัดไหนที่ผมบวช ขอบอกตรงนี้เลยครับ จะได้ไม่ต้องหลังไมค์กัน ก็คือ วัดถ้ำพวง(วัดถ้ำอภัยดำรงธรรม) เป็นวัดที่สงบ และมีสถานที่ท่องเที่ยวทางศาสนา ก็คือ สังเวชนียสถานทั้ง 4 ตำบล ที่จำลองมาจากอินเดีย, พิพิธภัณฑ์หลวงปู่วัน อุตตโม, วิหารพระมงคลมุจลินทร์
อากาศที่นี่ค่อนข้างเย็นสบายตลอดทั้งปีครับ ส่วนใหญ่จะมีพุทธศาสนิกชนมาถือศีล บวชชีพราหณ์ในวันสำคัญทางพุทธศาสนาครับ
แถมรูปให้ดูบางส่วนที่โยมพี่ผมได้เก็บภาพไว้ครับ
วิหารพระมงคลมุจลินทร์
เจดีย์ตรัสรู้ (เจดีย์ศรีมหาโพธิ์) จำลองจากพุทธคยาครับ
พิพิธภ้ณฑ์หลวงปู่วัน อุตตโม ยามค่ำคืน ดาวเต็มฟ้าเลยครับ
รูปนี้แถมให้ดูครับ ดาวหมุนๆ
พิพิธภ้ณฑ์หลวงปู่วัน อุตตโม ยามฟ้าใส
อยากจะขอแบ่งปันประสบการณ์ ดีๆ จากการบวช 1 พรรษา ครับ
ผมเองที่อยากเขียนกระทู้นี้ขึ้นมา เพราะอยากจะแบ่งปันประสบการณ์ และประโยชน์ที่ได้รับ ระหว่างที่บวชในช่วง เข้าพรรษาที่ผ่านมาครับ
ส่วนตัวผมเองนั้น ก่อนเข้าพรรษาช่วงเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา เป็นช่วงเวลาที่ชีวิตค่อนข้างสับสนมากๆครับ ทั้งความรัก หน้าที่ การงาน และเป้าหมายของชีวิต ทำให้รู้สึกว่าอยากให้ชีวิตมีการเปลี่ยนแปลง อีกทั้งได้ยินมาว่าถ้าบวชแล้วพ่อแม่จะภูมิใจ เลยตัดสินใจบวชครับ คิดว่าจะได้อะไรดีๆ กว่าที่เป็นอยู่แน่นอน ซึ่งตอนก่อนบวช พ่อผมได้นำผมไปฝากกับหลวงพ่อที่วัดป่าแห่งหนึ่ง ในแถบ จ สกลนคร ซึ่งเป็นวัดที่อยู่บนภูเขา ไม่ค่อยมีสัญญาณโทรศัพท์ โดย ไปอยู่เป็นนาคก่อนบวช 1 สัปดาห์ครับ โดยก่อนบวชผมไม่เคยเลื่อมใสศรัทธา ศาสนาใดๆครับ เป็นพวกยึดตามเหตุผลและความถูกต้อง และเชื่อในสิ่งที่พิสูจน์ได้ ไม่งมงาย อีกทั้งมีข่าวไม่ค่อยดีเกี่ยวกับพระสงฆ์ ทำให้รู้สึกไม่ศรัทธาครับ แต่ก็ยังอยากลองดูว่าจะเป็นอย่างไร
และต่อจากนี้คือสิ่งดีๆ ที่เกิดขึ้น หลังจากได้บวช 1 พรรษาครับ
1. น้ำหนักตัวลดลง 18 กิโลกรัม และร่างกายแข็งแรง , แต่ก่อนผมเป็นคนอ้วนครับและตอนนี้ก้ยังอ้วนอยู่ ฮ่าๆๆ แต่เสื้อผ้าที่เคยใส่ไม่ได้ก็ใส่ได้พอดีเลยครับ เหตุผลที่ลดได้ขนาดนี้ในระยะเวลา สามเดือนกว่าๆ เพราะที่นี่ เป็นวัดป่าสายธรรมยุต สายหลวงปู่มั่น ค่อนข้างเคร่งเรื่องข้อวัตร กิจวัตร และธุดงค์วัตร ตามครูบาอาจารย์สายหลวงปู่มั่นครับ ที่วัดนี้พระ จะฉันอาหารตอนเช้า 1 มื้อ บนอาสนะเดียวเท่านั้น ไม่มีฉันเพลนะครับ หลังจากลุกจากที่นั่งฉันแล้ว ก็ฉันได้แต่น้ำปานะอย่างเดียวเลยครับ นอกจากนี้พื้นที่วัดที่อยู่บนภูเขาและมีเนื้อที่ค่อนข้างมาก ทำให้ต้องกวาดลานวัดเป็นบริเวณกว้าง และยาว ทั้งยังมีวิหารและศาลาที่ต้องกวาดและถูทำความสะอาดด้วย และที่สำคัญ อาหารที่วัดส่วนใหญ่เป็นอาหารอีสานชาวบ้านๆ ซึ่งเน้น ผักลวก ผักสด กินกับข้าวเหนียว จิ้มแจ่ว ครับ
2. ดึงพ่อแม่และคนรู้จักเข้าวัดมากขึ้น , ในช่วงระยะที่บวชมา พ่อและแม่ของผมมาใส่บาตรและถวายอาหารแทบจะทุกอาทิตย์ ทั้งๆที่วัดอยู่ค่อนข้างไกลจากที่บ้าน จากที่ท่านเคยเครียดๆ หรือว่างๆอยู่คนเดียว ก็เข้ามาวัดใส่บาตร ฟังเทศน์หลวงพ่อ ท่านก็มีจิตใจแจ่มใสขึ้น เช่นเดียวกับเพื่อนและญาติพี่น้องทุกคนที่มาเยี่ยมครับ ทุกคนต่างดูมีความสุข และผมได้ยินแต่ข่าวดีข่าวมงคลจากทุกคนที่มาเยี่ยม ทำให้รู้สึกว่า มีแต่สิ่งดีๆเกิดขึ้นกับบุคคลรอบข้าง เพราะอานิสงค์การบวชรึเปล่านะ
3. สงบเสงี่ยมและรู้จักวางตัว ไม่ยึดถือตนเป็นที่ตั้ง , การเข้ามาบวชอยู่ที่วัด ก็จะพบกับเหล่าพระมากมาย ซึ่งแต่ละท่านก็มาจากต่างสังคมและฐานะ การเข้ามาอยู่วัดช่วงแรกๆ ค่อนข้างลำบาก เพราะระหว่างหมู่พระก็มีการพูดคุยกันบ้าง บางทีก็มีโอ้อวด ส่อเสียด หรือพูดเชิงดูหมิ่นกันบ้าง ซึ่งแรกๆผมเองเป็นทุกข์กับการโดนละเมิดทางวาจา แต่เมื่อเวลาผ่านไป ได้อยู่กับตัวเองมากขึ้น ได้นั่งสมาธิ ดูใจตัวเอง ใช้ปัญญา พิจารณาการกระทำต่างๆ รวมทั้งฟังเทศน์หลวงตามหาบัวจากวิทยุ (คลื่น 103.25) ด้วยแล้ว ทำให้ผมเองไม่โต้ตอบกับบุคคลที่พูดจาไม่ดีกับเรา วางเฉย และให้อภัย มีสติยับยั้งอารมณ์โกรธ รู้จักพูดแต่สิ่งที่มีประโยชน์ และรับฟังคนอื่นมากขึ้น
4. ได้เรียนรู้ภาษาและวิถีชีวิตชาวบ้าน มองคุณค่าของบุคคลที่จิตใจ มิใช่อำนาจเงินตรา
ตัวผมเองนั้นเกิดและโตในเมือง ไม่เคยได้คลุกคลีกับชาวบ้านซักเท่าไหร่ แต่ในระหว่างบวช พระที่บวชก็พูดภาษาอีสาน ทำให้ผมเองก็ต้องหัดฟังและหัดพูดตาม เวลาบิณฑบาตก็เดินตามหมู่บ้าน ส่วนใหญ่ก็จะมีแต่คนเฒ่าคนแก่กับหลานที่เหล่าลูกๆ เอาไว้ให้เลี้ยง ส่วนตัวเองก็ออกไปทำงานหาเงินที่ในเมือง ที่หมู่บ้านนี้ บ้านไหนใส่บาตรก็จะใส่ทุกเช้าไม่เคยขาด พอวันศีล ก็จะไปที่วัดไปถือศีล 8 และถวายอาหาร
5. ทำให้ผมเป็นคนที่มีความอดทนมากขึ้นทั้งร่างกายและจิตใจ
