ถึงแม้ว่า จะเคยได้รู้ได้ยินได้ทราบถึงเรื่องราวแห่งอัจฉริยคุณและบุญญาบารมีอันยิ่งแห่งพระเดชพระคุณท่านเจ้าคุณพระธรรมวิสุทธิมงคลหรือที่รู้จักกันทั่วไปเป็นอย่างดีที่สุดในนาม"หลวงตาพระมหาบัว ญาณสัมปันโน" แห่งวัดป่าเกสรศีลคุณ (วัดป่าบ้านตาด) อ.เมือง จ.อุดรธานี มาเป็นเอนกปริยาย ด้วยระยะเวลานับเป็นทศวรรษ จนได้นำเสนอให้เป็นที่ล่วงรู้รับทราบกันทั่วไปอย่างตรงไปตรงมาและไม่มีปิดบังอำพรางใดๆทั้งโดยอนุโลมและปฏิโลม ตามควรแก่กาละและเทศะตลอดจนกุศลเหตุอันพิเศษที่จะพึงสอดแทรกเข้ามาตามวาระอันเหมาะสมโดยตลอด ด้วยเหตุที่ถือว่า "ความจริงก็คือความจริง" ไม่อาจลบเลือนดัดแปลงแก้ไขให้เป็นอื่นได้ เพื่อเป็นเครื่องเจริญศรัทธาและตอกย้ำปสาทะในองค์หลวงตาและบวรพระพุทธศาสนาให้หนักแน่นมั่นคงยิ่งขึ้นไป อันจะก่อให้เกิดเป็นมหาบุญและมหากุศลใหญ่ในฐาน"ปูชา จ ปูชนียานัง เอตัมมังคลมุตตมัง"และ"สัพพทานัง ธัมมทานัง ชินาติ"ทับซ้อนทบทวีกับบุรพเจตนาเดิมแห่ง"พุทธวงศ์"ที่กำหนดหมายให้เป็นขุมกุศลแห่งพระไตรรัตนบูชาอันยิ่งใหญ่อย่างไม่รู้ที่สุดสิ้นสืบไปเมื่อหน้า ความย่อมแจ้งตาแจ้งใจทั่วไปโดยลำดับอยู่แล้วนั้น.......
"ในอนาคตเบื้องหน้า พระมหาบัวผู้นี้จักทำประโยชน์ใหญ่ให้แก่ประเทศชาติและพระศาสนา..!!!!"
(พระอาจารย์มั่น ภูริทัตตมหาเถระ พระบุพพาจารย์ใหญ่ฝ่ายวิปัสสนากรรมฐานกล่าวพยากรณ์ไว้เมื่อพ.ศ. 2482)
"ท่านมหา...ท่านมหา..ขอใส่บาตรหน่อย"

พระอาจารย์มั่น กล่าวพร้อมกับลุกขึ้นมาใส่บาตรให้หลวงตามหาบัวสมัยอยู่ที่บ้านหนองผือด้วยมือของท่านเอง หรือที่สุดบางคราวท่านพระอาจารย์มั่นก็กรุณาเอา"ผ้าที่ท่านห่มพร้อมดอกไม้ธูปเทียน"ไปทอดผ้าบังสุกุลให้ถึงที่จำวัดของหลวงตามหาบัวด้วยเมตตาอันหาที่เปรียบมิได้เลยทีเดียว..!!!!!)
"ท่านมหาบัวนี่แหละ ที่จะเป็นที่พึ่งของหมู่คณะในวันข้างหน้านะ.."

พระอาจารย์มั่น ภูริทัตตมหาเถระ)
"ในยุคบ้านหนองผือ พระอาจารย์มหาบัวลึกซึ้งมากทุกวิถีทาง ท่านพระอาจารย์มั่นไว้ใจมากกว่าองค์อื่นๆในกรณีทุกๆด้าน.."

หลวงปู่หล้า เขมปัตโต วัดภูจ้อก้อ มุกดาหาร)
"หลวงตามหาบัวเป็นพระอรหันต์ร้อยเปอร์เซ็นต์ พันเปอร์เซ็นต์..!!!!"
