[CR] Netcafe Toon ตอนพิเศษ เที่ยวเกาหลีครั้งแรกกับ TOT + มีรูปมีคลิปประกอบ (วันที่ 2)

เนื่องจากว่าเนื้อหามันยาวไปเยอะ และผมก็ไม่ได้ว่างอัพต่อเนื่องเลยขอแยกออกมาเป็นอีกกระทู้ไปนะครับ สำหรับคนไหนที่เพิ่งมาเห็น สามารถไปอ่านตอนแรกได้ที่ลิ้งนี้เลยครับผม > http://pantip.com/topic/31161174



อันนี้จะเป็นวันที่สองของการเดินทางนะครับ ตื่นมายามเช้าที่เกาหลี บรรยากาศตัวเมืองที่เป็นช่วงเวลาที่มีคนไปทำงานกัน แต่เท่าที่มองๆ นี่เหมือนรถไม่ติดเท่าไหร่เลยนะครับ ระบบคมนาคมของเขานี่ดีมากๆ เลยผมยอมรับ เพราะตลอดการเดินทางทั้ง 5 วันนี่ แปบๆ ก็เจออุโมงค์ ไฟแดงแปบๆ ก็ไฟเขียวแล้ว แต่ก็นะ อันนี้มันต่างจังหวัด สภาพในเมืองโซลเขาก็ว่ารถติดกันสุดๆ เหมือนกัน



สำหรับมื้อเช้านั้นเราได้รับประทานอาหารที่โรมแรม โดยเป็นบุฟเพ่ต์อาหารเช้าตามสไตล์โรมแรมทั่วไป แต่ที่แปลกตาไปหน่อยก็คือ จะมีอาหารเกาหลีมาอยู่ด้วย และไส้กรอกกับแฮมนี่รสชาติอร่อยมาก ไม่เหมือนตอนกินที่บ้านเราเลยซักนิด ซึ่งยอมรับเลยว่าพวกเนื้อของบ้านเขานี่ทำออกมาได้ดีมาก



จากนั้นโปรแกรมของวันนี้ที่คณะเดินทางหลายคนรอคอย นั่นก็คือ การเดินทางไปสวนสนุก เอเวอร์แลนด์ ซึ่งเป็นสวนสนุกที่ดีที่สุดในเกาหลี และได้รับสมญานามว่าเป็นดิสนีย์แลนด์เกาหลีเลยทีเดียว โดยในธีมของสวนสนุกช่วงเวลาที่เราไปนั้นจะเป็นธีมของฮัลโลวีนครับ



คณะทัวร์ของเราได้รับบัตรพิเศษที่สามารถเล่นได้ทุกเครื่องเล่น บรรยากาศของสวนสนุกนั้นเต็มไปด้วยวัยรุ่นชาวเกาหลีที่มาท่องเที่ยวกัน โดยไกด์ได้บอกว่าวันนี้คนไม่เยอะเพราะเป็นวันทำงานและเด็กเปิดเทอมกัน (ขนาดไม่เยอะนะเนี่ย) พื้นที่ของสวนสนุกนั้นจะตั้งบนเขา เครื่องเล่นบางส่วนจะอยู่ข้างล่างของเขา แต่ก็มีกระเช้าบริการฟรีด้วย และไกด์ได้พาไปเล่นเครื่องเล่นที่ขึ้นชื่อของที่นี่เลย นั่นก็คือ รถไฟเหาะ T-Express นั่นเอง

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
มันเป็นรถไฟเหาะที่มีความเร็วถึง 104 กิโลเมตร และเป็นรถไฟรางที่ทำจากไม้แห่งแรกในเอเชีย แถมมีลูกเล่นโดยการไหลลงมาจากรางในความชัน 77 องศา เรียกได้ว่าเหวี่ยงกันทีเหมือนตัวจะหลุดกระเด็นออกมาจากที่นั่งเลย (หวาดเสียวมาก แต่กลับมีเด็กๆ เกาหลีเล่นกันเต็มเลย ไม่กลัวกันเลยนะพวกนี้) อยากรู้ใช่ไหมว่ามันเป็นยังไง ? ดูในคลิปได้เลย