ผมเองตั้งแต่มาบวชอยู่ที่วัดนี่ ร่างกายผมเป็นสารพัดเลยครับ ทั้งตุ่ม ผื่นคัน เพราะยุงและแมลงกัด แต่ก็ตบไม่ได้เพราะจะอาบัติ ฝ่าเท้าแตกและดำเพราะเดินบิณฑบาตเท้าเปล่า และจากที่เคยนั่งสมาธิไม่ได้นาน ก็ได้เกิน ชม และมากขึ้นโดยไม่ขยับ และยังนั่งพับเพียบได้นานกว่าแต่ก่อนมากๆ เพราะน้ำหนักตัวที่เบาลงนั่นเอง
6. รู้จักการให้และการเสียสละ และความหมายของชีวิตมากขึ้น
การได้มาอยู่วัดและเห็นชาวบ้านมาทำบุญทำทาน อีกทั้งการฟังเทศน์จากหลวงพ่อ และหลวงตามหาบัว ทำให้ผมจากที่เคยตระหนี่ และเป็นคนหวงของ ได้รู้จักปล่อยวาง ใช้ชีวิตสมถะมากขึ้น เพราะพระสงฆ์ให้ถือข้อวัตร สี่อย่างคือ ห่มจีวร บิณฑบาต นอนในเสนาสนะอันสงัด และฉันเภสัช แค่นี้ก็อยู่ได้แล้ว สิ่งอื่นที่เกินจากนี้ก็จะเป็นเครื่องสนองกิเลสทั้งสิ้น การเจริญสติว่า ไม่มีอะไรยั้งยืน และเป็นของๆเรา ทำให้ผมเองจากที่เคยยึดติดและผิดหวัง กับสิ่งที่ไม่เป็นไปตามคาด เสียใจและเป็นทุกข์ ก็ได้อบรมจิตใจ และพยายามทาน และบริจาคให้แก่ผู้ที่ควรรับ มากขึ้น
จิตใจก็ผ่องใส บุคคลอื่นๆ ก็มีความสุข เราเองก็มีความสุข
7. ได้เรียนรู้ศาสนพิธี และการปฏิบัติตัวให้เหมาะสมเวลาเข้าวัดหรือปฏิบัติต่อพระ
การบวชเป็นพระต้องท่องจำบทสวดมนต์ และต้องร่วมศาสนพิธี ทำให้ผมเองได้เรียนรู้ ว่าอะไรควรและไม่ควรทำ จากที่ได้พบเจอเองครับโดยจะยกตัวอย่างพอคร่าวๆ เช่น เวลาใส่บาตรโยมชอบถอดรองเท้าแล้วยืนทับ หรือไม่ถอดเลย ซึ่งจริงๆ ควรจะต้องถอดและยืนเท้าเปล่านะครับ
แถมจะมีโยมที่ใส่บาตรด้วยแบงค์ ซึ่งที่ถูกต้องต้องติดต่อคนของวัดให้เก็บปัจจัยไว้ให้นะครับ, แล้วก็การนุ่งสั้น สายเดี่ยว วาบหวิวของเหล่าสตรีวัยรุ่นนะครับ ผมเองบอกเลยครับว่า แค่ใส่เสื้อยืดกางเกงรัดรูปก็หวั่นไหวแล้วครับ นี่ถ้าเปิดเผยมากกว่านี้ เหล่าพระจะได้คิดเตลิดกันไปไกลครับ เพราะถ้าพระพรรษาน้อยๆ ไม่แก่กล้าในธรรมสมาธินี่ แพ้สตรีทุกรายครับ ดังนั้นต้องระวังข้อนี้ด้วยนะครับ, อ่อ พระที่นี่จะสูบบุหรี่จัดมากครับ ส่วนใหญ่จะติดสูบกัน ซึ่งผมไม่ได้สูบ และดื่มเครื่องดื่มชูกำลังกันบ่อย ะมีโยมบางท่านชอบนำมาถวายครับ ซึ่งมันดูไม่ค่อยจะมีประโยชน์ต่อร่างกายพระซักเท่าไหร่ ก็ต้องฝากไว้ด้วยครับ
