สื่อนอกมองไทยไม่ต่าง "สาธารณรัฐแห่งทักษิณ"

กระทู้สนทนา
น.ส.พ. กรุงเทพธุรกิจ
สื่อนอกมองไทยไม่ต่าง "สาธารณรัฐแห่งทักษิณ" แนะรัฐบาลทำเพื่อประชาชน แก้ปัญหาเศรษฐกิจ เลิกขยันหาช่องทางพา"ทักษิณ"กลับบ้าน

บลูมเบิร์กเปิดเผยบทความของวิลเลียม เปเซค หนึ่งในคอลัมนิสต์ ได้แสดงความเห็นเกี่ยวกับสถานการณ์การเมืองของไทยในปัจจุบันผ่านบทความที่มีชื่อว่า "Thailand's Big Brother Drama" ระบุว่า ประเทศไทยเปรียบได้ว่าเป็น 'สาธารณรัฐแห่งทักษิณ' เนื่องจากทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นในประเทศขณะนี้มีความเกี่ยวเนื่องและมุ่งเป้าต่อผลประโยชน์ของ อดีตนายกรัฐมนตรีท้กษิณ ชินวัตร ทั้งสิ้น

เปเซค เริ่มต้นบทความโดยระบุว่า "ขอต้อนรับเข้าสู่สาธารณรัฐแห่งทักษิณ" โดยแม้ว่านักท่องเที่ยวต่างชาติจะไม่ได้เห็นข้อความดังกล่าวติดอยู่บริเวณด่านตรวจคนเข้าเมืองเพื่อต้อนรับนักท่องเที่ยว แต่เชื่อได้เลยว่า สยามเมืองยิ้มแห่งนี้ได้กลายสภาพไปเป็นดินแดนของบุคคลที่ชื่อว่า ทักษิณ ชินวัตร เสียแล้ว เพราะถึงแม้ว่าอดีตนากยรัฐมนตรีถูกโค่นล้มลงจากตำแหน่งเมื่อ 7 ปีที่แล้ว แต่เงาของทักษิณ ยังคงปกคลุมและมีบทบาทต่อการเมืองไทยอยู่ดี เห็นได้จากขณะนี้ น้องสาวคนเล็กของทักษิณ ซึ่งก็คือ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ก็ได้ขึ้นนั่งเป็นนายกรัฐมนตรีของไทย

ผู้เขียนระบุว่า เป็นธรรมดาของความผูกพันฉันท์พี่น้อง ที่ผลักดันให้ ย่ิงลักษณ์ ชินวัตร ในฐานะน้องสาว ต้องคอยดูแลพี่ชายในสายเลือด ด้วยเหตุนี้ จึงเป็นที่มาของความพยายามผลักดันผ่านร่างกฎหมายนิรโทษกรรมฉบับสุดซอย เพื่อให้ทักษิณตลอดจนนักการเมืองคนอื่นๆพ้นความผิดในคดีต่างๆ จนกลายเป็นมหากาพย์ทางการเมืองที่รุนแรงที่สุดครั้งหนึ่งในรอบหลายปี ภายหลังจากมีประชาชนจำนวนมากออกมารวมตัวคัดค้านครั้งใหญ่

"และแม้ว่ายิ่งลักษณ์ ได้ออกมาประกาศที่จะยุติการพิจารณาร่างดังกล่าว แต่ใครที่คิดว่า การประกาศดังกล่าว ถือเป็นจุดจบของฝันร้ายของไทย ก็ผิดมหันต์ เนื่องจากมหาเศรษฐีอย่างทักษิณ ก็ไม่ต่างอะไรกับ ซิลวิโอ แบร์ลุสโคนี อดีตนายกรัฐมนตรีสามสมัยของอิตาลีที่ถูกดำเนินคดีทางการเมืองหลายคดีเช่นเดียวกัน ที่จะไม่ล้มเลิกความคิดที่จะกลับบ้าน เพราะต้องการที่จะกลับมาทวงคืนเงินที่รัฐยึดทรัพย์ไป พร้อมกับทวงเก้าอี้คืน" บทความระบุ

อย่างไรก็ตาม ผู้เขียนมองว่า ภายหลังจากมีการประกาศยุติพิจารณาร่างกฎหมายนิรโทษกรรม ได้มีการมุ่งเป้าความสนใจไปว่า ทักษิณจะได้รับผลกระทบอะไรจากการชะลอร่างครั้งนี้บ้าง ซึ่งเปเซคมองว่า แท้จริงแล้วควรหันกลับมาวิตกกังวลว่า ความวุ่นวายทางการเมืองได้ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยมากแค่ไหนเสียดีกว่า

"แทนที่นักการเมืองไทยและผู้กำหนดนโยบาย จะทุ่มเทเวลาส่วนใหญ่ที่จะพาทักษิณกลับบ้านให้ได้ ควรนำเวลาเหล่านั้นมาพัฒนาเศรษฐกิจประเทศให้ดีขึ้น เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันในเวทีโลก และหาหนทางหลีกเลี่ยงกับดักชนชั้นกลาง เพื่อเพิ่มรายได้ให้กับชนชั้นกลางและล่างให้ได้อย่างมีประสิทธิภาพคงจะดีกว่า" ผู้เขียน ระบุ

นอกจากนี้ คอลัมนิสต์ของบลูมเบิร์ก ยังแสดงความเห็นเกี่ยวกับนโยบายจำนำข้าวของรัฐบาลไทยว่า เป็นกลยุทธ์ทางการเมืองที่ถอดแบบมาจากช่วงที่ทักษิณ ดำรงตำแหน่ง คือพยายามที่จะบิดเบือนนโยบายให้สอดรับกับความต้องการและผลประโยชน์ทางธุรกิจของตัวเอง ส่งผลให้ในปัจจุบัน ไทยต้องนั่งจมอยู่กับปริมาณข้าวในคลังจำนวนมหาศาล เท่ากับปริมาณส่งออกถึง2ปี จนบิดเบือนราคาข้าวในตลาดและส่งผลให้ไทยเสียตำแหน่งผู้ส่งออกข้าวอันดับหนึ่งของโลกอีกด้วย

"ดังนั้น คงถึงเวลาแล้วที่สาธารณรัฐแห่งทักษิณ ควรลดความสนใจจากบุคคลเพียงคนเดียว และหันมาตอบสนองความต้องการของมวลชนหมู่มากได้แล้ว" ผู้เขียนกล่าวทิ้งท้าย

คัดลอกข้อมูลจาก http://www.bangkokbiznews.com/home/detail/politics/politics/20131108/541686/%E0%B8%AA%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B8%AD%E0%B8%81%E0%B8%A1%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B9%84%E0%B8%97%E0%B8%A2%E0%B8%94%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B9%81%E0%B8%94%E0%B8%99%E0%B8%97%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%A9%E0%B8%B4%E0%B8%93-%E0%B8%88%E0%B8%B5%E0%B9%89%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%90%E0%B8%97%E0%B8%B3%E0%B9%80%E0%B8%9E%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%8A%E0%B8%B2%E0%B8%95%E0%B8%B4.html
แสดงความคิดเห็น
อ่านกระทู้อื่นที่พูดคุยเกี่ยวกับ  การเมือง
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่