สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 22
เราเดินทางตลอด เงินเก็บมีน้อยมาก ใครก็รู้ คนที่เข้าใจว่าเราเป็นนักเดินทางจะบอกว่า
ใช้ชีวิตคุ้มจริง เที่ยวอีกแล้ว น่าอิจฉาที่สุด เราจะบอกเบาๆ ว่า เราชอบเที่ยว เที่ยวหมดตัว
เงินเก็บไม่มีหรอกค่า แต่ออกเดินทางแล้วหยุดไม่ได้ คนที่พูดจาแบบนี้ไม่อิจฉาหรอก
คนที่อิจฉาจริงๆ จะพูดทำนองแบบที่คุณโดน คือไปอีกแล้ว เงินทองใช่จะมีมาก จะไปทำไม ฯลฯ
ซึ่งเราไม่เห็นจะสนเลย ชีวิตเรา เงินเราหามาเอง ไม่ได้ขอใคร หรือยืมเงินใครไปเที่ยว
หนี้สินเราก็ไม่มี แบบนี้เรียกว่าไม่เกินตัว อย่าได้แคร์
ล่าสุดเราเพิ่งส่งพ่อแม่ไปเที่ยวภูเก็ตเหมือนกัน
ตั๋วไปกลับจากเชียงใหม่ รวมทุกอย่าง (กระเป๋า ที่นั่ง ประกัน ) 9,000 บาทค่ะ
ค่าโรงแรมนอนในเมือง 4,500 บาท
รถเช่า พร้อมคนขับ 2 วัน และรถรับส่งสนามบิน 3,500 บาท
ให้เงินติดกระเป๋าไว้กินขนมอีก คนละ 3,000 บาท x 2 = 6,000 บาท
ซื้อรองเท้า Crocs ให้อีกคนละคู่ ก็ตก 3,000 บาท
รวมทั้งหมด 26,000 บาทค่ะ
ยอดนี้เราไม่ได้บอกใครใกล้ตัวเลย รู้อยู่แก่ใจคนเดียว (ซื้อรองเท้าให้เขาก็บอกว่าคู่ละ 300 ด้วยซ้ำ)
ส่วนตัวเรานอนอยู่บ้านเฝ้าหมาๆ
สิ่งเดียวที่บอกผ่านเฟซบุ๊คคือ
"สปอนเซอร์พ่อแม่ไปภูเก็ต ทำดีขออวดนะพูดเลย พ่อแม่ยังเดินไหวเที่ยวไหว ขอให้ทุกคนทำให้ ทำตามได้เลย อย่ารอให้ท่านไม่ไหวหรือจากไปแล้วมาร้องไห้ว่าชีวิตนี้ไม่เคยทำอะไรให้พ่อแม่เลย เลียนแบบได้ไม่สงวนลิขสิทธิ์จ๊ะ"
ยังไม่โดนใครด่า ใครวิจารณ์นะ วิจารณ์คนทำดีเพื่อพ่อแม่นี่เจตนาคนวิจารณ์คืออะไรล่ะ???
ลับหลังเราไม่รู้หรอกว่ามีไหม แต่ต่อหน้ายังไม่มีใครกล้า
เอาใจช่วยเจ้าของกระทู้นะคะ ถ้าไม่ได้เอาไม้ไปตีกบาลใคร จะทำอะไรทำไปเลย อย่าได้แคร์ค่ะ
ใช้ชีวิตคุ้มจริง เที่ยวอีกแล้ว น่าอิจฉาที่สุด เราจะบอกเบาๆ ว่า เราชอบเที่ยว เที่ยวหมดตัว
เงินเก็บไม่มีหรอกค่า แต่ออกเดินทางแล้วหยุดไม่ได้ คนที่พูดจาแบบนี้ไม่อิจฉาหรอก
คนที่อิจฉาจริงๆ จะพูดทำนองแบบที่คุณโดน คือไปอีกแล้ว เงินทองใช่จะมีมาก จะไปทำไม ฯลฯ
ซึ่งเราไม่เห็นจะสนเลย ชีวิตเรา เงินเราหามาเอง ไม่ได้ขอใคร หรือยืมเงินใครไปเที่ยว
หนี้สินเราก็ไม่มี แบบนี้เรียกว่าไม่เกินตัว อย่าได้แคร์
