ก่อนอื่นขอออกตัวกันก่อนครับ นี่เป็นครั้งแรกที่ได้ลองค้นข้อมูล (ในพันทิป) และออกไปลุยต่างประเทศแล้วกลับมาเล่าเรื่องไร้สาระ ปนสาระ ปนเรื่อยเปื่อย บราๆๆ ให้เพื่อนๆ ได้อ่าน ก็หวังว่าจะเป็นประโยชน์กับเพื่อนๆที่กำลังเล็งว่าจะไปเที่ยวไหนที่ราคาไม่สูง แถมอากาศก็เย็นดี เป็นการเปลี่ยนบรรยากาศจากประเทศที่มี 3 ฤดู (ร้อน ร้อนมาก ร้อนชิบโป๋งเล้ย) อย่างไทยเราเนี่ยล่ะครับ ดังนั้นถ้าใครชอบไม่ชอบยังไงต้องขออภัยมาตรงนี้เลยนะครับ
ก่อนอื่นผมติดต่อผู้ประสานงานในตำนาน นาม Mrs.Nga ไว้ และแจ้งความต้องการของผมไว้กับแกอย่างครบถ้วน เพื่อที่ไปถึงแกจะได้จัดเตรียมทุกอย่างไว้ได้ทันเวลาน่ะครับ
แพลนของผมคือ
26 ต.ค. เดินทางถึงฮานอย เดินเล่นในเมือง ตอนค่ำนั่งรถไฟไปลาวไค
27 ต.ค. ถึงลาวไค นั่งรถไปตลาดบั๊คฮา ชายแดนเวียดนาม กลับมาที่ซาปา
28 ต.ค. ขับมอไซค์เที่ยวในซาปา ค่ำนั่งรถไฟกลับฮานอย
29 ต.ค. ถึงฮานอย รีบบึ่งไปสนามบิน
วันที่ 26 ตุลาคม 2556 เช้าาาาจัง ณ.สนามบินดอนเมือง
ผมกับแฟน ได้มาเหยียบดอนเมืองอีกครั้ง (ไม่ได้มานานทีเดียว ถ้าไม่นับมาส่งแฟนไปทำงานตจว.เมื่อเดือนก่อน) เพราะเราจองตั๋ว Airasia ไปกลับ Hanoi ไว้ เลยต้องมาขึ้นลงที่ดอนเมือง ขอเล่าถึงประสบการณ์ในดอนเมืองก่อนละกัน ถ้าใครชินกับสนามบินสุวรรณ์ภูมิคงรู้สึกว่า ทำไมดอนเมืองมันคลาสสิคจัง เคยมาตอนเด็กๆหน้าตาเป็นไงก็ยังคงคอนเซ็ปไว้ไม่เสื่อมคลาย หรือพูดง่ายๆว่าเป็นสถาปัตยกรรมยุค 90 หรือจะให้ง่ายและสั้นเข้าไปอีก คือ "เก่า" นั่นแหละครับ 555

แต่ก็โอเคแหละครับ ไม่ได้ต้องการอะไรมากอยู่แล้ว
นั่งเครื่องบิน Air Asia ที่ทุกท่านทราบอยู่แล้วว่าเป็นสายการบินที่มีที่นั่งสบายหลังสุดๆมาชั่วโมงกว่าๆก็ถึงสนามบินนอยไบของฮานอย ด้วยความที่ที่นั่งของผมกะแฟนอยู่ต้นๆ พอเครื่องจอดปั๊บก็เลยรีบวิ่งจูงมือไปถีบประตูเครื่องบินออกไปหวังจะไปหยิบกระเป๋าที่สายพานเป็นคนแรกแล้วเจ้าหน้าที่สนามบินจะตบรางวัลเหรียญทองให้แต่ก็คงทำได้แค่ฝัน เพราะถ้าทำงั้นคงโดนส่งกลับไทย อดเที่ยวซะงั้น