(หลวงพ่อสังวาลย์ เขมโก วัดทุ่งสามัคคีธรรม สุพรรณบุรี)
"หลวงตามหาบัวเป็นพระอรหันต์อันดับหนึ่งของประเทศไทย เพราะมีบารมีมากเหนือใครๆ ฤทธิ์ก็เยอะนะ..!!!!!"

หลวงพ่อสังวาลย์ เขมโก วัดทุ่งสามัคคีธรรม สุพรรณบุรี)
"ในยุคนี้ ไม่มีใครเกินหลวงตามหาบัว..!!!!"

หลวงพ่อแนน สุภัทโท วัดซำขาวถ้ำยาว จ.ขอนแก่น)
"ผมยอมท่านอาจารย์(หลวงตามหาบัว) ดูลักษณะท่าทางนี่ไม่ผิดกับท่านอาจารย์มั่น ผมจับได้หมดเลย ผมเคารพสุดยอด!!!!"หลวงปู่เจี๊ยะ จุนโท วัดป่าภูริทัตปฏิปทาราม ปทุมธานี
"ให้รีบไปกราบหลวงตามหาบัวเสียไวๆที่สุดเถิด เพราะหลวงตาท่านเข็นสังขาร(ต่ออายุ)มาให้นานถึง 10 กว่าปีนี่แล้วน๊ะ!!??!!"พระอาจารย์แบน วัดดอยธรรมเจดีย์ สกลนคร(กล่าวกับศิษย์ตอนหลวงตามหาบัวเจริญอายุได้ 90 ปี)
หมายเหตุ ,1. เป็นที่ทราบกันวงในว่า แท้จริงนั้น หลวงตามหาบัวท่านหมดอายุขัยตั้งแต่ตอนที่ท่านอายุได้ 80 ปีแล้ว โดยช่วงนั้น หลวงตามหาบัวอาพาธหนักมาก(มะเร็งลำไส้ใหญ่ระยะที่ 4 ) และสั่งให้เตรียมสร้างเมรุเพื่อปลงสังขารของท่านเองที่วัดป่าบ้านตาดไว้เรียบร้อยแล้วด้วย แต่พอดีช่วงนั้น(พ.ศ. 2540) ประเทศไทยกำลังประสพวิกฤติเศรษฐกิจอย่างหนัก ใกล้ล้มละลายเต็มที หลวงตามหาบัวสงสารลูกหลานไทยว่าจะถึงความพินาศวอดวายกันหมดทั้งชาติไปเสียเปล่า ท่านเลยต้องเจริญ"อิทธิบาทภาวนา" ต่ออายุองค์ท่านเองด้วยกำลังฌาณและอรหันตฤทธิ์ที่ทรงอานุภาพอย่างเยี่ยมยอด จนสามารถระงับยับยั้งอาการอาพาธ(มะเร็งขั้นสุดท้าย)ให้สงบราบคาบได้เหมือนปลิดทิ้ง อีกทั้งยังมีกำลังวังชาแข็งแกร่งเหมือนมิได้เป็นอะไรมาก่อนออกบิณฑบาตทองคำและดอลล่าร์ เพื่อ"ช่วยชาติ"ให้พ้นจากหายนภัยจนประสพผลสำเร็จอย่างน่าอัศจรรย์ที่สุดในประวัติศาสตร์ชาติสยาม โดยได้ทองคำเข้าคลังหลวงถึงกว่า 10 ตัน และเงินดอลล่าร์อีก 10 ล้านดอลล่าร์ ดังเป็นที่ประจักษ์โดยทั่วไปแล้วนั่นเอง...