ล่าสุดเราเพิ่งส่งพ่อแม่ไปเที่ยวภูเก็ตเหมือนกัน
ตั๋วไปกลับจากเชียงใหม่ รวมทุกอย่าง (กระเป๋า ที่นั่ง ประกัน ) 9,000 บาทค่ะ
ค่าโรงแรมนอนในเมือง 4,500 บาท
รถเช่า พร้อมคนขับ 2 วัน และรถรับส่งสนามบิน 3,500 บาท
ให้เงินติดกระเป๋าไว้กินขนมอีก คนละ 3,000 บาท x 2 = 6,000 บาท
ซื้อรองเท้า Crocs ให้อีกคนละคู่ ก็ตก 3,000 บาท
รวมทั้งหมด 26,000 บาทค่ะ
ยอดนี้เราไม่ได้บอกใครใกล้ตัวเลย รู้อยู่แก่ใจคนเดียว (ซื้อรองเท้าให้เขาก็บอกว่าคู่ละ 300 ด้วยซ้ำ)
ส่วนตัวเรานอนอยู่บ้านเฝ้าหมาๆ
สิ่งเดียวที่บอกผ่านเฟซบุ๊คคือ
"สปอนเซอร์พ่อแม่ไปภูเก็ต ทำดีขออวดนะพูดเลย พ่อแม่ยังเดินไหวเที่ยวไหว ขอให้ทุกคนทำให้ ทำตามได้เลย อย่ารอให้ท่านไม่ไหวหรือจากไปแล้วมาร้องไห้ว่าชีวิตนี้ไม่เคยทำอะไรให้พ่อแม่เลย เลียนแบบได้ไม่สงวนลิขสิทธิ์จ๊ะ"
ยังไม่โดนใครด่า ใครวิจารณ์นะ วิจารณ์คนทำดีเพื่อพ่อแม่นี่เจตนาคนวิจารณ์คืออะไรล่ะ???
ลับหลังเราไม่รู้หรอกว่ามีไหม แต่ต่อหน้ายังไม่มีใครกล้า
เอาใจช่วยเจ้าของกระทู้นะคะ ถ้าไม่ได้เอาไม้ไปตีกบาลใคร จะทำอะไรทำไปเลย อย่าได้แคร์ค่ะ
ความคิดเห็นที่ 75
ขอแจมด้วยคนนะ
เพิ่งพาแม่ไปเที่ยวญี่ปุ่นเมื่อเดือนก่อน ตอนแรกชั่งใจว่าจะไปคนเดียว สบายๆ ประหยัดๆ เพราะเงินก็มีไม่มาก
ปกติไปเที่ยวไหนจะชอบ surprise บอกแม่ตอนขึ้นเครื่องเสมอ แต่คราวนี้ตัดสินบอกแม่ว่า จะไปเที่ยวญี่ปุ่นอาทิตย์หน้านะ
นึกว่าจะห้าม ที่ไหนได้แม่บอก "ขอไปได้ด้วยมั้ย ไม่รู้จะตายเมื่อไหร่" เท่านั้นแหล่ะ คิดทบทวนไปมา ก็เลย โอเค เอาแม่ไปด้วยละกัน
เพราะเมื่อต้นปี อยู่ๆ แม่ก็มีโรคหัวใจเพิ่มมาอีกหนึ่ง จากที่มีสะสม เบาหวาน กระดูกเสื่อม ความดัน มานานหลายสิบปี แล้วต้องหามส่งโรงพยาบาลเกือบไม่ทัน สองครั้งสองครา และทำบายพาส
ไม่เสียใจเลยที่หลังจากพาแม่ไปเที่ยว จะต้องกลับมาทำงานหนักขึ้นกว่าเดิม
แต่เสียใจที่ไม่ได้มีโอกาสทำแบบนี้กับ พ่อ ที่เสียไปตั้งแต่เราอยู่ประถม เราไม่ลังเลแล้วล่ะ ว่าใครจะพูดอะไร เราเองก็โดนค่อนขอดไม่น้อยจากพวกวิสัยทัศน์คับแคบ เพราะเรามั่นใจว่า หลายคนร่ำรวยกว่าเรามาก แต่ไม่คิดจะพาบุพการีไปเปิดโลก หรือ พักผ่อน แต่เราก็ไม่เคยไปว่าเค้า เพราะความสุขคนเรามีไม่เหมือนกันไงคะ