หลังจากเดินมือไม้ขาสั่นลงมากันแล้ว ทีนี้ก็เป็นเวลา Free Time กันแล้ว ให้แยกย้ายไปเล่นกันได้อย่างอิสระเลย ผมก็เดินๆ ตามเขาไป ซึ่งก็ได้มีการเล่นเครื่องเล่น 2 จุด นั่นก็คือ Rock Spin หรือ เฮอร์ลิเคนบ้านเรานี่เอง ส่วนตัวคนเขียนยังไม่เคยขึ้นของไทยเลยนะ แต่รู้สึกว่าของเกาหลีจะหมุนเยอะกว่าเสียอีก (และต่างจากไทยตรงไม่มีนํ้าพุเปิด ฮะๆ)



ต่อมา กลุ่มคณะทัวร์ที่ติดตามไปด้วยนั้นก็ได้อยากไปลองเล่นไวกิ้ง ซึ่งต้องเดินทางไปไกลพอสมควรเพราะอยู่ในเชิงเขาอีกลูกหนึ่ง (แต่ไม่ไกลมากนัก) แต่เท่าที่ลองดู ไวกิ้งของบ้านเขาก็ไม่ได้ต่างจากบ้านเราเท่าไหร่นัก มีที่ต่างก็คือเราสามารถเอากระเป๋าขึ้นไปด้วยได้ แต่ต้องวางไว้ที่เท้าแล้วหนีบเอาไว้ตลอดนั่นเอง







หลังจากลงมาแล้วท้องไส้ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ก็เดินๆ ตามเขาไปแล้วก็แยกย้ายกันเพราะทางผมเห็นว่ามันเลยเที่ยงแล้ว เลยเดินไปร้านอาหารดีกว่า แต่ไม่รู้เดินไปเดินมา ทะลุหลงไปสวน 4 ฤดูของที่นี่ได้ยังไงก้ไม่รู้ แต่ก็ได้ภาพบรรยากาศสวยๆ ของสวนสนุกแห่งนี้กลับเอามาฝากกันครับ



















ระหว่างทางผมเจอกลุ่มเด็กๆ อนุบาลมาเดินทัศนศึกษาด้วยกัน (น่าอิจฉาจุงเบย) ซึ่งเห็นว่ามันแปลกตาสำหรับผมดี เลยถ่ายมาซักแซะ แต่ก็ไม่นึกว่าน้องหนูที่ผมถ่ายรูปให้นั้นจะหันกลับมาแล้วก็ก้มโค้ง พร้อมกับบอกว่า "อัลยองฮันเซโย" เท่านั้นแหละ ต่อมรับเด็กนี่ทำงานทันที โห้ยยยยย อยากจับอุ้มกลับบ้านจังเลย ให้ตายเหอะ



น้องคนไหนที่ทักทายผม ลองดูในรูปนะครับ





ส่วนเครื่องมือแปลกๆ นั้นมันจะเป็นเครื่องแบบในรูปข้างบนแทนเลยครับ โดยพอเวลาถึงคิวเราแล้วมันก็จะสั่นพร้อมกับมีไฟแดงกระพริบมาด้วย (อารมณ์ประมาณมือถือโทรเข้า) ก็แปลกตาและสะดวกดี แต่จริงๆ ต้องบอกว่า ตอนสั่งอาหารนี่งงกับพนักงานเหมือนกัน ซึ่งก็พอรู้อยู่แล้วหละว่าคนเกาหลีไม่พูดภาษาอังกฤษ แต่กลับไม่นึกว่าแม้แต่ศัพท์ง่ายๆ จะยังไม่รู้เรื่อง! ขนาดกระผมชี้แล้วนะว่าจะเอาอันนี้ กลับมองมาแบบงงๆ ซะงั้น แต่ในที่สุดก็สั่งได้อะนะ





และดูจากเวลาแล้วเห็นได้เลยว่าคงเล่นได้อีกอย่างเดียว และไหนๆ ก็มาแล้ว เลยว่าจะไปดูไลเกอร์ซะหน่อย ซึ่งเป็นสัตว์ผสมเทียมและไม่ได้เกิดขึ้นตามธรรมชาติ นั่นก็คือ เกิดจากพ่อสิงโตและแม่เสือ ออกลูกมาเป็นไลเกอร์นั่นเอง ซึ่งตอนนี้ในโลกมีอยู่ที่เกาหลีอยู่ตัวเดียวแล้ว (ตอนแรกมี 2 ตัว แต่ตายไปตัว ตอนนี้เลยเหลือตัวนึง)