2. ตอนนี้ หลวงตามหาบัว ท่านมีอายุได้ "95" ปีแล้ว นี่ก็เท่ากับว่า หลวงตาท่าน"ยืดอายุโปรดโลก"มานานถึงกว่า "15" ปีแล้ว จึงนับเป็นพระคุณและวาสนาล้นเหลือแก่ผู้ที่ปรารถนาจะได้พบได้เห็นได้กราบได้ไหว้และได้ทำบุญกับ"อัครอรหันต์"ผู้ซึ่งทำประโยชน์ใหญ่ให้กับประเทศชาติและพระศาสนาด้วยฤทธิ์และบุญบารมีอันสูงสุดดุจนี้อย่างแท้จริงเลยทีเดียว
"เมตตาของหลวงตามหาบัวที่ได้ออกมาทำโครงการผ้าป่าช่วยชาตินั้น เปรียบเสมือนกับผืนแผ่นฟ้าที่ห่มคลุม(ปกป้อง)แผ่นดินไทยไว้ทั้งหมดเลยทีเดียว..!!!!!"
สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช วัดบวรนิเวศวิหาร กรุงเทพมหานคร
"ถ้าไม่(ทรงคุณธรรม)"ถึงขั้น"จริงๆแล้วละก็ จะถามปัญหาแบบนี้ไม่ได้หรอกนะ..!!?!"หลวงปู่แหวน สุจิณฺโณ กล่าวชมหลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโนในการสนทนาถามปัญหาธรรมครั้งหนึ่ง
"หลวงตามหาบัวเคยเล่าให้หลวงตาพุธฟังครั้งหนึ่งว่า....
แต่ก่อนนั้น หลวงตาอยากเป็นพระ เมื่อได้บวช ก็เป็นพระสมใจแล้ว
ต่อมา หลวงตาอยากเป็นพระมหา สอบได้เปรียญธรรม 3 ประโยค ก็ได้ชื่อว่า"มหาบัว"สมดังปรารถนาแล้ว
ต่อมาอีก หลวงตาอยากเป็นพระนักปฏิบัติ ก็ออกธุดงค์วัตรปฏิบัติธรรม ก็ได้ชื่อว่าเป็นพระนักปฏิบัติแล้ว
ครั้นสุดท้าย หลวงตาอยากสำเร็จเป็นพระอรหันต์ ก็ตั้งใจปฏิบัติธรรมอย่างเต็มกำลัง
แต่...คราวนี้ "ความอยากเป็นพระอรหันต์"ไม่รู้หายไปไหนหมดแล้ว...!!??"
หลวงพ่อพุธ ฐานิโย ก็สรุปในตอนสุดท้ายว่า"นี่แหละ ท่านผู้เป็นพระอรหันต์ หมดอาสวกิเลสแล้วอย่างแท้จริง ย่อมเป็นอย่างนี้นี่แล!!!!!"
หมายเหตุ, เรื่องหลวงตามหาบัวตอนนี้ หลวงพ่อพุธ ฐานิโย วัดป่าสาลวัน นครราชสีมาได้เคยเล่าให้ได้ฟังซ้ำแล้วซ้ำอีกอยู่หลายวาระด้วยกันก่อนที่ท่านละสังขาร เหมือนจะแสดง"ความนัย"บางประการให้ปรากฏ เห็นมีเนื้อหาที่น่าสนใจอย่างยิ่ง จึงขอนำมาเผยแพร่ ณ. ที่นี้ เพื่อให้ได้ร่วมอนุโมทนาเป็นมหากุศลทั่วกันทีเดียว
"อรหันต์เหมือนกัน แต่ก็ไม่เหมือนกัน(บารมี)....!!!!""จากนี้ไป ต่อให้เกิดอีกสิบชาติร้อยชาติ ลูกหลานทั้งหลายก็ไม่มีทางที่จะเจอพระอรหันต์(ที่มีบารมีล้นฟ้า)อย่างหลวงตามหาบัวอีกแล้วนะ ให้รีบไปทำบุญกับท่านไวๆเถิด ประเสริฐที่สุดแล้วจริงๆ!!!!!"พระอริยะสายกรรมฐานองค์สำคัญที่หลวงปู่เจี๊ยะ วัดป่าภูริทัตตปฏิปทารับรองว่า "มีพลังจิตเทียบเท่ากับหลวงปู่ฝั้น อาจาโร"

ขอสงวนนาม)กล่าวกับศิษย์ใกล้ชิดไว้ครั้งหนึ่ง
ผู้เขียนเคยนำภาพอาจารย์มหาบัว ญาณสัมปันโนไปให้หลวงปู่ดู่ อธิษฐานจิตหลวงปู่ดู่ท่านบอกว่า "ท่านเป็นพระอรหันต์นะองค์นี้"
