ศาลปกครองไต่สวนกกท. พยานคดีส.บอลครบถ้วน จะชี้ขาดเป็นธรรมโดยเร็ว

http://www.siamsport.co.th/Sport_Football/131109_001.html


         ศาลปกครองพิจารณาไต่สวนตัวแทนกกท.ในฐานะพยานในคดีบริษัท สโมสรพัทยา จำกัดและสโมสรจังหวัดระยอง ที่ยื่นฟ้องสมาคมฟุตบอลฯดำเนินการโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายและข้อบังคับในการเลือกตั้งนายกสมาคมฟุตบอลฯ ที่ผ่านมา เพิ่มเติมเป็นที่ครบถ้วนทุกฝ่ายแล้ว โดยศาลจะพิจารณาอย่างรอบคอบและเป็นธรรมแก่ทุกฝ่ายพร้อมมีคำสั่งตัดสินโดยเร็วขณะเดียวกันที่ศาลอาญาศาลได้นัดไต่สวนมูลฟ้องคดีที่“บังยี” วรวีร์ มะกูดี ยื่นฟ้อง เนวิน ชิดชอบ ข้อหาหมิ่นประมาท ในวันที่ 17 ก.พ. 2557



        ที่ศาลปกครอง ถนนแจ้งวัฒนะ เมื่อวันศุกร์ที่ 8 พ.ย. 2556 ศาลปกครองได้นัดทำการไต่สวนต่อในคดีที่ทาง บริษัท สโมสรพัทยา จำกัด และ ทางสโมสรจังหวัดระยอง ได้ยื่นฟ้องต่อศาลปกครอง ขอให้ศาลมีคำสั่งกำหนดมาตรการหรือวิธีการคุ้มครองเพื่อบรรเทาทุกข์ชั่วคราวก่อนการพิพากษาของผู้ฟ้องคดี ในคดีดำหมายเลข 2237/2556 และคดีดำหมายเลข 2244/2556 ตามลำดับ โดยเมื่อวันที่ 6 พ.ย. 2556 ที่ผ่านมาศาลปกครองได้ทำการไต่สวนคู่กรณีคือผู้ฟ้องทั้งสองที่ได้ฟ้องในประเด็นเดียวกัน จึงนำมาร่วมพิจารณาไต่สวนพร้อมกัน กับสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย ผู้ถูกฟ้องปรากฏว่าในครั้งนั้นทางผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทยที่ศาลได้เรียกมาให้การในฐานะพยานผู้เกี่ยวข้องไม่ได้มาศาล ดังนั้นศาลปกครองจึงได้มีคำสั่งเรียกอีกครั้ง เพื่อทำการพิจารณาไต่สวนเพิ่มเติมในวันที่ 8 พ.ย. นี้

        โดยทางผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทยได้ส่งตัวแทนทั้งหมด 4 ท่านคือ สมพร ไชยคราม, ยุธยา จีนต, ชนาธิป เจริญสุข และ กมลวรรณ สุทธิบุตร มาศาลปกครองแทน โดยฝั่งผู้ฟ้องนั้นมีเพียงบริษัท สโมสรพัทยา จำกัดโดย ณฐภณ ปัญญาคณานุกูลมาร่วมรับฟังในการพิจารณาไต่สวนเพียงคนเดียว ส่วนภีมเดช อมรสุคนธ์ ตัวแทนของทางสโมสรจังหวัดระยองนั้นไม่ได้มาศาล รวมทั้ง ชนินทร์ แก่นหิรัญ หนึ่งในคณะกรรมการเลือกตั้งเสียงข้างมาก ที่การไต่สวนครั้งที่แล้วได้เข้ามาให้การทางฝั่งผู้ฟ้องก็ไม่ได้เข้าร่วมในการไต่สวนในครั้งนี้เช่นกัน

        ส่วนทางฝั่งสมาคมฟุตบอลฯ ผู้ถูกฟ้องนั้นมาร่วมในการไต่สวนของศาลปกครองครั้งนี้กันพร้อมหน้านำโดย วรวีร์ มะกูดี นายกสมาคมฟุตบอลฯ, องอาจก่อสินค้า รักษาการเลขาธิการสมาคมฟุตบอลฯ, สุปราณีกิตติกรณ์ รักษาการรองเลขาธิการสมาคมฟุตบอลฯพร้อมด้วยตัวแทนฝ่ายกฎหมายของสมาคมฟุตบอลฯ คือนรินท์พงศ์ จินาภักดิ์ และ ชูชาติ กันภัย

        ทั้งนี้ทางศาลปกครองได้ทำการไต่สวนถึงบทบาทหน้าที่ของทางการกีฬาแห่งประเทศไทย หรือกกท.ในการมีส่วนเกี่ยวข้องกับการควบคุมดูแลการดำเนินการต่างๆ ในสมาคมฟุตบอลฯ รวมทั้งเรื่องการเลือกตั้งนายกสมาคมฟุตบอลฯ, อุปนายก และสภากรรมการ ให้เป็นไปตามระเบียบข้อบังคับแบบไหน อย่างไร เพื่อให้เป็นที่รับรู้เข้าใจกันในทุกฝ่าย รวมทั้งได้มีการซักถามทางผู้แทนกกท.ที่ได้ยืนยันว่าได้เข้าไปร่วมสังเกตการณ์การเลือกตั้งของสมาคมฟุตบอลฯ ร่วมกับผู้แทนของฟีฟ่าและผู้แทนของทางเอเอฟซี เมื่อวันที่ 17 ต.ค. 2556 ว่ามีเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในระหว่างการเลือกตั้งอย่างไรบ้าง

