ขอใส่ครอบไว้นะครับ ติดเรทพอสมควร
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้เป็นความหมกมุ่นของผมเองละครับ
ตั้งใจว่าจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้แล้ว (ปกติเป็นคนกังวลมาก) เที่ยวอย่างว่าครั้งสุดท้าย ถ้าแบบมีเพศสัมพันธ์ก็เมื่อปีที่แล้ว (ใช้ถุงยาง) ซึ่งพอครบ 3 เดือน ไปตรวจ ผลเป็นลบ ก็ไม่ได้มีแบบนี้กับใครอีก
แต่ถ้านับรวมเฉพาะให้ ผญ ทำ Oral Sex ให้ผมจนเสร็จ แต่ไม่ีมีเพศสัมพันธ์กัน (อันนี้ทำสดๆ ไม่ใส่ถุง) อันนี้เมื่อเกือบ 3 เดือนก่อน แต่พอหลังเที่ยวแบบนี้ (ย้ำว่าให้ทำ Oral ให้เฉยๆ ไม่มีเพศสัมพันธ์แบบปกติ) ครบ 14 วัน ไปตรวจ PCR ที่คลินิกนิรนาม แถวสวนลุม ผลเ็ป็นลบ แล้ว จนท. ที่นั่นบอกว่าไม่ต้องมาแล้ว เขาบอกว่าผมเป็นฝ่ายถูกกระทำ ไม่ใช่ฝ่ายกระทำจึงไม่เสี่ยง
--------------------------------
ทุกอย่างกำลังจะจบครับ ถ้าผมไม่ทำแบบนี้อีก แต่เพราะความหมกมุ่นของผมจริงๆ
ยอมรับว่าบางทีทำงานมากๆ อยู่คนเดียว (เดี๋ยวนี้ไม่ค่อยเจอเพื่อนฝูงเท่าไร เพราะแต่ละคนก็แยกย้ายไปมีแฟน มีครอบครัวหมดแล้ว) มันก็เหงาบ้าง ยิ่งทำงานเยอะๆ ก็เครียด ผมก็นั่งเล่น Internet หาคนคุยไปเรื่อยละครับ
จนกระทั่งไม่กี่วันนี้แหละ รู้จักน้อง ผญ คนนึง คุยกันไม่นาน รู้สึกถูกคอกันดี หลังจากนั้นก็นัดเจอกันครับ
แล้วก็ยอมรับแหละ อารมณ์พาไปจริงๆ (ผมเช่าห้องอยู่คนเดียว วันนั้นพาน้องเขามาด้วย) ผมถามว่าถ้าขอมีอะไรกันจะได้ไหม เขาบอกว่าได้นะ แต่ขอให้ใส่ถุงยาง แน่นอนครับ ผมก็ใส่ถุงยาง แล้วก็มีอะไรกันจนเสร็จไปรอบนึง
(ปกติถ้าไม่ใส่ถุง ให้สวยขนาดไหนผมก็ไม่กล้ามีอะไรด้วยครับ ถึงไม่เกี่ยวกับเอดส์ แต่ก็ต้องห่วงเรื่องทำ ผญ ท้องด้วย มันไม่ดี)
เหมือนจะจบใช่ไหมครับ แต่ความเครียดมาทันทีหลังเสร็จเลยครับ เพราะก่อนหน้าที่จะมีอะไรกัน ผมทำ Oral ให้น้องเขาด้วย เช่นกัน น้องเขาก็ทำให้ผม (และผมก็ไม่ได้ใส่ถุงยางในช่วงนี้ มาใส่ตอนจะมีเพศสัมพันธ์กันแล้ว)
ด้วยความเครียด ผมเลยบอกว่าเริ่มกังวลแล้วสิ น้องเขาก็เลยบอกว่า ถ้าผมมีอะไรกับน้องเขาแค่คนเดียว ก็ไม่ต้องกังวล เพราะเขาไม่เป็นอะไรแน่นอน (อีกอย่างผมก็ใส่ถุงยางเรียบร้อย) ตรงกันข้าม น้องเขาบอกว่า จริงๆ เขาต้องกลัวผมมากกว่า เพราะเขาทำ Oral ให้ผมแบบสดๆ