ขอเป็น คนอวดแม่ บ้างนะคะ หน้าตาดู Happy แต่จริงๆแล้ว ชีต้องเดินไปจับหัวเข่าไปเพราะกระดูกเข่าเสื่อมค่ะ

เพิ่งพาแม่ไปเที่ยวญี่ปุ่นเมื่อเดือนก่อน ตอนแรกชั่งใจว่าจะไปคนเดียว สบายๆ ประหยัดๆ เพราะเงินก็มีไม่มาก
ปกติไปเที่ยวไหนจะชอบ surprise บอกแม่ตอนขึ้นเครื่องเสมอ แต่คราวนี้ตัดสินบอกแม่ว่า จะไปเที่ยวญี่ปุ่นอาทิตย์หน้านะ
นึกว่าจะห้าม ที่ไหนได้แม่บอก "ขอไปได้ด้วยมั้ย ไม่รู้จะตายเมื่อไหร่" เท่านั้นแหล่ะ คิดทบทวนไปมา ก็เลย โอเค เอาแม่ไปด้วยละกัน
เพราะเมื่อต้นปี อยู่ๆ แม่ก็มีโรคหัวใจเพิ่มมาอีกหนึ่ง จากที่มีสะสม เบาหวาน กระดูกเสื่อม ความดัน มานานหลายสิบปี แล้วต้องหามส่งโรงพยาบาลเกือบไม่ทัน สองครั้งสองครา และทำบายพาส
ไม่เสียใจเลยที่หลังจากพาแม่ไปเที่ยว จะต้องกลับมาทำงานหนักขึ้นกว่าเดิม



ขอเป็น คนอวดแม่ บ้างนะคะ หน้าตาดู Happy แต่จริงๆแล้ว ชีต้องเดินไปจับหัวเข่าไปเพราะกระดูกเข่าเสื่อมค่ะ
ความคิดเห็นที่ 3
แล้วทำไมคุณต้องไปป่าวประกาศให้ชาวบ้านเขารู้ด้วยล่ะ แล้วในเมื่อคุณใช้เงินของคุณและคุณมั่นใจว่าทำในสิ่งที่ถูก เสียเงินซื้อความสุขให้
ครอบครัว จะไปหวั่นไหวอะไรกับเสียงนกกาหมูหมา ผมเองถึงแม้จะไม่ได้ยากจน ค่อนข้างพอจะมีกิน ผมจะซือ้แหวนเพชรใส่ผมก็ไม่เคย
ไปบอกใคร พอมีคนเห็นผมก็บอกว่าของปลอม ปรกติผมนั่งแต่ec มาตอนนี้อายุเริ่มเยอะขึ้น บางทีบ้าๆก็อาจจะซื้อbcบ้างก้ได้นะ
ชีวิจคนเรารู้วันเกิดไม่รูวันตาย อยากทำอะไรก็ทำเถอะ แต่อย่าถึงขนาดไปกู้หนียืมสินเขามาเที่ยว แบบนั้นมันก็ไม่ไหว สรุป เชื่อมั่นในตัว
เอง ไม่ต้องไปฟังใคร
ครอบครัว จะไปหวั่นไหวอะไรกับเสียงนกกาหมูหมา ผมเองถึงแม้จะไม่ได้ยากจน ค่อนข้างพอจะมีกิน ผมจะซือ้แหวนเพชรใส่ผมก็ไม่เคย
ไปบอกใคร พอมีคนเห็นผมก็บอกว่าของปลอม ปรกติผมนั่งแต่ec มาตอนนี้อายุเริ่มเยอะขึ้น บางทีบ้าๆก็อาจจะซื้อbcบ้างก้ได้นะ
ชีวิจคนเรารู้วันเกิดไม่รูวันตาย อยากทำอะไรก็ทำเถอะ แต่อย่าถึงขนาดไปกู้หนียืมสินเขามาเที่ยว แบบนั้นมันก็ไม่ไหว สรุป เชื่อมั่นในตัว
เอง ไม่ต้องไปฟังใคร
แสดงความคิดเห็น
เคยเป็นไหม "เมื่อคนจนอยากสัมผัสประสบการณ์เป็นคนพิเศษ(คนรวย) แต่โดนว่าทำตัวโอเวอร์"
ไม่ใช่ว่ามันเป็นเพลงที่ประกอบซีรี่ส์ดังยอดฮิต แต่ผมรู้สึกว่ามันช่างเข้ากับชีวิตเหลือเกิน...