        ซึ่ง สมพร ไชยสงคราม ในฐานะตัวแทนของกกท.ที่เข้าร่วมสังเกตการณ์การเลือกตั้งในครั้งนั้นได้ตอบคำถามว่า มี วิรัช ชาญพานิชย์ ผู้สมัครเลือกตั้งนายกสมาคมฟุตบอลฯ ได้เข้าไปประท้วงต่อคณะกรรมการเลือกตั้ง หรือ กกต.ในที่ประชุมก่อนการดำเนินการเลือกตั้งถึงผู้ถูกตัดสิทธิ์การเลือกตั้งมีการเปลี่ยนแปลงไม่ถูกต้องโดยคณะกรรมการอุทธรณ์ ก่อนที่ทางคณะกรรมการเลือกตั้งได้พูดคุยตอบโต้ อธิบายกลับไปยังนายวิรัช แต่ทาง สมพร ไชยสงครามในฐานะผู้แทนกกท.ไม่อาจรับฟังได้ชัดเจนว่าการพูดคุยตกลงเป็นเช่นไร เพียงแต่เห็น วิรัช ชาญพานิชย์ ยอมเดินออกจากที่ประชุมจากนั้นจึงได้มีการดำเนินการเลือกตั้งต่อจนเสร็จสิ้นการนับคะแนน

        โดยทางผู้แทนของกกท.ได้ยืนยันกับศาลปกครองตามที่ทางผู้แทนของบริษัท สโมสรพัทยา จำกัด ได้ถามต่อศาลสาเหตุที่ทางกกท.ยังไม่ได้ตัดสินการยื่นคำร้องเรื่องการเลือกตั้งไม่ชอบธรรมของผู้ฟ้องร้องต่อศาลปกครองนั้น เนื่องจากยังอยู่ในระหว่างการพิจารณาพยานหลักฐานต่างๆ ให้ครบถ้วนแล้วเสร็จเสียก่อน

        หลังจากที่ใช้เวลาในการไต่สวนพอสมควรศาลปกครองได้แจ้งต่อทุกฝ่ายที่เข้ามาร่วมในการไต่สวนครั้งนี้ว่า ศาลจะทำการพิจารณาคำฟ้องครั้งนี้อย่างเป็นธรรมกับทุกฝ่ายหลังจากที่ได้รับฟังคำให้การในการไต่สวนทุกฝ่ายอย่างละเอียดครบถ้วนแล้ว โดยจะมีคำสั่งออกมาให้โดยเร็วที่สุด

        ความคืบหน้าในคำสั่งศาลปกครองว่าจะให้มีการรับเรื่องฟ้องร้องเป็นคดีความเพื่อพิจารณาต่อไป หรือจะให้มีการยกคำร้องของผู้ฟ้องทั้งบริษัท สโมสรพัทยาจำกัด และสโมสรจังหวัดระยอง ทางสยามกีฬาจะรายงานความคืบหน้าให้ทราบต่อไป

        ขณะเดียวกันที่ ศาลอาญา ถนนรัชดาฯเมื่อวันที่ศุกร์ที่ 8 พ.ย. 2556 ความคืบหน้าคดีหมายเลขดำที่ อ.2670/2556 ซึ่งเป็นคดีที่โจทก์คือ วรวีร์ มะกูดียื่นฟ้องจำเลย คือ เนวิน ชิดชอบ ในข้อหาหมิ่นประมาทจากกรณีที่ เมื่อวันที่ 1 ก.ค. 2556 เวลากลางวันและกลางคืนต่อเนื่องกัน จำเลย ได้หมิ่นประมาทโจทก์โดยการให้สัมภาษณ์และมีการเผยแพร่ทาง www.buriramunited.co.th ทำให้โจทก์เสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่นถูกเกลียดชัง จึงขอให้ศาลลงโทษจำเลยตาม ป.อาญา มาตรา 326,328,332 พ.ร.บ. ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 มาตรา 14 (1),15 โดยศาลได้กำหนดวันไต่สวนมูลฟ้องครั้งต่อไปในวันที่ 17 ก.พ. 2557 เวลา 09.00 น. ห้อง 910 หลังจากก่อนหน้านี้ในวันที่ 4 พ.ย. 56 ต้องเลื่อนออกไปเนื่องจากทนายฝ่ายจำเลยติดว่าความที่ศาลอื่น

        ส่วนคดีหมายเลขดำที่ อ.4117/2556 ซึ่งเป็นคดีที่โจทก์คือ ทัดเทพ พิทักษ์พูลสิน ผู้รับมอบอำนาจจาก บริษัท สโมสรบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด จำกัด พร้อมด้วยทนายความ เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง จำเลยที่ 1 วรวีร์ มะกูดี และ จำเลยที่ 2 องอาจ ก่อสินค้า ในข้อหาปลอมเอกสาร ใช้เอกสารปลอม และแจ้งให้เจ้าหน้าที่พนักงานจดข้อความอันเป็นเท็จ ศาลได้นัดไต่สวนมูลฟ้องในวันที่ 10 ก.พ. 2557 เวลา 13.30 น.

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่