ดูกรภิกษุทั้งหลาย สงสารนี้กำหนดที่สุดเบื้องต้นเบื้องปลายไม่ได้
เมื่อเหล่าสัตว์ผู้มีอวิชชาเป็นที่กางกั้น มีตัณหาเป็นเครื่องประกอบไว้
ท่องเที่ยวไปมาอยู่ ที่สุดเบื้องต้นย่อมไม่ปรากฏ
นวสูตร
[บางส่วน]
พ. ดูกรอานนท์ เหตุนี้แล
กรรมจึงชื่อว่าเป็นไร่นา วิญญาณชื่อว่าเป็น
พืช ตัณหาชื่อว่าเป็นยาง1 วิญญาณประดิษฐานแล้วเพราะธาตุอย่างประณีต ของ
สัตว์พวกที่มีอวิชชาเป็นเครื่องสกัดกั้น มีตัณหาเป็นเครื่องผูกใจ ด้วยประการฉะนี้
จึงมีการเกิดในภพใหม่ต่อไปอีก ดูกรอานนท์ ภพย่อมมีได้ด้วยเหตุดังกล่าว
มาฉะนี้แล ฯ
เนื้อความพระไตรปิฎก เล่มที่ ๒๐ บรรทัดที่ ๕๘๘๕ - ๕๙๐๙. หน้าที่ ๒๕๒ - ๒๕๓.
http://84000.org/tipitaka/pitaka_item/v.php?B=20&A=5885&Z=5909&pagebreak=0
ศึกษาอรรถกถานี้ ได้ที่ :-
http://84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=20&i=516
1กมฺมํ เขตฺตํ วิญฺญาณํ พีชํ ตณฺหา สิเนโห
กรรมเป็นเนื้อนา วิญญาณเป็นพืช ตัณหาเป็นยางเหนียว
http://84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=25&i=364&p=1
อธิบายว่า
วิญญาณธาตุหรือธาตุรู้นั้น เมื่อกายนี้แตกสลาย ก็เป็นไปตามกรรม
เมื่อยังเป็นตัวพืชที่ยังมียางเหนียวคือตัณหาอยู่ จะจุติคือเคลื่อนออกจากกายที่แตกนี้ ไปถือปฏิสนธิในชาติภพใหม่
คือไปเกิดขึ้นในนาใหม่ต่อไป ท่องเที่ยวไปหลายภพหลายชาติในสังสารวัฏ
(ในภพทั้ง ๓ คือ กามภพ (ธาตุอย่างเลว) รูปภพ (ธาตุอย่างกลาง) อรูปภพ (ธาตุอย่างประณีต))
ก็เป็นไปอยู่ดั่งนี้ จนกว่าจะสิ้นอวิชชาตัณหาอุปาทานกรรม ก็เป็นอันว่าวิญญาณธาตุคือธาตุรู้ ก็หมดยางเหนียว
คือหมดอวิชชาตัณหาอุปาทานกรรม เป็นอันว่าไปเพาะอีกก็ไม่ขึ้นแล้ว แปลว่าหมดชาติหมดภพ เพราะว่าเป็นพืชที่ไม่มียางเหนียว
พ. ดูกรภิกษุทั้งหลาย เธอทั้งหลาย พึงเห็นวิญญาณฐิติ ๔ เหมือนปฐวีธาตุ
พึงเห็นความกำหนัดด้วยอำนาจความเพลิน เหมือนอาโปธาตุ.
พึงเห็นวิญญาณพร้อมด้วยอาหารเหมือนพืช ๕ อย่าง.
(พืช ๕ อย่าง คือ พืชงอกจากเหง้า พืชงอกจากลำต้น พืชงอกจากข้อ พืชงอกจากยอด พืชงอกจากเมล็ด)
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ ดูกรภิกษุทั้งหลาย วิญญาณที่เข้าถึงรูปก็ดี เมื่อตั้งอยู่ พึงตั้งอยู่ วิญญาณที่มีรูป
เป็นอารมณ์ มีรูปเป็นที่ตั้ง มีความยินดีเป็นที่เข้าไปซ่องเสพ พึงถึงความเจริญงอกงามไพบูลย์.
ดูกรภิกษุทั้งหลาย วิญญาณที่เข้าถึงเวทนาก็ดี ฯลฯ วิญญาณที่เข้าถึงสัญญาก็ดี ฯลฯ
วิญญาณที่เข้าถึงสังขารก็ดี เมื่อตั้งอยู่ พึงตั้งอยู่ วิญญาณที่มีสังขารเป็นอารมณ์
มีสังขารเป็นที่ตั้ง มีความยินดีเป็นที่เข้าไปซ่องเสพ พึงถึงความเจริญงอกงามไพบูลย์.
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ผู้ใดพึงกล่าวอย่างนี้ว่า เราจักบัญญัติการมา การไป จุติ
อุปบัติ หรือความเจริญงอกงามไพบูลย์แห่งวิญญาณ เว้นจากรูป เวทนา สัญญา สังขาร
ข้อนี้ไม่เป็นฐานะที่จะมีได้.