ผู้เขียนเรียนถามหลวงปู่เคยได้ยินชื่อท่านหรือไม่หลวงปู่ดู่ตอบว่า "ได้ยินมานานแล้ว หลายสิบปี มีคนเขาเอารูปมาให้ดูข้ารู้มานานแล้ว"
ลูกศิษย์ของผู้เขียน มาขอพระพุทธรูปทรงเครื่องประดับด้วยพลอยเพื่อจะนำไปถวายท่าน ผู้เขียนไม่ขัดข้องบอกแต่เพียงว่า "เห็นว่าท่าน ไม่นิยมรับพระ เพราะท่านบอกว่ารก ไม่รู้จะไว้ที่ไหน เสี่ยงดูแล้วกัน ถ้าท่านไม่รับก็ไปถวายที่อื่นท่านมีเหตุผลของท่าน"
ผู้เขียนได้แต่นำพระบรมสารีริกธาตและดวงแก้วมหาจักรพรรดิ บรรจุในส่วนของพระเศียรมอบให้ลูกศิษย์กลับมาบอกว่า
"วันที่ไปหา คนเยอะมาก ไม่มีโอกาสจะเข้าไปกราบนมัสการได้แต่นั่งรอตรงทางเดินสักพักหนึ่งหลวงตามหาบัวท่านเดินมาหาแล้วบอกว่านำพระมาให้เราหรือเลยได้ถวายท่านบอกให้ไปไว้ที่ศาลา"
พระที่ติดตามคงสงสัยในใจว่าพระอะไรหลวงตามหาบัว..ท่านตอบขึ้นว่า"เขาเรียกว่าพระทรงเทวดา ท่านไม่รู้เหรอ"
เมื่อไม่นานมานี้ รศ.นรีทิพย์ ทุ่งกาวี ลูกศิษย์หลวงปู่ดู่สอนอยู่ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์นำภาพของท่านอาจารย์มหาบัวมามอบให้ผู้เขียน ซึ่งมีลายเซ็นของท่าน เขียนวาทะได้จับใจ ความว่า
"ขอให้เชื่อพระพุทธเจ้าเถิดว่า บาปมี บุญมี นรกมี สวรรค์มี พรหมโลกมี นิพพานมี ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว หลวงตาก็แก่มากแล้ว ห่วงลูกหลานไทยเรามากขึ้นทุกวัน"
อัศจรรย์..อัครอรหันต์"หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน"
ถึงแม้ว่า จะเคยได้รู้ได้ยินได้ทราบถึงเรื่องราวแห่งอัจฉริยคุณและบุญญาบารมีอันยิ่งแห่งพระเดชพระคุณท่านเจ้าคุณพระธรรมวิสุทธิมงคลหรือที่รู้จักกันทั่วไปเป็นอย่างดีที่สุดในนาม"หลวงตาพระมหาบัว ญาณสัมปันโน" แห่งวัดป่าเกสรศีลคุณ (วัดป่าบ้านตาด) อ.เมือง จ.อุดรธานี มาเป็นเอนกปริยาย ด้วยระยะเวลานับเป็นทศวรรษ จนได้นำเสนอให้เป็นที่ล่วงรู้รับทราบกันทั่วไปอย่างตรงไปตรงมาและไม่มีปิดบังอำพรางใดๆทั้งโดยอนุโลมและปฏิโลม ตามควรแก่กาละและเทศะตลอดจนกุศลเหตุอันพิเศษที่จะพึงสอดแทรกเข้ามาตามวาระอันเหมาะสมโดยตลอด ด้วยเหตุที่ถือว่า "ความจริงก็คือความจริง" ไม่อาจลบเลือนดัดแปลงแก้ไขให้เป็นอื่นได้ เพื่อเป็นเครื่องเจริญศรัทธาและตอกย้ำปสาทะในองค์หลวงตาและบวรพระพุทธศาสนาให้หนักแน่นมั่นคงยิ่งขึ้นไป อันจะก่อให้เกิดเป็นมหาบุญและมหากุศลใหญ่ในฐาน"ปูชา จ ปูชนียานัง เอตัมมังคลมุตตมัง"และ"สัพพทานัง ธัมมทานัง ชินาติ"ทับซ้อนทบทวีกับบุรพเจตนาเดิมแห่ง"พุทธวงศ์"ที่กำหนดหมายให้เป็นขุมกุศลแห่งพระไตรรัตนบูชาอันยิ่งใหญ่อย่างไม่รู้ที่สุดสิ้นสืบไปเมื่อหน้า ความย่อมแจ้งตาแจ้งใจทั่วไปโดยลำดับอยู่แล้วนั้น.......
