เพราะเท่าที่ติดตามข่าวมาในช่วงหลายวันนี้ ก็เข้าใจว่า ถ้าหากในวันจันทร์นี้ วุฒิสภา ไม่รับร่าง พรบ.จะก็คืนไปที่สภาผู้แทนฯ แล้วต้องรอ 180 วัน ถึงจะนำกลับมาพิจารณาใหม่ได้
และถ้าดูจากการพูดคุยกันในวุฒิสภาเมื่อวานนี้ ก็คงเป็นที่แน่นอนแล้วว่า วุฒิสภาคงจะโหวตคว่ำกฎหมายฉบับนี้แน่นอน
แต่พอมองว่าในช่วง 180 วันนี้ นอกจากจะทำให้สังคมไทยอยู่กันแบบคุมเชิง และเมื่อถึง 180 วันแล้ว สังคมไทยยังต้องหวาดระแวงกันไม่จบสิ้น เพราะถ้าหากมีการนำกฎหมายขึ้นมายืนยัน ก็จะสามารถประกาศใช้ได้เลย ซึ่งปัญหาก็อยู่เนื่อหายังไม่ได้แก้ไข ม็อบก็ต้องมีมาใหม่อีกรอบอยู่ดี
นอกจากเรื่องข้างต้นแล้ว เมื่อมองไปถึงคนที่กระทำความผิดเล็กน้อย เป็นชาวบ้านทั่ว ๆ ไป ทั้งสองฝั่ง ก็จะเสียโอกาสการได้รับการนิรโทษกรรมไป ในช่วงเวลาที่จ้องคุมเชิงกันอยู่ไม่จบสิ้น
ดังนั้น เมื่อนั่งคิดดูแล้ว ผมก็เลยเห็นว่า ทางวุฒิสภาควรที่จะรับร่าง พรบ.นี้ไว้ แล้วตั้งกรรมาธิการเต็มสภา เพื่อทำการแก้ไขในวาระสอง ให้เป็นพรบ.ที่มีเนื้อหาที่เป็นที่ยอมรับของสังคมได้ และเมื่อย้อนกลับไปตั้งกรรมธิการร่วมสองสภา จะได้สามารถผลักดันเนื้อหาร่างนั้น ให้สามารถประกาศใช้เป็นกฎหมาย ทำให้ประชาชนทั่วไป ที่ทำความผิดไม่มาก สามารถมีโอกาสได้รับการนิรโทษกรรมในช่วงเวลาไม่นานนับจากวันนี้ แทนที่ต้องรอไปอีกเป็นปี (หรือหลายปี)
โดยเมื่อคืนได้มีโอกาสได้เปิดอ่านคำแปรญัตติของหลาย ๆ คนในรายงาน ก็คิดว่า จะลองนำเสนอเนื้อหาของ พรบ.ที่น่าจะเป็นที่ยอมรับได้ ซึ่งเมื่อเปิดแบบผ่าน ๆ ก็เห็นมี คำแปรญัตติของคุณอภิสืทธิ์ ที่มีการแปรญัตติเกือบครบทุกมาตรา (ยกเว้นมาตรา 7) น่าจะสามารถนำมาเป็นต้นแบบ เพื่อหาเนื้อหาที่เหมาะสมได้ไม่ยาก
เพราะจริง ๆ แล้ว ถ้าหากมีความชัดเจนในเนื้อหา และสามารถระบุกลุ่มคนที่จะได้รับประโยชน์จาก พรบ.ฉบับนี้ อย่างชัดเจนแล้ว ไม่ว่าจะปลุกม็อบอย่างไร ก็ไม่สามารถเรียกคนจำนวนมากออกมาได้แน่
ดังนั้น ถ้าหาก วุฒิสภาจะเลือกทางนี้ น่าจะเป็นประโยชน์กับสังคม มากกว่าการโหวตคว่ำไป แล้วปล่อยให้สังคมต้องลุ้นไปอีกระยะยาวพอสมควร
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
