คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 34
มีหลายคนถามเรื่อง file ภาษาอังกฤษที่ผมเคยโหลดมา ก็เลย upload ไว้ให้ ขนาด 776 MB ครับ เป็น zip ไฟล์
https://drive.google.com/file/d/0B5eiyNBn1djPelFrcGdFMDMzTjg/view?usp=sharing
https://drive.google.com/file/d/0B5eiyNBn1djPelFrcGdFMDMzTjg/view?usp=sharing
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 9
ส่วนการฝึกพูด จริงๆ แล้วเป็นส่วนที่ผมฝึกน้อยที่สุด ส่วนนึงเพราะขี้เกียจและขี้อาย วิธีฝึกคือ ไปหาห้องเงียบๆ กับที่อัดเสียง สุ่มข้อสอบ IELTS speaking มาอันนึง จำลองตัวเองเป็นคนถามและตอบ อัดเสียงไว้ เอามาเปิดซ้ำฟังข้อผิดพลาดของเรา ปัญหากับการฝึกแบบนี้สำหรับผมคือ พอฟังเสียงตัวเองแล้วรู้สึกว่าพูดห่วยมาก พาลหมดกำลังใจฝึกไปอีก 5 5 5
จริงๆ แล้วการพูด ส่วนสำคัญคือเรื่องของ Pronunciation คือการออกเสียงคำต่างๆ ให้ถูกต้อง เช่นเสียง S เสียง ED ต้องชัด ไม่จำเป็นต้องให้ Accent ดีเหมือนเจ้าของภาษา แต่เราต้องออกเสียงคำต่างๆ เน้นหนักเบาให้ถูก นอกจากนั้นในการพูด เราต้องใช้ tense ให้ถูกด้วย เช่นเล่าเรื่องในอดีต ก็ต้องใช้ประโยคเป็น Past tense สำหรับคนที่โอกาสฝึกฝนน้อย ผมว่าทักษะพูดนี่ฝึกยาก เพราะเราต้องฟังเวลาเค้าถาม คิดคำพูดในสมอง ก่อนที่จะพูดออกไป ซึ่งต้องใช้ทักษะหลายด้านประกอบกัน ส่วนนี้ผมฝึกน้อยที่สุด เมื่อเทียบกับทักษะอื่นๆ กะว่าไปตายเอาดาบหน้า เพราะบางทีก็พูดดี ถ้าเป็นเรื่องที่เราสนใจหรือชอบ แต่บางเรื่องก็พูดห่วย ดังนั้นเรื่องฝึกพูดนี่อาจจะต้องรอคนอื่นมาแชร์ประกบการณ์
ผมใช้เวลาในการฝึกฝนทักษะภาษาอังกฤษประมาณ 1 ปีเศษๆ จากระดับใช้การไม่ได้ มาจนถึงระดับสอบผ่านไปเรียนต่อต่างประเทศได้ ในเวลา 1 ปีนั้นผมไม่ได้ฝึกทุกวัน แต่ฝึกหนักเป็นช่วงๆ เพียงแต่แต่ละช่วงกินเวลา 2-3 เดือน โดยเฉพาะช่วงก่อนสอบครั้งสุดท้ายผมลงทุนหยุดงานฝึกทุกวันวันละหลายๆ ชั่วโมงเพื่อเตรียมสอบเท่านั้น ภาษาเป็นเรื่องของทักษะและการฝึกฝนไม่มีวิธีลัดในการพัฒนา ทุกอย่างมาจากการฝึกฝนและการใช้งาน รวมถึงต้องมีคนคอยแก้ไขถ้าเราใช้ผิดให้ด้วย เราจึงจะพัฒนาได้