"ในอนาคตเบื้องหน้า พระมหาบัวผู้นี้จักทำประโยชน์ใหญ่ให้แก่ประเทศชาติและพระศาสนา..!!!!"
(พระอาจารย์มั่น ภูริทัตตมหาเถระ พระบุพพาจารย์ใหญ่ฝ่ายวิปัสสนากรรมฐานกล่าวพยากรณ์ไว้เมื่อพ.ศ. 2482)
"ท่านมหา...ท่านมหา..ขอใส่บาตรหน่อย"
"ท่านมหาบัวนี่แหละ ที่จะเป็นที่พึ่งของหมู่คณะในวันข้างหน้านะ.."
"ในยุคบ้านหนองผือ พระอาจารย์มหาบัวลึกซึ้งมากทุกวิถีทาง ท่านพระอาจารย์มั่นไว้ใจมากกว่าองค์อื่นๆในกรณีทุกๆด้าน.."
"หลวงตามหาบัวเป็นพระอรหันต์ร้อยเปอร์เซ็นต์ พันเปอร์เซ็นต์..!!!!"
(หลวงพ่อสังวาลย์ เขมโก วัดทุ่งสามัคคีธรรม สุพรรณบุรี)
"หลวงตามหาบัวเป็นพระอรหันต์อันดับหนึ่งของประเทศไทย เพราะมีบารมีมากเหนือใครๆ ฤทธิ์ก็เยอะนะ..!!!!!"
"ในยุคนี้ ไม่มีใครเกินหลวงตามหาบัว..!!!!"
"ผมยอมท่านอาจารย์(หลวงตามหาบัว) ดูลักษณะท่าทางนี่ไม่ผิดกับท่านอาจารย์มั่น ผมจับได้หมดเลย ผมเคารพสุดยอด!!!!"หลวงปู่เจี๊ยะ จุนโท วัดป่าภูริทัตปฏิปทาราม ปทุมธานี
"ให้รีบไปกราบหลวงตามหาบัวเสียไวๆที่สุดเถิด เพราะหลวงตาท่านเข็นสังขาร(ต่ออายุ)มาให้นานถึง 10 กว่าปีนี่แล้วน๊ะ!!??!!"พระอาจารย์แบน วัดดอยธรรมเจดีย์ สกลนคร(กล่าวกับศิษย์ตอนหลวงตามหาบัวเจริญอายุได้ 90 ปี)
หมายเหตุ ,1. เป็นที่ทราบกันวงในว่า แท้จริงนั้น หลวงตามหาบัวท่านหมดอายุขัยตั้งแต่ตอนที่ท่านอายุได้ 80 ปีแล้ว โดยช่วงนั้น หลวงตามหาบัวอาพาธหนักมาก(มะเร็งลำไส้ใหญ่ระยะที่ 4 ) และสั่งให้เตรียมสร้างเมรุเพื่อปลงสังขารของท่านเองที่วัดป่าบ้านตาดไว้เรียบร้อยแล้วด้วย แต่พอดีช่วงนั้น(พ.ศ. 2540) ประเทศไทยกำลังประสพวิกฤติเศรษฐกิจอย่างหนัก ใกล้ล้มละลายเต็มที หลวงตามหาบัวสงสารลูกหลานไทยว่าจะถึงความพินาศวอดวายกันหมดทั้งชาติไปเสียเปล่า ท่านเลยต้องเจริญ"อิทธิบาทภาวนา" ต่ออายุองค์ท่านเองด้วยกำลังฌาณและอรหันตฤทธิ์ที่ทรงอานุภาพอย่างเยี่ยมยอด จนสามารถระงับยับยั้งอาการอาพาธ(มะเร็งขั้นสุดท้าย)ให้สงบราบคาบได้เหมือนปลิดทิ้ง อีกทั้งยังมีกำลังวังชาแข็งแกร่งเหมือนมิได้เป็นอะไรมาก่อนออกบิณฑบาตทองคำและดอลล่าร์ เพื่อ"ช่วยชาติ"ให้พ้นจากหายนภัยจนประสพผลสำเร็จอย่างน่าอัศจรรย์ที่สุดในประวัติศาสตร์ชาติสยาม โดยได้ทองคำเข้าคลังหลวงถึงกว่า 10 ตัน และเงินดอลล่าร์อีก 10 ล้านดอลล่าร์ ดังเป็นที่ประจักษ์โดยทั่วไปแล้วนั่นเอง...