(พานอกเรื่องอีกละผม) เดินเร็วๆผ่าน ตม.ของเวียดนาม สภาพเจ้าหน้าที่ ตม.เหมือนมีที่นอนอยู่ใต้เคาน์เตอร์ ถึงเวลาปั๊ปลุกขึ้นมานั่งเก้าอี้ทำงาน ไม่ต้องล้างหน้า คือแบบหน้ามึนดีมาก แต่ก็ไม่ได้ทำหน้าดุอะไรนะ แค่หน้าง่วงมากเฉยๆ 555 จากนั้นวิ่งเลี้ยวขวามาถึงสายพานกระเป๋า คนรอกระเป๋าเยอะมาก สลับกะแฟน ไปเข้าห้องน้ำ ออกมาก็ยังไม่เห็นกระเป๋าสีเทาของเราสองคน เราจึงเริ่มสังเกตุคนรอบข้างว่า เอ๊ะ!! ไม่คุ้นเลย ไม่เห็นกลุ่มสาวๆเอวลอยซอยผมสั้นที่ผมเล็งไว้ตั้งแต่ในเครื่องเลยแฮะ หรือว่าเธอๆพวกนั้นหยิบกระเป๋าไปแล้ว โอกาสแชร์รถเข้าเมืองผมก็อดน่ะสิ!!

ในจังหวะที่คิดๆเสียดายอยู่นั้น ฝ่ามือเตือนสติก็มาสะกิดดัง ผั่ว!! ที่ศรีษะของผม หันไปเป็นฝ่ามือของแฟนผมนั่นเอง พร้อมบอกผมว่า "ผิดฝั่ง" พร้อมลากผมไปที่สายพานฝั่งซ้ายซึ่งเหลือกระเป๋าอยู่บนสายพานแค่ 4 - 5 ใบ (อร๊าย เสี่ยวจังกรุ) ลากกระเป๋าออกมามองหาป้ายชื่อ WELCOME บราๆ from Thailand ที่ Mrs.Nga ส่งคนขับ Taxi มาถือรอรับเราเข้าเมืองในราคา 15USD (เนื่องจาก Mrs.Nga บอกว่าไม่ต้องโอนมัดจำไปก่อน แต่ขอให้ใช้ Taxi เธอเพื่อเป็นหลักประกัน ก็ อืมม โอเคก็ได้) ไม่นานก็เจอกับคนขับที่หน้าตาสุภาพ ดูเงียบขรึม ถือป้ายตามที่บอก เข้ามาลากกระเป๋าให้ บริการโอเค แต่ก่อนออกจากนอยไบ อย่าลืมแลก USD เป็น VND ก่อนนะจ๊ะ หลายๆท่านบอกว่าที่นี่เรทโอเค ไอ้เราก็ไม่ได้ดูเรทอะไรมาก เพราะไม่ได้แลกเยอะอะไรมาก เอาเงินไปทั้งหมดประมาณ 600 USD ก็เลยแลกสัก 150 USD ได้กลับมากว่าสามล้าน!!! ฟินโคตร พร้อมเอกสารหลักฐานการแลกเงินตามรูปด้านล่างเพื่อแสดงเป็นกิตติมศักดิ์ว่า ข้าเจ้าเคยแลกเงิน USD เป็นเงินดองที่นอยใบแล้วนะจ๊ะ

จากนั้นก็นั่งรถ Taxi ออกจากสนามบินเพื่อมุ่งไป Old Quarter สิ่งที่ทำให้ผมบรรลุได้อย่างนึงเมื่อนั่งรถที่นี่คือ คนไทยที่บอกว่าขับรถแถวเยาราชได้ก็ไปขับที่ไหนก็ได้แล้วนั้น ผมว่าไม่แน่เสมอไปครับ เมื่อคุณเจอเด็กแว้นฮานอย แล้วอาจต้องกลืนน้ำลาย

เพราะที่นี่ใช้แตรเปลืองมาก คือถ้าวัดปริมาณการบีบแตรประจำวันของประชากรโลกแล้ว เวียดนามน่าจะกินไปสัก 20% (อีก 30% ที่อินเดีย และ 49% อยู่ที่จีน และที่เหลือทั้งโลกรวมกันได้ 1% ฮาาาาา...) แต่เค้าก็ไม่ได้โกรธกันนะ แถมถ้าคนข้ามถนน รถจะบีบแตร แต่คนก็จะไม่สนใจ เดินมุ่งหน้าต่อไป รถต้องหลบเอง