"บนเส้นทางที่ต่าง มีใครสักคนไหมที่มองเห็นทุกอย่างเข้าใจที่ฉันเป็น"
ที่ผมอยากจะถามก็ไม่มีไรมาก แค่อยากจะรู้ว่ามีเพื่อนคนไหนมั่งที่โดนแบบเดียวกัน ...
ผมนะมันชินแล้วแหละ แต่ถ้ามีใครเป็นเหมือนผม โดนเหมือนกันกับผม... ผมก็ขอบอกไว้ตรงนี้เลยว่า...
"ผมจะขอเป็นกำลังใจให้ ในสิ่งดีๆที่คุณทำ ไม่ว่าใครจะพูดยังไง ตราบใดที่เรารู้ว่าเราเป็นใคร และกำลังทำอะไร"
"เมื่อคนจนอยากสัมผัสประสบการณ์สุดพิเศษ(คนรวย) แล้วโดนคนนินทาว่า ทำตัวโอเวอร์
เรื่องคือว่า ผมพาครอบครัวนั่งเครื่องบินไปเที่ยวภูเก็ต3วัน 4คืน นอนโรงแรม เช่าฟอร์จูนเนอร์ขับเที่ยวทั่วภูเก็ต ไปดูภูเก็ตแฟนตาซี....
ถ้าเป็นครอบครัวคนอื่นที่ไม่ใช่ผมมันก็คงจะเป็นเรื่องธรรมดามากๆ มันมีไรพิเศษเหรอ กะอีแค่การไปเที่ยวภูเก็ต การนอนโรงแรม..
ขับรถฟอร์จูนเนอร์ ดูภูเก็ตแฟนตาซี ใครเขาก็ทำกันทั้งนั้นแหละเยอะแยะ ไม่เห็นจะแปลกตรงไหน ถ้ามันไม่ใช่ผม จะมาเล่าเพื่อ....
แต่ที่ผมจะเล่ามันแปลกไงเพราะมันเกิดขึ้นกับผมไง ไม่ใช่คนทั่วไปที่มีเงินและมีฐานะพอจะไปเที่ยวได้ง่ายๆ...
ครอบครัวผมเป็นครอบครัวทางภาคอีสานที่ค่อนข้างมีฐานะ(ยกจน) พ่อเป็นกรรมกรไปค้าแรงงานต่างประเทศตั้งแต่ผมเกิดจนโต ไปซาอุตั้งแต่สมัยยังไม่มีปัญหาคดีขโมยเพชร. ไต้หวัน เกาหลีตั้งแต่พวกบอยแบนยังหัดเต้นอยู่เลย... ล่าสุดก็ลิเบียเพิ่งจะกลับมาตอนกัดดาฟีโดนโค่นล้มเนี่ยแหละ...แต่ไม่ยักจะรวยแฮะไปตั้งหลายประเทศ...
แล้วไงเหรอ ก็ผมต้องเรียนไปด้วยทำงานไปด้วย จนจบมหาวิทยาลัย...เรียนจบปุ๊บ บวชทดแทนบุญคุณพ่อแม่ตั้ง 2ปี...
ตลอดเวลาที่เรียนอาศัยเพื่อนๆทั้งค่ากินและค่าหอพักเยอะแยะ พอทำงานก็ทำไรไม่เป็นชิ้นเป็นอัน อย่าพูดเรื่องเงินเก็บเลย...
จนเมื่อปีที่ผ่านมา หลังจากย่าคนที่เลี้ยงผมมา สอนการใช้ชีวิตให้ผมได้เสียชีวิตเพราะโรคชรา ผมแทบเสียการควบคุมตัวเองเลย สติแทบไม่อยู่กับเนื้อกับตัว เกิดคำถามขึ้นมาในหัวอยู่ตลอดเวลา....
ย่าเราแข็งแรงไม่มีโรคภัย...พอจะเสียไม่สบายแค่อาทิตย์เดียวแกก็จากไปเลย???????
แล้วเราละทำอะไรให้คนที่เรารักภาคภูมิใจหรือยัง???????