2. ตอนนี้ หลวงตามหาบัว ท่านมีอายุได้ "95" ปีแล้ว นี่ก็เท่ากับว่า หลวงตาท่าน"ยืดอายุโปรดโลก"มานานถึงกว่า "15" ปีแล้ว จึงนับเป็นพระคุณและวาสนาล้นเหลือแก่ผู้ที่ปรารถนาจะได้พบได้เห็นได้กราบได้ไหว้และได้ทำบุญกับ"อัครอรหันต์"ผู้ซึ่งทำประโยชน์ใหญ่ให้กับประเทศชาติและพระศาสนาด้วยฤทธิ์และบุญบารมีอันสูงสุดดุจนี้อย่างแท้จริงเลยทีเดียว
"เมตตาของหลวงตามหาบัวที่ได้ออกมาทำโครงการผ้าป่าช่วยชาตินั้น เปรียบเสมือนกับผืนแผ่นฟ้าที่ห่มคลุม(ปกป้อง)แผ่นดินไทยไว้ทั้งหมดเลยทีเดียว..!!!!!"
สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช วัดบวรนิเวศวิหาร กรุงเทพมหานคร
"ถ้าไม่(ทรงคุณธรรม)"ถึงขั้น"จริงๆแล้วละก็ จะถามปัญหาแบบนี้ไม่ได้หรอกนะ..!!?!"หลวงปู่แหวน สุจิณฺโณ กล่าวชมหลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโนในการสนทนาถามปัญหาธรรมครั้งหนึ่ง
"หลวงตามหาบัวเคยเล่าให้หลวงตาพุธฟังครั้งหนึ่งว่า....
แต่ก่อนนั้น หลวงตาอยากเป็นพระ เมื่อได้บวช ก็เป็นพระสมใจแล้ว
ต่อมา หลวงตาอยากเป็นพระมหา สอบได้เปรียญธรรม 3 ประโยค ก็ได้ชื่อว่า"มหาบัว"สมดังปรารถนาแล้ว
ต่อมาอีก หลวงตาอยากเป็นพระนักปฏิบัติ ก็ออกธุดงค์วัตรปฏิบัติธรรม ก็ได้ชื่อว่าเป็นพระนักปฏิบัติแล้ว
ครั้นสุดท้าย หลวงตาอยากสำเร็จเป็นพระอรหันต์ ก็ตั้งใจปฏิบัติธรรมอย่างเต็มกำลัง
แต่...คราวนี้ "ความอยากเป็นพระอรหันต์"ไม่รู้หายไปไหนหมดแล้ว...!!??"
หลวงพ่อพุธ ฐานิโย ก็สรุปในตอนสุดท้ายว่า"นี่แหละ ท่านผู้เป็นพระอรหันต์ หมดอาสวกิเลสแล้วอย่างแท้จริง ย่อมเป็นอย่างนี้นี่แล!!!!!"