คือผมนั่ง Taxi ที่นี่ผมต้องจิกเบาะ เพราะบางสี่แยกไม่มีไฟแดง มีแต่วงเวียนเล็กตรงกลาง รถจากทุกฝั่งก็จะมุ่งหน้ามาล็อกกันตรงกลาง จนต้องถอยหลบกันเอง สงสัยกินกระทิงแดงมากเกินไป ใช้เวลาประมาณ 40-50 นาที เพื่อนั่งรถจากนอยไบมาเจอ Mrs.Nga ที่โรงแรม Viet Hotal เพื่อชำระค่าเสียหายตามที่ผมได้ดิลกันไว้ผ่านทาง email ก่อนที่จะมา โดยมีรายละเอียดดังนี้ครับ

มิสซิสหงา เป็นผู้หญิงหน้าตาไม่ดุ ส่วนตัวคิดว่าถ้าจะไปฮานอย ให้เจ๊คนนี้จัดการให้เถอะครับชัวร์กว่า หรือถ้าหากใครมีบริษัททัวร์ที่ไว้ใจได้ก็เอาตามนั้นดีกว่าครับ (*Contact Mrs.Nga ผมจะวางไว้ที่ท้ายสุดของบทความนะครับ) ถ้าจะไปจองเองอะไรเอง มีเวลาเที่ยวเยอะๆก็โอเค แต่ถ้าเวลา fix แบบผม อย่าไปเสี่ยงเลย พลาดอะไรไปจะกลายเป็นจืดซะงั้น แล้วหลังจากที่ชำระค่าเสียหายแล้วผมก็ฝากกระเป๋าไว้ที่โรงแรมเลย (ตอนแรกที่ยังไม่ได้ติดต่อมิสซิสหงากะว่าจะลากไปเที่ยวด้วยเลย ซึ่งเป็นความคิดที่ผิดมากครับ ถ้าลากไปด้วยตายแน่ๆ 5555)
อันนี้เป็นแผนที่ที่ Mrs.Nga ให้มาครับ โรงแรม Viet Hotal (คือเบอร์ 1 ในแผนที่)
จากนั้นก็เริ่มเดินลุยเที่ยวในฮานอย โดยจุดมุ่งหมายแรกนั้นคือทะเลสาบคืนดาบ (Hoan Kiem Lake) ซึ่งเดินไปไม่ไกลเท่าไหร่ครับ แค่ 15 นาทีก็ถึง ซึ่งทะเลสาบ (เบอร์ 2) นี่ถือเป็นจุด Land Mark ที่สังเกตุง่ายเลยทีเดียว กำแผนที่ไว้ หลงเมื่อไหร่ ถามทางกลับมาทะเลสาบครับ ง่ายสุด โดยการมาเยี่ยมชมวัดที่กลางทะเลสาบนั้นต้องเสียค่าเข้า 20,000 VND (ประมาณเกือบ 30 บาท/คน)

แต่ถ้าจะมาถ่ายรูปตรงสะพานแดงๆแค่นั้นก็ไม่ต้องซื้อบัตรผ่านจ้า

ถ้าถามความคิดเห็นก็คิดว่าต้องมาถ่ายรูปแหละครับ ทั้งที่จริงๆก็ไม่ได้มีอะไรพิเศษ แต่ถ้าไม่มาก็คงเรียกว่ามาถึงฮานอยได้ไม่เต็มปากเท่าไหร่ใช่มั้ยครับ

พอเดินข้างในเสร็จก็เดินเลียบทะเลสาบลงมาเรื่อยๆจนถึงฝั่งที่เป็นวิหารฝั่งตรงข้ามวัดตามรูปด้านล่าง