เนื้อหาที่คุณอภิสิทธิ์ได้แปรญัตติเอาไว้
ขอสนับสนุนวุฒิสภาตั้งกรรมาธิการเต็มสภา เพื่อทำ พรบ.นิรโทษกรรมให้จบ
และถ้าดูจากการพูดคุยกันในวุฒิสภาเมื่อวานนี้ ก็คงเป็นที่แน่นอนแล้วว่า วุฒิสภาคงจะโหวตคว่ำกฎหมายฉบับนี้แน่นอน
แต่พอมองว่าในช่วง 180 วันนี้ นอกจากจะทำให้สังคมไทยอยู่กันแบบคุมเชิง และเมื่อถึง 180 วันแล้ว สังคมไทยยังต้องหวาดระแวงกันไม่จบสิ้น เพราะถ้าหากมีการนำกฎหมายขึ้นมายืนยัน ก็จะสามารถประกาศใช้ได้เลย ซึ่งปัญหาก็อยู่เนื่อหายังไม่ได้แก้ไข ม็อบก็ต้องมีมาใหม่อีกรอบอยู่ดี
นอกจากเรื่องข้างต้นแล้ว เมื่อมองไปถึงคนที่กระทำความผิดเล็กน้อย เป็นชาวบ้านทั่ว ๆ ไป ทั้งสองฝั่ง ก็จะเสียโอกาสการได้รับการนิรโทษกรรมไป ในช่วงเวลาที่จ้องคุมเชิงกันอยู่ไม่จบสิ้น
ดังนั้น เมื่อนั่งคิดดูแล้ว ผมก็เลยเห็นว่า ทางวุฒิสภาควรที่จะรับร่าง พรบ.นี้ไว้ แล้วตั้งกรรมาธิการเต็มสภา เพื่อทำการแก้ไขในวาระสอง ให้เป็นพรบ.ที่มีเนื้อหาที่เป็นที่ยอมรับของสังคมได้ และเมื่อย้อนกลับไปตั้งกรรมธิการร่วมสองสภา จะได้สามารถผลักดันเนื้อหาร่างนั้น ให้สามารถประกาศใช้เป็นกฎหมาย ทำให้ประชาชนทั่วไป ที่ทำความผิดไม่มาก สามารถมีโอกาสได้รับการนิรโทษกรรมในช่วงเวลาไม่นานนับจากวันนี้ แทนที่ต้องรอไปอีกเป็นปี (หรือหลายปี)
โดยเมื่อคืนได้มีโอกาสได้เปิดอ่านคำแปรญัตติของหลาย ๆ คนในรายงาน ก็คิดว่า จะลองนำเสนอเนื้อหาของ พรบ.ที่น่าจะเป็นที่ยอมรับได้ ซึ่งเมื่อเปิดแบบผ่าน ๆ ก็เห็นมี คำแปรญัตติของคุณอภิสืทธิ์ ที่มีการแปรญัตติเกือบครบทุกมาตรา (ยกเว้นมาตรา 7) น่าจะสามารถนำมาเป็นต้นแบบ เพื่อหาเนื้อหาที่เหมาะสมได้ไม่ยาก
เพราะจริง ๆ แล้ว ถ้าหากมีความชัดเจนในเนื้อหา และสามารถระบุกลุ่มคนที่จะได้รับประโยชน์จาก พรบ.ฉบับนี้ อย่างชัดเจนแล้ว ไม่ว่าจะปลุกม็อบอย่างไร ก็ไม่สามารถเรียกคนจำนวนมากออกมาได้แน่
ดังนั้น ถ้าหาก วุฒิสภาจะเลือกทางนี้ น่าจะเป็นประโยชน์กับสังคม มากกว่าการโหวตคว่ำไป แล้วปล่อยให้สังคมต้องลุ้นไปอีกระยะยาวพอสมควร
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
เนื้อหาที่คุณอภิสิทธิ์ได้แปรญัตติเอาไว้