ดูกรภิกษุทั้งหลายถ้าความกำหนัดในรูปธาตุ ในเวทนาธาตุ ในสัญญาธาตุ ในสังขารธาตุ
ในวิญญาณธาตุเป็นอันภิกษุละได้แล้วไซร้ เพราะละความกำหนัดเสียได้ อารมณ์ย่อมขาดสูญ
ที่ตั้งแห่งวิญญาณย่อมไม่มี วิญญาณอันไม่มีที่ตั้งนั้น ไม่งอกงาม ไม่แต่งปฏิสนธิ หลุดพ้นไป
เพราะหลุดพ้นไปจึงดำรงอยู่ เพราะดำรงอยู่ จึงยินดีพร้อม เพราะยินดีพร้อม จึงไม่สะดุ้ง เมื่อไม่สะดุ้ง
ย่อมดับรอบเฉพาะตนเท่านั้น. เธอย่อมทราบชัดว่า ชาติสิ้นแล้ว พรหมจรรย์อยู่จบแล้ว กิจที่ควรทำ
ทำเสร็จแล้ว กิจอื่นเพื่อความเป็นอย่างนี้มิได้มี.
พีชสูตร ว่าด้วยอุปมาวิญญาณด้วยพืช
เนื้อความพระไตรปิฎก เล่มที่ ๑๗ บรรทัดที่ ๑๒๒๐ - ๑๒๔๖. หน้าที่ ๕๔ - ๕๕.
http://84000.org/tipitaka/pitaka_item/v.php?B=17&A=1220&Z=1246&pagebreak=0
ศึกษาอรรถกถานี้ ได้ที่ :-
http://84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=17&i=106
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ [๒๔๕] วิญญาณฐิติ ๔ อย่าง
๑. ดูกรผู้มีอายุทั้งหลาย วิญญาณที่เข้าถึงซึ่งรูป เมื่อตั้งอยู่ ย่อมตั้งอยู่
วิญญาณนั้นมีรูปเป็นอารมณ์ มีรูปเป็นที่พำนัก เข้าไปเสพซึ่งความยินดี ย่อมถึง
ความเจริญ งอกงาม ไพบูลย์ ฯ
๒. ดูกรผู้มีอายุทั้งหลาย วิญญาณที่เข้าถึงซึ่งเวทนา เมื่อตั้งอยู่ ย่อม
ตั้งอยู่ วิญญาณนั้นมีเวทนาเป็นอารมณ์ มีเวทนาเป็นที่พำนัก เข้าไปเสพซึ่งความ
ยินดี ย่อมถึงความเจริญ งอกงามไพบูลย์ ฯ
๓. ดูกรผู้มีอายุทั้งหลาย วิญญาณที่เข้าถึงซึ่งสัญญา เมื่อตั้งอยู่ ย่อม
ตั้งอยู่ วิญญาณนั้นมีสัญญาเป็นอารมณ์ มีสัญญาเป็นที่พำนัก เข้าไปเสพซึ่งความ
ยินดี ย่อมถึงความเจริญ งอกงาม ไพบูลย์ ฯ
๔. ดูกรผู้มีอายุทั้งหลาย วิญญาณที่เข้าถึงซึ่งสังขาร เมื่อตั้งอยู่ ย่อม
ตั้งอยู่ วิญญาณนั้นมีสังขารเป็นอารมณ์ มีสังขารเป็นที่พำนัก เข้าไปเสพซึ่งความ
ยินดี ย่อมถึงความเจริญ งอกงาม ไพบูลย์ ฯ
สังคีติสูตร
เนื้อความพระไตรปิฎก เล่มที่ ๑๑ บรรทัดที่ ๔๕๐๑ - ๗๐๑๕. หน้าที่ ๑๘๖ - ๒๘๘.
http://84000.org/tipitaka/pitaka_item/v.php?B=11&A=4501&Z=7015&pagebreak=0
ศึกษาอรรถกถานี้ ได้ที่ :-
http://84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=11&i=221
ข้อว่า วิญฺญาณฏฺฐิติโย ความว่า ที่ชื่อว่าวิญญาณฐิติ เพราะอรรถว่าเป็นที่ตั้งของวิญญาณ.
คำนี้ท่านกล่าวไว้แล้วด้วยอำนาจเป็นที่ตั้งของอารมณ์.