เคยคุยกับย่าว่าให้ทำตัวให้แข็งแรงนะ รอวันที่หลานคนนี้ประสบความสำเร็จ ยังไงย่าก็แข็งแรงอดทนไม่เกิน5ปี สำเร็จแน่นอน...
เวลาผ่านไป3ปีไม่มีไรเกิดขึ้น...อีกทั้งกลับบ้านไปเยี่ยมแค่ปีละไม่ถึง3ครั้ง ปีใหม่ สงกรานต์ ไม่เคยกลับ เพราะข้ออ้างขี้เกียจขึ้นรถคนเยอะๆ
สุดท้ายเรื่องที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น ไม่มีย่าคนที่คอยให้กำลังใจคนนั้นอีกแล้ว...คนที่ยืนเคียงข้างตลอดเวลา...
แล้วกูทำไรอยุ่วะเนี่ย ไม่เคยทำไรให้คนที่เรารัก และรักเราอย่างสุดหัวใจได้ภาคภูมิใจเลยสักครั้ง...
จากนั้นผมจึงไม่แคร์และไม่รออะไรแล้ว ไม่ต้องไปสนใจว่าจะต้องรอให้รวยก่อนถึงจะพาพ่อแม่และครอบครัวไปเที่ยวทะสักครั้ง...
เมื่อต้นเดือนตุลาคมที่ผ่านมาผมจึงพาครอบครัวไปเที่ยวที่ภูเก็ต...
จุดประสงหลักๆที่ผมพาพ่อแม่ไปเที่ยวภูเก็ตคือผมอยากให้พ่อแม่ได้สัมผัสประสบการณ์ที่เป็นพิเศษ เพราะผมไม่รู้ว่าชีวิตพรุ่งนี้ไม่รู้เราจะอยู่ด้วยกันได้นานแค่ไหน...
ครอบสุขที่ได้รับโครตๆมีความสุขเลยแต่สิ่งที่ตามมาไม่ใช่แค่เรื่องดีที่ได้รับ แต่มันมักมีสองด้านเสมอ...
เพื่อนหลายๆคนที่เห็นเราทำตัวพาครอบครัวไปเที่ยวภูเก็ต ไม่เว้นแม้กระทั่งคนรู้จักรวมถึงผู้บังคับบัญชายังมองเลยว่า...
เราเริ่มเปลี่ยนเป็นคนละคนแล้ว ทำตัวฟุ่มเฟือย มีเงินหน่อยเริ่มเหลิงหลงระเริง ทำตัวโอเวอร์ หลายคนถึงกับคิดว่าเรามีเงินเยอะ
โทรมายืมเงินมั่งแหละ พูดกระแนะกระแหนว่า เรารวยแล้ว เป็นเสี่ยแล้ว...
แต่มีหลายอย่างที่คนเหล่านั้นไม่รู้ ทริปภูเก็ตไปทั้งหมด 4คน 3คืน 4วัน นั่งเครื่องบินขาไป นั่งรถทัวร์ขากลับ เช่ารถฟอร์จูนเนอร์ขับทั่วเกาะ นอนโรงแรม ดูภูเก็ตแฟนตาซี แต่ผมใช้เงินไม่ถึง25,000 บาทด้วยซ้ำ แต่ที่สำคัญเงินเดือนผมแค่ ไม่ถึง15,000บาทด้วยซ้ำ ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าผมเก็บออมเงินยังไง ทุกอย่างมันมีวิธีที่คุ้มค่าคุ้มราคาเสมอขึ้นอยู่กับว่าเรา มองเห็นรึเปล่า...
ยอมรับว่าทุกครั้งที่โดนพูดกระทบกระทั่งเจ็บในใจยิ่งกว่าโดนทางร่างกายอีก แต่เรารู้ว่าเราเป็นใคร เรามองเราเป็นยังไงต่างหากที่สำคัญ...
ที่เล่ามาทั้งหมดแค่อยากให้ใครบางคนที่ได้อ่านได้ประโยชน์ กับบทเรียนที่เกิดกับผม...
แล้วถ้าเพื่อนคนไหนอยากสัมผัสประสบการณ์เป็นคนพิเศษ(คนรวยในความคิด) ผมก็พร้อมจะบอกวิธี เที่ยวเท่ห์ๆในราคาถูกๆ...
เป็นกำลังใจให้เพื่อนๆทุกคนที่โดนกระแหน่กระแหนจากการทำตัวแตกต่างอย่างถูกต้อง...