แต่เจ้าพระคุณรุนช่อง เดินหลุดเข้ามาที แถวมันจะยาวไปถึงไหนกัน (ฟะ) นี่ แถมระหว่างทางดันมีร้านไอศครีมขายระหว่างทางด้วยนะ แหม๋ ยังกับรู้เลยว่ายังไงต้องมีคนมาต่อแถวกันเยอะแน่ๆ แต่จะให้ถอยหลังกลับไปก็ยากละเพราะคนมันมาเยอะขึ้นเรื่อยๆ เลยต้องต่อแถวต่อไป



ไปจนถึงใกล้ทางขึ้นรถบัสแล้ว ก็เจอจุดถ่ายรูปที่จะให้นักท่องเที่ยวมาถ่ายรูปกันคนละใบ แน่นอนว่าตัวผมเองก็ให้ถ่ายรูปเช่นกัน พร้อมกับรับตั๋วมา เหมือนกันว่าให้ไปเอารูปได้หลังเที่ยวจบ (แต่สุดท้ายคือ เสียตังค์) แล้วก็รอไม่นานเท่าไหร่ก็มีรถบัสมาจอดรถให้เราขึ้นรถไปเที่ยวกันซะที หลังจากต่อแถวยาวมาเป็นครึ่งชั่วโมงกว่า





ข้างในนั้นเป็นรถบัสติดแอร์เหมือนรถเมล์เลยครับ พร้อมกับกระจกใสทั้งซ้ายและขวา โดยคนขับรถจะทำหน้าที่ขับรถและเป็นไกด์ให้เราด้วย ซึ่งพูดอะไรก็ไม่รู้ฟังไม่ออกอะนะ แล้วก็หยุดรถเพื่อให้เราได้ดูและถ่ายรูปเหล่าสัตว์ต่างๆ รวมไปถึงไลเกอร์ด้วย ซึ่งทางไกด์เขาบอกว่าถ้าวันไหนฝนตกหรืออากาศไม่ดีเขาจะไม่เอาออกมาโชว์ เพราะว่ากลัวมันไม่สบายนั่นเอง



และไฮไลท์อีกฝ่ายสำหรับซาฟารีของสวนสนุกแห่งนี้ก็คือ ไกด์หรือคนขับรถจะทักทายหมี ให้อาหารมันแล้วก็ให้มันทำท่าไหว้ทักทายผู้ชมด้วย (จริงๆ ก็ยกมือทักทายอะนะ) แปลกตามากๆ ครับเพราะยังไม่เคยเห็นหมีทำท่าขออะไรแบบนี้มาก่อนเลย



และอันล่างนี้จะเป็นเหตุการณ์ตอนต่อคิวและเล่นเสร็จแล้วครับ



ตรงกระเช้าคนต่อแถวเยอะมากครับ ผมเลยตัดสินใจวิ่งขึ้นเนินเขาไป เจ้าพระคุณรุนช่องเอ็ยยยยย เข้าใจเลยว่าทำไมคนเกาหลีหุ่นถึงผอมเพรียวกัน เพราะว่าเดินขึ้นลงเขากันบ่อยนี่เอง แถมตัวผมนั้นแบกทั้งกระเป๋าของและกระเป๋ากล้อง วิ่งขึ้นไปที่แทบจะเดินทั้งคลานเลยหละครับ



เนินที่ผมวิ่งไป

ทว่า หลังจากวิ่งมาพร้อมกับสายนํ้า (เหงื่อ) ท่วมตัว ในที่สุดก็มาถึงจุดนัดพบได้ทันเวลาพอดี แต่ก็รออีกหน่อยกว่าจะได้กลับเพราะว่ายังขาดอีก 4 คนนั่นเอง พอคณะทัวร์เดินทางครบแล้วก็เดินทางออกจากสวนสนุก ขึ้นรถบัสของสวนสนุกเพื่อไปยังที่จอดรถ