ผมก็ข้ามถนนมาฝั่งตรงข้ามซึ่งเป็นห้างสรพพสินค้าที่เดียวที่ผมเจอ (เบอร์ 3) เป็นห้างที่หรูมากทีเดียว เรียกว่าเป็นเกษรพลาซ่าของเวียดนามได้เลย ผมเดินเข้าไปเพื่อจะหาอะไรกินสักหน่อยเพราะยังไม่มีอะไรตกถึงท้องเลย แต่หายากแฮะ เพราะมีแต่เสื้อผ้าแบรนเนม อีกอย่างคนที่นี่นิยมซื้อของทานกันตามร้านข้างๆถนนน่ะครับ หา Super Market ที่ขายอาหารยากทีเดียว (เหตุผลที่ผมหา Super Market เพราะกลัวโดนฟันราคาเพราะยังไม่รู้ราคาอะไรของที่นี่เลย เลยอยากหาข้อมูลเพื่อที่จะยึดเป็นพื้นฐานสำหรับใช้จ่ายในการเที่ยวครั้งนี้) เมื่อหาไม่ได้ก็เลยเดินออกมาจากห้างแล้วเดินไปเรื่อยๆ ผมสังเกตุเข้าไปในร้านไอติมเห็นคนเยอะมากเลยครับ เลยลอกเดินเข้าไปดู ข้านในเป็นโรงงานไอติม มีทั้งแบบแท่ง แบบโคน Soft Cream และแบบแพคห่อกลับบ้าน แต่ที่น่าสนใจคือจำนวนวัยรุ่นที่นี่พุ่งพรวดมากกว่าทุกสถานที่ที่ได้เดินผ่านมาแบบที่ว่า นี่มันสยามเซ็นเหรอเนี่ยยย

ภาพนี้แอบถ่ายแคบๆมานะเนี่ย ถ้าถ่ายกว้างๆจะเห็นวัยรุ่นขี่มอไซค์มาซื้อไอติมกินกันเยอะมว๊ากกก...แต่บอกตรงๆครับ รสชาติสู้ไอติมแมคบ้านเราไม่ได้เลย โคนเหมือนทองม้วนบ้านเราเนี่ยล่ะ แบร่

จากนั้นเราก็เดินอิลุ่ยฉุยแฉะมาเรื่อยๆจนไปถึง One Pillar Pagoda (หมายเลข 5)

เล่นเอาเมื่อยเหมือนกันแฮะ เจอร้านขายของขายทางตอนนี้ทนไม่ไหวละ สอยเบียร์เวียดนามสักป๋องเลยละกัน

เห็นเค้าเล่ากันมาว่าพระราชาไม่มีลูก เลยสร้างขึ้นมาเพื่อบูชาสิ่งศักดิ์สิทธิ์เพื่อประทานบุตรมาให้ ก็ถือเป็นอีก 1 สถานที่ที่สวยงาม และควรจะมาเยี่ยมชมครับ แถมถนนรอบๆนี้จะปิดหมดและทำความสะอาดไว้อย่างดี ไม่แน่ใจว่าเพราะอะไร รู้แต่ว่าย่านนี้สะอาดมากเลย

นั่งพักผ่อนจิบเบียร์จนหายเมื่อย เดินต่อไปวิหารวรรณกรรม วันเหมียว (Literature temple) (หมายเลข 6) สถานที่นี้ครับ ต้องมาอย่างรุนแรง เป็นที่ๆนักศึกษาเวียดนามเมื่อศึกษาจบแล้วจะมาถ่ายรูปร่วมกันครับ ค่าเข้า 20,000 VND (ประมาณ 30 บาท เท่าๆกับทะเลสาบคืนดาย) แต่ขอบวกคับขอบวก 200,000 ก้อจะเข้าคับ ไม่ใช่เพราะอะไร ข้างในมีวัดเก่าครับ สวยงามมากครับ (จะมีใครเชื่อเหตุผลผมมั้ยเนี่ย 5555) ไปดูรูปกันครับ ความสวยงามของวัดในวิหารวรรณกรรม อิอิอิ

อัพผิดๆ วัดด้านในค้าบ...5555


หลังจากเดินถ่ายรูปในวิหารแล้วก็ถึงเวลาหาอะไรทานจริงจังละครับ บ่ายกว่าๆละ แนะนำเลยครับ เดินออกมาจากประตูหน้าวิหารให้เลี้ยวซ้าย แล้วเลี้ยวซ้ายอีกที จะเห็นร้านบั๋นชา (Bun Cha) (หมายเลข 7) นั่งทานบนโต๊ะเตี้ยๆกับเก้าอี้ซักผ้าตามสไตล์เวียดนามแท้ๆจร้า