(แต่น้องเขาบอกว่า ไม่มีแผลเลือดออกในปากแน่ๆ เพราะก่อนที่จะมาที่ห้อง เราก็ไปกินข้าวกันมาแล้ว น้องเขากินของเผ็ดได้ จึงไม่น่ามีอะไร เช่นเดียวกัน ผมก็ไม่น่ามีแผลเลือดออกในปาก)
แถมน้องเขามีการท้าด้วยนะ ว่าถ้าไม่ไว้ใจกัน จะพาไปตรวจเลือดก็ได้ (ผมคงพาไปแน่ๆ ครับ แต่ขอหลังจากที่ตัวเองไปตรวจก่อน เมื่อครบ 14 วันหลังเสี่ยง) เพราะช่วงหลังๆ ไม่ได้คบผู้ชายเท่าไร แต่ไปคบทอมมากกว่า
-------------------------------------
คำถามเลยครับ
1.แลกกันทำ Oral Sex แบบไม่สวมถุงยางอนามัย (ทำนานพอสมควร แต่ทั้ง 2 ฝ่ายไม่มีแผลในปากในระดับที่เลือดออก) เสี่ยงแค่ไหนครับ
2.มีเพศสัมพันธ์ ใส่ถุงยางเรียบร้อย (คาดว่าถุงคงไม่แตกไม่รั่ว) แต่ตอนเอาถุงออก ผมเอามือเปล่าๆ จับถอดแล้วเอาไปทิ้ง จากนั้นไปล้างมือด้วยน้ำเปล่าสักครู่ ก่อนจะล้างของตัวเอง แบบนี้เสี่ยงแค่ไหนครับ
3.ที่บอกว่าถุงแตกถุงรั่ว สังเกตยากไหมครับ
4.ครบ 14 วัน ผมจะไปตรวจที่คลินิกนิรนาม แถวๆ สวนลุม จำได้ว่าเจ้าหน้าที่เขาบอกว่า ต่อไปครบ 14 วัน ไม่ต้องตรวจ PCR แล้ว เพราะมันแพง (1,500 บาท ฟังผล 1 สัปดาห์หลังตรวจ ) ให้ตรวจ Antibody ไปเลย (200 บาท ฟังผล 1 ชม. หลังตรวจ) เพราะเดี๋ยวนี้เทคโนโลยีไปไกลแล้ว ไม่ต้องรอ 3 เดือน (12 สัปดาห์หรือ 90 วัน) แล้ว Antibody ตรวจได้ตั้งแต่ 14 วันขึ้นไป และจบเรื่องได้ใน 4-6 สัปดาห์ (ของเดิม ตรวจได้ที่ 6 สัปดาห์ จบเรื่องได้ที่ 12 สัปดาห์) อีกอย่างถ้าตรวจ Antibody เขาจะตรวจ NAT แถมให้ด้วย ซึ่งจะตรวจได้หลังเสี่ยง 5 วันขึ้นไป ใช้เวลา 3 วันในการฟังผล (ถ้า 3 วันให้หลัง NAT ผลเป็นลบ เขาจะไม่ติดต่อให้กลับมาตรวจซ้ำ) ผมควรตรวจแบบไหนดีครับ (โดยส่วนตัวยอมรับว่ายึดติดกับ PCR พอสมควร เพราะตรวจแบบนี้มาบ่อยมาก)
5.การตรวจ NAT เป็นการตรวจที่แม่นยำที่สุดในยุคนี้หรอครับ (เห็นเจ้าหน้าที่ของคลินิกนิรนามย้ำมาก บอกไม่ต้องไป PCR แล้ว ตรวจ Antibody + NAT หลัง 14 วันขึ้นไป ถ้าลบทั้งคู่คือจบเรื่องทันที) แล้วทำไมที่อื่นๆ ที่ผมเคยถาม ถึงยังเน้น PCR 14 วันขึ้นไป กับ Antibody ที่ 6 สัปดาห์ขึ้นไปอยู่ครับ