หมายเหตุ, เรื่องหลวงตามหาบัวตอนนี้ หลวงพ่อพุธ ฐานิโย วัดป่าสาลวัน นครราชสีมาได้เคยเล่าให้ได้ฟังซ้ำแล้วซ้ำอีกอยู่หลายวาระด้วยกันก่อนที่ท่านละสังขาร เหมือนจะแสดง"ความนัย"บางประการให้ปรากฏ เห็นมีเนื้อหาที่น่าสนใจอย่างยิ่ง จึงขอนำมาเผยแพร่ ณ. ที่นี้ เพื่อให้ได้ร่วมอนุโมทนาเป็นมหากุศลทั่วกันทีเดียว
"อรหันต์เหมือนกัน แต่ก็ไม่เหมือนกัน(บารมี)....!!!!""จากนี้ไป ต่อให้เกิดอีกสิบชาติร้อยชาติ ลูกหลานทั้งหลายก็ไม่มีทางที่จะเจอพระอรหันต์(ที่มีบารมีล้นฟ้า)อย่างหลวงตามหาบัวอีกแล้วนะ ให้รีบไปทำบุญกับท่านไวๆเถิด ประเสริฐที่สุดแล้วจริงๆ!!!!!"พระอริยะสายกรรมฐานองค์สำคัญที่หลวงปู่เจี๊ยะ วัดป่าภูริทัตตปฏิปทารับรองว่า "มีพลังจิตเทียบเท่ากับหลวงปู่ฝั้น อาจาโร"
ผู้เขียนเคยนำภาพอาจารย์มหาบัว ญาณสัมปันโนไปให้หลวงปู่ดู่ อธิษฐานจิตหลวงปู่ดู่ท่านบอกว่า "ท่านเป็นพระอรหันต์นะองค์นี้"
ผู้เขียนเรียนถามหลวงปู่เคยได้ยินชื่อท่านหรือไม่หลวงปู่ดู่ตอบว่า "ได้ยินมานานแล้ว หลายสิบปี มีคนเขาเอารูปมาให้ดูข้ารู้มานานแล้ว"
ลูกศิษย์ของผู้เขียน มาขอพระพุทธรูปทรงเครื่องประดับด้วยพลอยเพื่อจะนำไปถวายท่าน ผู้เขียนไม่ขัดข้องบอกแต่เพียงว่า "เห็นว่าท่าน ไม่นิยมรับพระ เพราะท่านบอกว่ารก ไม่รู้จะไว้ที่ไหน เสี่ยงดูแล้วกัน ถ้าท่านไม่รับก็ไปถวายที่อื่นท่านมีเหตุผลของท่าน"
ผู้เขียนได้แต่นำพระบรมสารีริกธาตและดวงแก้วมหาจักรพรรดิ บรรจุในส่วนของพระเศียรมอบให้ลูกศิษย์กลับมาบอกว่า
"วันที่ไปหา คนเยอะมาก ไม่มีโอกาสจะเข้าไปกราบนมัสการได้แต่นั่งรอตรงทางเดินสักพักหนึ่งหลวงตามหาบัวท่านเดินมาหาแล้วบอกว่านำพระมาให้เราหรือเลยได้ถวายท่านบอกให้ไปไว้ที่ศาลา"
พระที่ติดตามคงสงสัยในใจว่าพระอะไรหลวงตามหาบัว..ท่านตอบขึ้นว่า"เขาเรียกว่าพระทรงเทวดา ท่านไม่รู้เหรอ"
เมื่อไม่นานมานี้ รศ.นรีทิพย์ ทุ่งกาวี ลูกศิษย์หลวงปู่ดู่สอนอยู่ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์นำภาพของท่านอาจารย์มหาบัวมามอบให้ผู้เขียน ซึ่งมีลายเซ็นของท่าน เขียนวาทะได้จับใจ ความว่า
"ขอให้เชื่อพระพุทธเจ้าเถิดว่า บาปมี บุญมี นรกมี สวรรค์มี พรหมโลกมี นิพพานมี ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว หลวงตาก็แก่มากแล้ว ห่วงลูกหลานไทยเรามากขึ้นทุกวัน"