ขอขอบคุณหัวหน้าพรรคเพื่อไทย และพรรคร่วมรัฐบาล

จากข่าววันนี้ 9 พฤศจิกายน 2556

" ที่พรรคเพื่อไทย นายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ หัวหน้าพรรค พร้อมด้วยนายธีระ วงศ์สมุทร หัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา นพ.วรรณรัตน์ ชาญนุกูล หัวหน้าพรรคชาติพัฒนา และนายสนธยา คุณปลื้ม หัวหน้าพรรคพลังชล ได้ร่วมลงนามในสัตยาบันพรรคร่วมรัฐบาลต่อประชาชนชาวไทย
ประกาศไม่เสนอต่อสภาให้นำพ.ร.บ.ร่างนิรโทษกรรมกลับขึ้นมาพิจารณาอีก โดยจะปล่อยให้ตกไปตามบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ แม้ว่าสภามีสิทธิ์หยิบขึ้นมาพิจารณาอีกครั้งหลัง 180วันตามรัฐธรรมนูญ หากวุฒิสภามีมติยับยั้งและส่งร่างพ.ร.บ.ฉบับนี้คืนมาก็ตาม
ทั้งนี้การออกมาลงนามดังกล่าว ก็เพื่อลดความขัดแย้ง หากปล่อยให้ความขัดแย้งลุกลามต่อไปจะส่งผลเสียหายต่อประเทศได้ ขณะเดียวกันก็เป็นการเคารพเสียงของประชาชน หลังมีการออกมาชุมนุมคัดค้านอย่างหนักตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา "

ผมเชื่อมาตลอดว่า ในกระบวกการทางประชาธิปไตยของไทย การออกกฏหมาย พรบ. ไม่จำเป็นต้องใช้เสียงข้างมาก ตัดสินเสมอไป นักการเมืองควรให้ความสนใจกับความเป็นธรรม ถูกต้องเหมาะควรของกฏหมาย หรือ พรบ. นั้นด้วย ผมโพสต์ไป ก็มีหลายท่านไม่เห็นด้วย บางท่านโยนไปว่า จะเอาแบบรัฐประหารหรือไง

วันนี้ผมมีตัวอย่างแล้ว ว่าไม่จำเป็นเสมอไป
วันนี้ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ที่เป็นเสียงข้างมาก มาจากการเลือกตั้ง และพรรคร่วม ก็ไม่ได้ใช้หลักการเสียงข้างมาก
ที่จะยืนยันการใช้พรบ. ฉบับนี้ ถึงแม้ว่ายังอยู่ในกระบวนการที่ยังไม่แล้วเสร็จก็ตาม  โดยแสดงเจตนาที่จะไม่เอาพรบ. ฉบับนี้
แล้ว ถึงแม้จะโหวตผ่านสามวาระ โดยเสียงข้างมากของฝ่ายรัฐบาลเอง ทั้งนี้ถึงแม้จะมีการชุมนุมของผู้คัดค้านจำนวนมาก
แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าผู้คัดค้านจะมากกว่าเสียงที่เลือกท่านมา

ท่านและพรรคร่วมก็เลือกที่จะหยุดพรบ.สุดซอย ถึงแม้ว่าการลงสัตยาบัน ไม่มีผลทางกฏหมายก็ตาม

ส่วนท่านและพรรคพวกจะรับผิดชอบการออกกฏหมายอย่างไรเป็นสิ่งที่ท่านต้องดำเนินการเอง ไม่ใช่ประเด็นของผม

แต่ความคิดของผมที่ว่า การไม่ใช้เสียงข้างมากตัดสินไม่ใช่เรื่องผิดหลักในระบบประชาธิปไตย อย่างน้อยผมก็พอมีหลักฐานยืนยัน

ท่านใดไม่เห็นด้วย เห็นแย้งอย่างไร ลองสอบถามสส. ในพื้นที่ของท่านเองละกัน
ขอบคุณทุกท่านที่อ่านจนจบครับ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่