รบกวนทุกท่านช่วยประเมินความเสี่ยงด้วยครับ (ผมคงไม่ทันรับยาต้านแล้ว เพราะเกิน 3 วันไปแล้ว) กังวลมากครับ
ขอบคุณครับ
[18+] สารภาพบาป : กังวลครับ ช่วยประเมินหน่อยว่าผมเสี่ยงติดเอดส์แค่ไหนครับ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
คำถามเลยครับ
1.แลกกันทำ Oral Sex แบบไม่สวมถุงยางอนามัย (ทำนานพอสมควร แต่ทั้ง 2 ฝ่ายไม่มีแผลในปากในระดับที่เลือดออก) เสี่ยงแค่ไหนครับ
2.มีเพศสัมพันธ์ ใส่ถุงยางเรียบร้อย (คาดว่าถุงคงไม่แตกไม่รั่ว) แต่ตอนเอาถุงออก ผมเอามือเปล่าๆ จับถอดแล้วเอาไปทิ้ง จากนั้นไปล้างมือด้วยน้ำเปล่าสักครู่ ก่อนจะล้างของตัวเอง แบบนี้เสี่ยงแค่ไหนครับ
3.ที่บอกว่าถุงแตกถุงรั่ว สังเกตยากไหมครับ
4.ครบ 14 วัน ผมจะไปตรวจที่คลินิกนิรนาม แถวๆ สวนลุม จำได้ว่าเจ้าหน้าที่เขาบอกว่า ต่อไปครบ 14 วัน ไม่ต้องตรวจ PCR แล้ว เพราะมันแพง (1,500 บาท ฟังผล 1 สัปดาห์หลังตรวจ ) ให้ตรวจ Antibody ไปเลย (200 บาท ฟังผล 1 ชม. หลังตรวจ) เพราะเดี๋ยวนี้เทคโนโลยีไปไกลแล้ว ไม่ต้องรอ 3 เดือน (12 สัปดาห์หรือ 90 วัน) แล้ว Antibody ตรวจได้ตั้งแต่ 14 วันขึ้นไป และจบเรื่องได้ใน 4-6 สัปดาห์ (ของเดิม ตรวจได้ที่ 6 สัปดาห์ จบเรื่องได้ที่ 12 สัปดาห์) อีกอย่างถ้าตรวจ Antibody เขาจะตรวจ NAT แถมให้ด้วย ซึ่งจะตรวจได้หลังเสี่ยง 5 วันขึ้นไป ใช้เวลา 3 วันในการฟังผล (ถ้า 3 วันให้หลัง NAT ผลเป็นลบ เขาจะไม่ติดต่อให้กลับมาตรวจซ้ำ) ผมควรตรวจแบบไหนดีครับ (โดยส่วนตัวยอมรับว่ายึดติดกับ PCR พอสมควร เพราะตรวจแบบนี้มาบ่อยมาก)
5.การตรวจ NAT เป็นการตรวจที่แม่นยำที่สุดในยุคนี้หรอครับ (เห็นเจ้าหน้าที่ของคลินิกนิรนามย้ำมาก บอกไม่ต้องไป PCR แล้ว ตรวจ Antibody + NAT หลัง 14 วันขึ้นไป ถ้าลบทั้งคู่คือจบเรื่องทันที) แล้วทำไมที่อื่นๆ ที่ผมเคยถาม ถึงยังเน้น PCR 14 วันขึ้นไป กับ Antibody ที่ 6 สัปดาห์ขึ้นไปอยู่ครับ
รบกวนทุกท่านช่วยประเมินความเสี่ยงด้วยครับ (ผมคงไม่ทันรับยาต้านแล้ว เพราะเกิน 3 วันไปแล้ว) กังวลมากครับ
ขอบคุณครับ