ระหว่างรอคนอื่นๆเข้าห้องนํ้า เลยไปลองหยอดซื้อนํ้าอะไรก็ไม่รู้ในตู้หยอด ราคา 800 วอน ปรากฎว่ามันคือ นํ้าแอปเปิ้ลเขียวโซดานั่นเอง อร่อยดี เพราะในไทยไม่มีขายมั้ง



นั่งรถต่อเพื่อเดินทางไปยังอีกจังหวัดคังวอน เพื่อไปเที่ยวฟาร์มแกะที่ Daegwallyeong Sheep Ranch (น่าจะที่นี่นะ) โดยบรรยากาศตอนนี้ หมอกลงยังกับบรรยากาศตอนเช้าเลย แถมอุณหภูมิประมาณ 18 – 19 องศา มีลมพัดมาวิ้วๆๆ อารมณ์ประมาณอยู่บนดอยเลย (ชอบมว๊าก) เป็นทิวทัศน์ที่ถูกใจสำหรับคนที่มาจากเมืองร้อนอย่างผมจริงๆ



แกะที่นี่จะไมได้ขนขาวปุกปุยน่ากอดเหมือนบ้านเรานะครับ เพราะว่าเขาเลี้ยงเอาแบบกับดินเพื่อเลี้ยงจริงๆ จังๆ เลย จะได้ตัดขนเอามาทำเสื้อ ผิดกับบ้านเราที่เลี้ยงเอาสวยงาม โดยเราจะได้ให้อาหารแกะกัน ทางฟาร์มเขาให้อาหารแกะให้เราเอาใส่กระบวยเรียบร้อย แต่จะบอกว่าพวกนี้จะกินแบบตะกละมาก ถ้ามีตัวนึงได้เสียบกินละก็ เอาออกมายากเลยทีนี้



ต่อมาก็ได้ไปลองทำซีสกัน โดยไกด์ได้เตือนว่ากรุณาทำตามขั้นตอนซะดีๆ ไม่งั้นอาจุงม่าผู้ที่จะมาสอนเราจะถึงกับเดินมาตีมือเราเลย โดยอุปกรณ์ที่เราจะเอามาทำซีสกันนั้นจะมีนมสดๆ + เจลาติน แล้วก็จะมีเมล็ดทานตะวันและดอกไม้ที่สามารถกินได้



วิธีการทำก็เอาทัพพี (มั้ง) คนในหม้อนมสดแบบไป – กลับช้าๆ เรื่อยๆ พอเริ่มร้อนก็ใส่เจลาตินลงไป ตั้งไปจนเรื่อยๆ จนกว่ามันจะเดือด แล้วก็หรี่ไฟให้เบาลง จากนั้นอาจุงม่าจะเอาผลรสเลมอนหรือสเตอร์เบอร์รี่มาให้เราเลือกว่าจะเอาซีสรสอะไร (เราเลือกเลมอน) จากนั้นก็ตักเอามาใส่ในผ้าขาวบาง (มั้ง) แบบนี้





เอาเมล็ดทานตะวันและดอกไม้ใส่ลงไปเพื่อความสวยงาม จากนั้นก็เอาหิน (แต่ดูแล้วน่าจะเป็นก้อนอิฐ) เอามากดซีสเพื่อให้มันแน่นๆ



จนมีหน้าตาออกมา… เหมือนเต้าหู้! และวิธีการกินก็คือ เอาคอนฟั๊บ (ข้าวโพดกรอบ) หั่นซีสใส่แบบในรูป จิ้มกับแยมสเตอร์เบอร์รี่หรือใส่เกลือแล้วแต่ความชอบ เอาคอนพับโปะอีกชั้นนึงเหมือนแซนวิส แล้วก็กิน รสชาตินะเหรอ…. มันคือซีส.. ไร้กลิ่น มีรสนมสด อารมณ์ประมาณกินซีสแบบในพิซซ่าขอบซีส เพียงแต่เป็นรสนมสดแทน

ชื่อสินค้า:   เที่ยวเกาหลี สวนสนุกเอเวอร์แลนด์ + ทำซีสที่ฟาร์มแกะ
คะแนน:     
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่