ดังนั้นจึงไม่มีโรงเรียนหรือสถาบันใดๆ ที่จะช่วยพัฒนาตัวเราได้โดยแค่การเข้าไปนั่งเรียน ทำการบ้านตามที่ครูสั่ง แต่ไม่ฝึกฝนทบทวนเองเพิ่มเติมมากๆ นอกเวลาเรียนได้ และไม่มีทางที่จะพัฒนาจากระดับแย่มากๆ จนถึงระดับ IELTS 7.0 ได้ในเวลา 2 เดือนครับ เพราะต้องใช้เวลามากกว่านั้น แต่ด้วยการฝึกฝนจริงๆ จัง ผมเชื่อว่าในเวลา 1 ปี เราสามารถพัฒนาทักษะภาษาจากระดับไม่เอาไหน จนกลายเป็นพอใช้งานได้ สอบผ่านตามเกณฑ์ขั้นต่ำของมหาวิทยาลัยต่างประเทศได้ครับ
ผมได้พบคนไทยที่มาเรียนต่อต่างประเทศหลายคนมากที่ระดับภาษาอังกฤษดีมากถึงขั้นยอดเยี่ยม ทุกคนที่พบไม่มีใครเคยมาเรียนภาษาที่ต่างประเทศก่อนเลย ไม่มีประเภทเคยมาเรียน summer ที่อังกฤษ แต่ทุกคนเก่งมาจากไทยแล้วและเก่งภาษาอังกฤษมาตั้งแต่สมัยมัธยม ส่วนคนที่เคยมาเรียนภาษาระยะสั้น 3- 6 เดือนที่ต่างประเทศทุกคนที่รู้จัก ทักษะภาษาอังกฤษธรรมดาครับ ดังนั้นขอบอกว่าตามความเห็นส่วนตัว การมาเรียนภาษาที่ต่างประเทศไม่ใช่ปัจจัยที่จะทำให้การเรียนภาษาประสบความสำเร็จครับ ไม่ใช่เรื่องจำเป็น แต่ถ้าทุนถึงจะทำผมก็ไม่ห้าม รวมทั้งผมรู้จักพี่คนไทยที่แต่งงานกับฝรั่ง อยู่กับสามีมา 10 กว่าปี แต่จดบัดนี้ยังต้องใช้ภาษาใบ้ปนภาษาอังกฤษงูๆ ปลาๆ คุยกับสามีอยู่เลยก็มีครับ
จริงๆ แล้วการพูด ส่วนสำคัญคือเรื่องของ Pronunciation คือการออกเสียงคำต่างๆ ให้ถูกต้อง เช่นเสียง S เสียง ED ต้องชัด ไม่จำเป็นต้องให้ Accent ดีเหมือนเจ้าของภาษา แต่เราต้องออกเสียงคำต่างๆ เน้นหนักเบาให้ถูก นอกจากนั้นในการพูด เราต้องใช้ tense ให้ถูกด้วย เช่นเล่าเรื่องในอดีต ก็ต้องใช้ประโยคเป็น Past tense สำหรับคนที่โอกาสฝึกฝนน้อย ผมว่าทักษะพูดนี่ฝึกยาก เพราะเราต้องฟังเวลาเค้าถาม คิดคำพูดในสมอง ก่อนที่จะพูดออกไป ซึ่งต้องใช้ทักษะหลายด้านประกอบกัน ส่วนนี้ผมฝึกน้อยที่สุด เมื่อเทียบกับทักษะอื่นๆ กะว่าไปตายเอาดาบหน้า เพราะบางทีก็พูดดี ถ้าเป็นเรื่องที่เราสนใจหรือชอบ แต่บางเรื่องก็พูดห่วย ดังนั้นเรื่องฝึกพูดนี่อาจจะต้องรอคนอื่นมาแชร์ประกบการณ์
ผมใช้เวลาในการฝึกฝนทักษะภาษาอังกฤษประมาณ 1 ปีเศษๆ จากระดับใช้การไม่ได้ มาจนถึงระดับสอบผ่านไปเรียนต่อต่างประเทศได้ ในเวลา 1 ปีนั้นผมไม่ได้ฝึกทุกวัน แต่ฝึกหนักเป็นช่วงๆ เพียงแต่แต่ละช่วงกินเวลา 2-3 เดือน โดยเฉพาะช่วงก่อนสอบครั้งสุดท้ายผมลงทุนหยุดงานฝึกทุกวันวันละหลายๆ ชั่วโมงเพื่อเตรียมสอบเท่านั้น ภาษาเป็นเรื่องของทักษะและการฝึกฝนไม่มีวิธีลัดในการพัฒนา ทุกอย่างมาจากการฝึกฝนและการใช้งาน รวมถึงต้องมีคนคอยแก้ไขถ้าเราใช้ผิดให้ด้วย เราจึงจะพัฒนาได้