อธิบายว่า
วิญญาณ หากปราศจากความกำหนัดในรูป เวทนา สัญญา สังขาร (วิญญาณฐิติ ๔) ย่อมตั้งอยู่ไม่ได้
ความกำหนัด เปรียบเหมือนน้ำให้พืชเจริญ
รูป เวทนา สัญญา สังขาร (วิญญาณฐิติ ๔) เปรียบเหมือนดินอันให้พืชเจริญ
วิญญาณ เปรียบเหมือนพืชอันได้ทั้งดินและน้ำ ย่อมเจริญเติบโตได้
ตัณหาสิเนโห ... ตัณหาเปรียบเสมือนยางเหนียว (เสน่หา)
เมื่อเหล่าสัตว์ผู้มีอวิชชาเป็นที่กางกั้น มีตัณหาเป็นเครื่องประกอบไว้
ท่องเที่ยวไปมาอยู่ ที่สุดเบื้องต้นย่อมไม่ปรากฏ
นวสูตร
[บางส่วน]
พ. ดูกรอานนท์ เหตุนี้แล กรรมจึงชื่อว่าเป็นไร่นา วิญญาณชื่อว่าเป็น
พืช ตัณหาชื่อว่าเป็นยาง1 วิญญาณประดิษฐานแล้วเพราะธาตุอย่างประณีต ของ
สัตว์พวกที่มีอวิชชาเป็นเครื่องสกัดกั้น มีตัณหาเป็นเครื่องผูกใจ ด้วยประการฉะนี้
จึงมีการเกิดในภพใหม่ต่อไปอีก ดูกรอานนท์ ภพย่อมมีได้ด้วยเหตุดังกล่าว
มาฉะนี้แล ฯ
เนื้อความพระไตรปิฎก เล่มที่ ๒๐ บรรทัดที่ ๕๘๘๕ - ๕๙๐๙. หน้าที่ ๒๕๒ - ๒๕๓.
http://84000.org/tipitaka/pitaka_item/v.php?B=20&A=5885&Z=5909&pagebreak=0
ศึกษาอรรถกถานี้ ได้ที่ :-
http://84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=20&i=516
1กมฺมํ เขตฺตํ วิญฺญาณํ พีชํ ตณฺหา สิเนโห
กรรมเป็นเนื้อนา วิญญาณเป็นพืช ตัณหาเป็นยางเหนียว
http://84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=25&i=364&p=1
อธิบายว่า
วิญญาณธาตุหรือธาตุรู้นั้น เมื่อกายนี้แตกสลาย ก็เป็นไปตามกรรม
เมื่อยังเป็นตัวพืชที่ยังมียางเหนียวคือตัณหาอยู่ จะจุติคือเคลื่อนออกจากกายที่แตกนี้ ไปถือปฏิสนธิในชาติภพใหม่
คือไปเกิดขึ้นในนาใหม่ต่อไป ท่องเที่ยวไปหลายภพหลายชาติในสังสารวัฏ
(ในภพทั้ง ๓ คือ กามภพ (ธาตุอย่างเลว) รูปภพ (ธาตุอย่างกลาง) อรูปภพ (ธาตุอย่างประณีต))
ก็เป็นไปอยู่ดั่งนี้ จนกว่าจะสิ้นอวิชชาตัณหาอุปาทานกรรม ก็เป็นอันว่าวิญญาณธาตุคือธาตุรู้ ก็หมดยางเหนียว
คือหมดอวิชชาตัณหาอุปาทานกรรม เป็นอันว่าไปเพาะอีกก็ไม่ขึ้นแล้ว แปลว่าหมดชาติหมดภพ เพราะว่าเป็นพืชที่ไม่มียางเหนียว
พ. ดูกรภิกษุทั้งหลาย เธอทั้งหลาย พึงเห็นวิญญาณฐิติ ๔ เหมือนปฐวีธาตุ
พึงเห็นความกำหนัดด้วยอำนาจความเพลิน เหมือนอาโปธาตุ.
พึงเห็นวิญญาณพร้อมด้วยอาหารเหมือนพืช ๕ อย่าง.
(พืช ๕ อย่าง คือ พืชงอกจากเหง้า พืชงอกจากลำต้น พืชงอกจากข้อ พืชงอกจากยอด พืชงอกจากเมล็ด)
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
พีชสูตร ว่าด้วยอุปมาวิญญาณด้วยพืช
เนื้อความพระไตรปิฎก เล่มที่ ๑๗ บรรทัดที่ ๑๒๒๐ - ๑๒๔๖. หน้าที่ ๕๔ - ๕๕.
http://84000.org/tipitaka/pitaka_item/v.php?B=17&A=1220&Z=1246&pagebreak=0
ศึกษาอรรถกถานี้ ได้ที่ :-
http://84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=17&i=106
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
อธิบายว่า
วิญญาณ หากปราศจากความกำหนัดในรูป เวทนา สัญญา สังขาร (วิญญาณฐิติ ๔) ย่อมตั้งอยู่ไม่ได้
ความกำหนัด เปรียบเหมือนน้ำให้พืชเจริญ
รูป เวทนา สัญญา สังขาร (วิญญาณฐิติ ๔) เปรียบเหมือนดินอันให้พืชเจริญ
วิญญาณ เปรียบเหมือนพืชอันได้ทั้งดินและน้ำ ย่อมเจริญเติบโตได้