โดยราคาก็พื้นฐานครับ ประมาณ 30,000 - 40,000 ดอง/จาน (ประมาณ 50 บาท) สั่งมาสองอย่าง เป็นปอเปี๊ยทอดกินกับน้ำจิ้มหวานๆและขนมจีน อย่างที่สองเป็นน้ำซุปใส่หมูสับก้อนกับฟักมั้งคับไม่แน่ใจ อร่อยดีทีเดียว

จากนั้นก็เป็นการเดินเล่นฆ่าเวลาและหาร้านสะดวกซื้อต่อไป
เดินกลับมาฝั่งทะเลสาบก็เข้าช่วงบ่ายแก่ๆละ เดินเล่นถ่ายรูปฆ่าเวลาไปเรื่อยๆก็มาเจอบริเวณที่รับแลกเงินที่น่าสนใจอีกจุด คือบริเวณหมายเลข 8 ครับ โดยจะมีคนถือเงินเป็นปึกๆรอแลกเงิน USD อยู่ตรงถนนใหญ่เลย แต่ผมไม่ได้ถามเรทมา รู้แต่ว่าถ้าจะมาที่แลกเงินแล้วหาไม่ได้ ลองมาที่นี่ดูนะครับ แค่เดินผ่านก็ปรี่เข้ามาถามละ
จากนั้นผมก็ยังไม่ลดละความพยายามที่จะหาร้านสะดวกซื้อเพื่อที่จะตุนสเบียงไปทานในรถไฟคืนนี้ ผมเดินลัดเลาะไปเรื่อยๆ ลึกเข้าไป ลึกเข้า ใจก็คิดว่าถ้าหาไม่ได้จริงๆ ก็จะตัดใจซื้อหนมร้านข้างทางกินเอาละ แต่ทันใดนั้นคับ ตาผมก็เหลือบไปเห็นรถเข็น Super Market คับ เป็นครั้งแรกในชีวิตที่ผมเห็นรถเข็นแล้วดีใจออกนอกหน้าคับ

ถ้าดูตามแผนที่จะอยู่หมายเลข 9 ครับ ใครมาฮานอยแนะนำครับ สเบียงทั้งนั้น เป็น Super Market ที่ดูทันสมัยเมื่อ 15 ปีที่แล้ว แต่ผมก็ดีใจ เพราะได้ทุกอย่างครบจากที่นี่