ดังนั้นจึงไม่มีโรงเรียนหรือสถาบันใดๆ ที่จะช่วยพัฒนาตัวเราได้โดยแค่การเข้าไปนั่งเรียน ทำการบ้านตามที่ครูสั่ง แต่ไม่ฝึกฝนทบทวนเองเพิ่มเติมมากๆ นอกเวลาเรียนได้ และไม่มีทางที่จะพัฒนาจากระดับแย่มากๆ จนถึงระดับ IELTS 7.0 ได้ในเวลา 2 เดือนครับ เพราะต้องใช้เวลามากกว่านั้น แต่ด้วยการฝึกฝนจริงๆ จัง ผมเชื่อว่าในเวลา 1 ปี เราสามารถพัฒนาทักษะภาษาจากระดับไม่เอาไหน จนกลายเป็นพอใช้งานได้ สอบผ่านตามเกณฑ์ขั้นต่ำของมหาวิทยาลัยต่างประเทศได้ครับ
ผมได้พบคนไทยที่มาเรียนต่อต่างประเทศหลายคนมากที่ระดับภาษาอังกฤษดีมากถึงขั้นยอดเยี่ยม ทุกคนที่พบไม่มีใครเคยมาเรียนภาษาที่ต่างประเทศก่อนเลย ไม่มีประเภทเคยมาเรียน summer ที่อังกฤษ แต่ทุกคนเก่งมาจากไทยแล้วและเก่งภาษาอังกฤษมาตั้งแต่สมัยมัธยม ส่วนคนที่เคยมาเรียนภาษาระยะสั้น 3- 6 เดือนที่ต่างประเทศทุกคนที่รู้จัก ทักษะภาษาอังกฤษธรรมดาครับ ดังนั้นขอบอกว่าตามความเห็นส่วนตัว การมาเรียนภาษาที่ต่างประเทศไม่ใช่ปัจจัยที่จะทำให้การเรียนภาษาประสบความสำเร็จครับ ไม่ใช่เรื่องจำเป็น แต่ถ้าทุนถึงจะทำผมก็ไม่ห้าม รวมทั้งผมรู้จักพี่คนไทยที่แต่งงานกับฝรั่ง อยู่กับสามีมา 10 กว่าปี แต่จดบัดนี้ยังต้องใช้ภาษาใบ้ปนภาษาอังกฤษงูๆ ปลาๆ คุยกับสามีอยู่เลยก็มีครับ
แสดงความคิดเห็น
พัฒนาทักษะภาษาอังกฤษเพื่อพิชิต IELTS แบบประก๊อบประกอบ
ในฐานะที่เคยต้องสอบ IELTS มาก่อน แต่มาจากพื้นฐานภาษาอังกฤษที่เรียกได้ว่าสูญ คือเรียกได้ว่าไม่มีเลย ผมใช้เวลาประมาณ 1 ปีเศษๆ แบบไม่ต่อเนื่องในการพัฒนาทักษะจนสอบผ่านระดับที่ต้องการได้ เผอิญเมื่อวานนี้มีน้องคนนึงสอบถามเทคนิคในเตรียมสอบ IELTS แบบสุดๆ เพราะได้เคยเข้าไปติดตามใน blog ส่วนตัวของผมที่เคยเขียนเล่าเรื่องการเตรียมตัวสอบของผมไว้หลายปีมาแล้ว แต่คิดว่ายังคงใช้ได้แม้ในปัจจุบัน บวกกับรู้สึกว่าน่าจะเพิ่มเติมอะไรบางอย่าง รวมถึงการบอกเล่าเรื่องราวของผมเองที่อาจเป็นแรงบันดาลใจให้คนอ่อนภาษาอังกฤษทั้งหลายมีแรงมุมานะเพิ่มขึ้น รวมถึงเพื่อให้มีคนอ่านในวงกว้างกว่าแค่เขียนไว้ใน blog จึงต้องขอใช้พื้นที่ใน Pantip เล่าเรื่องการเตรียมตัวสอบของผมอีกครั้ง เผื่อจะเป็นประโยชน์ต่อคนอื่นๆ บ้าง โดยเอาเรื่องที่เคยเขียนไว้ใน blog มาเรียบเรียงใหม่ ดังนั้นกระทู้นี้น่าจะยาวมาก แต่หวังว่าจะเป็นประโยชน์ ก็ขอเริ่มเรื่องราว ณ บัดนี้