8. ได้เข้าร่วมสวดงานกฐินพระราชทาน, ข้อนี้นับเป็นข้อที่ผมรู้สึกปลาบปลื้มใจมากที่สุดเลยครับ ที่ได้เป็นพระที่ได้รับผ้ากฐินจากกษัตริย์ อีกทั้งท่านยังเสด็จมาเป็นประธานในพิธีด้วยครับ ซึ่งก่อนถึงวันกฐิน ก็มีการเตรียมความพร้อมและซักซ้อมพิธีอย่างเข้มงวดโดยพระผู้ใหญ่ ซึ่งเป็นบุญของผมมากๆที่บวขพรรษาเดียวแล้วได้รับกฐินพระราชทานเลยทั้งๆที่ไม่ได้รู้กำหนดการก่อนจะตัดสินใจบวชเลย พระบางรูปบวชทั้งชีวิตก็ไม่เคยได้รับนะครับ
นี่เป็นสรุปประโยชน์คร่าวๆที่ผมได้รับมาจากการบวชนะครับ ทั้งนี้ประโยชน์ที่เกิดขึ้นจะมากจะน้อยก็ขึ้นอยู่กับที่ตัวเราปฏิบัติครับ เพราะที่วัดนี้หลวงพ่อท่านจะเทศน์สอน แต่ไม่ได้ลงมาดูแลใกล้ชิด แค่บอกให้พิจารณาตัวเองบ่อยๆ ข้อวัตรกิจวัตร อย่าให้ขาด ให้นั่งสมาธิภาวนา
ซึ่งผมเองได้ประโยชน์จากการปฏิบัติก็เลยนำมาเล่าสู่กันฟังครับ ส่วนนึงจากสิ่งที่ได้เรียนรู้ ก็ต้องขอบคุณคลื่นวิทยุเสียงธรรมเพื่อประชาชน ของหลวงตามหาบัว และหนังสือธรรมะต่างๆที่ได้อ่าน โดยเฉพาะหนังสือ "ฒ" ที่แม่ผมได้นำมาให้อ่าน โดยได้มาจากการทานครับ หนังสือเล่มนี้แนะนำให้อ่านเลยครับ เพราะเขียนดีมากๆ
ท้ายนี้ก็หวังว่ากระทู้นี้จะเป็นประโยชน์ต่อเหล่าเพื่อนสมาชิกพันทิป ไม่มากก็น้อยนะครับ ถ้าเป็นแรงบันดาลใจในการบวชของท่านได้ ก็จักเป็นเกียรติของผมมากๆครับ ขอบคุณครับ
** แก้ไขเพิ่มรูปหนังสือ ฒ นะครับ ** เห็นมีสอบถามกันเข้ามาทางหลังไมค์ หนังสือเล่มนี้มีเป็นชุด 4 เล่มนะครับ ทางผู้จัดทำเค้าแจกฟรี ผมต้องบอกเลยว่า หนังสือเล่มนี้เป็นหนังสือธรรมะที่อ่านง่าย เข้าใจง่าย และอ่านสนุก อ่านแล้วรู้สึกอยากทำความดี และสอนให้รู้จักแก่นของศาสนาพุทธจริงๆครับ ที่สำคัญหนังสือเล่มนี้เน้นความสำคัญของบุญคุณของบุพการีและผู้มีพระคุณ ในช่วงที่ผมบวชและได้อ่านหนังสือเล่มนี้จนจบ 4 เล่ม ก็ได้ความรู้มากมายเลยครับ
และถามกันมาว่าวัดไหนที่ผมบวช ขอบอกตรงนี้เลยครับ จะได้ไม่ต้องหลังไมค์กัน ก็คือ วัดถ้ำพวง(วัดถ้ำอภัยดำรงธรรม) เป็นวัดที่สงบ และมีสถานที่ท่องเที่ยวทางศาสนา ก็คือ สังเวชนียสถานทั้ง 4 ตำบล ที่จำลองมาจากอินเดีย, พิพิธภัณฑ์หลวงปู่วัน อุตตโม, วิหารพระมงคลมุจลินทร์
อากาศที่นี่ค่อนข้างเย็นสบายตลอดทั้งปีครับ ส่วนใหญ่จะมีพุทธศาสนิกชนมาถือศีล บวชชีพราหณ์ในวันสำคัญทางพุทธศาสนาครับ
แถมรูปให้ดูบางส่วนที่โยมพี่ผมได้เก็บภาพไว้ครับ
วิหารพระมงคลมุจลินทร์
เจดีย์ตรัสรู้ (เจดีย์ศรีมหาโพธิ์) จำลองจากพุทธคยาครับ
พิพิธภ้ณฑ์หลวงปู่วัน อุตตโม ยามค่ำคืน ดาวเต็มฟ้าเลยครับ
รูปนี้แถมให้ดูครับ ดาวหมุนๆ
พิพิธภ้ณฑ์หลวงปู่วัน อุตตโม ยามฟ้าใส