ราคาขนม เครื่องดื่มในฮานอย ถูกกว่าไทยหรืออย่างมากก็เท่ากันครับ
น้ำอัดลมกระป๋องละ 7-8000 (11 บาท)
ขนมปังเป็นก้อนๆ 6 ก้อน 12,000 (17 บาท)
เป็นต้น
เกาเหลาจิปาถะ...กะ ฮานอย-ซาปา 3 คืน 4 วัน ก็พอเพียง
ก่อนอื่นผมติดต่อผู้ประสานงานในตำนาน นาม Mrs.Nga ไว้ และแจ้งความต้องการของผมไว้กับแกอย่างครบถ้วน เพื่อที่ไปถึงแกจะได้จัดเตรียมทุกอย่างไว้ได้ทันเวลาน่ะครับ
แพลนของผมคือ
26 ต.ค. เดินทางถึงฮานอย เดินเล่นในเมือง ตอนค่ำนั่งรถไฟไปลาวไค
27 ต.ค. ถึงลาวไค นั่งรถไปตลาดบั๊คฮา ชายแดนเวียดนาม กลับมาที่ซาปา
28 ต.ค. ขับมอไซค์เที่ยวในซาปา ค่ำนั่งรถไฟกลับฮานอย
29 ต.ค. ถึงฮานอย รีบบึ่งไปสนามบิน
วันที่ 26 ตุลาคม 2556 เช้าาาาจัง ณ.สนามบินดอนเมือง
ผมกับแฟน ได้มาเหยียบดอนเมืองอีกครั้ง (ไม่ได้มานานทีเดียว ถ้าไม่นับมาส่งแฟนไปทำงานตจว.เมื่อเดือนก่อน) เพราะเราจองตั๋ว Airasia ไปกลับ Hanoi ไว้ เลยต้องมาขึ้นลงที่ดอนเมือง ขอเล่าถึงประสบการณ์ในดอนเมืองก่อนละกัน ถ้าใครชินกับสนามบินสุวรรณ์ภูมิคงรู้สึกว่า ทำไมดอนเมืองมันคลาสสิคจัง เคยมาตอนเด็กๆหน้าตาเป็นไงก็ยังคงคอนเซ็ปไว้ไม่เสื่อมคลาย หรือพูดง่ายๆว่าเป็นสถาปัตยกรรมยุค 90 หรือจะให้ง่ายและสั้นเข้าไปอีก คือ "เก่า" นั่นแหละครับ 555
นั่งเครื่องบิน Air Asia ที่ทุกท่านทราบอยู่แล้วว่าเป็นสายการบินที่มีที่นั่งสบายหลังสุดๆมาชั่วโมงกว่าๆก็ถึงสนามบินนอยไบของฮานอย ด้วยความที่ที่นั่งของผมกะแฟนอยู่ต้นๆ พอเครื่องจอดปั๊บก็เลยรีบวิ่งจูงมือไปถีบประตูเครื่องบินออกไปหวังจะไปหยิบกระเป๋าที่สายพานเป็นคนแรกแล้วเจ้าหน้าที่สนามบินจะตบรางวัลเหรียญทองให้แต่ก็คงทำได้แค่ฝัน เพราะถ้าทำงั้นคงโดนส่งกลับไทย อดเที่ยวซะงั้น
จากนั้นก็นั่งรถ Taxi ออกจากสนามบินเพื่อมุ่งไป Old Quarter สิ่งที่ทำให้ผมบรรลุได้อย่างนึงเมื่อนั่งรถที่นี่คือ คนไทยที่บอกว่าขับรถแถวเยาราชได้ก็ไปขับที่ไหนก็ได้แล้วนั้น ผมว่าไม่แน่เสมอไปครับ เมื่อคุณเจอเด็กแว้นฮานอย แล้วอาจต้องกลืนน้ำลาย
เพราะที่นี่ใช้แตรเปลืองมาก คือถ้าวัดปริมาณการบีบแตรประจำวันของประชากรโลกแล้ว เวียดนามน่าจะกินไปสัก 20% (อีก 30% ที่อินเดีย และ 49% อยู่ที่จีน และที่เหลือทั้งโลกรวมกันได้ 1% ฮาาาาา...) แต่เค้าก็ไม่ได้โกรธกันนะ แถมถ้าคนข้ามถนน รถจะบีบแตร แต่คนก็จะไม่สนใจ เดินมุ่งหน้าต่อไป รถต้องหลบเอง
มิสซิสหงา เป็นผู้หญิงหน้าตาไม่ดุ ส่วนตัวคิดว่าถ้าจะไปฮานอย ให้เจ๊คนนี้จัดการให้เถอะครับชัวร์กว่า หรือถ้าหากใครมีบริษัททัวร์ที่ไว้ใจได้ก็เอาตามนั้นดีกว่าครับ (*Contact Mrs.Nga ผมจะวางไว้ที่ท้ายสุดของบทความนะครับ) ถ้าจะไปจองเองอะไรเอง มีเวลาเที่ยวเยอะๆก็โอเค แต่ถ้าเวลา fix แบบผม อย่าไปเสี่ยงเลย พลาดอะไรไปจะกลายเป็นจืดซะงั้น แล้วหลังจากที่ชำระค่าเสียหายแล้วผมก็ฝากกระเป๋าไว้ที่โรงแรมเลย (ตอนแรกที่ยังไม่ได้ติดต่อมิสซิสหงากะว่าจะลากไปเที่ยวด้วยเลย ซึ่งเป็นความคิดที่ผิดมากครับ ถ้าลากไปด้วยตายแน่ๆ 5555)
อันนี้เป็นแผนที่ที่ Mrs.Nga ให้มาครับ โรงแรม Viet Hotal (คือเบอร์ 1 ในแผนที่)
จากนั้นก็เริ่มเดินลุยเที่ยวในฮานอย โดยจุดมุ่งหมายแรกนั้นคือทะเลสาบคืนดาบ (Hoan Kiem Lake) ซึ่งเดินไปไม่ไกลเท่าไหร่ครับ แค่ 15 นาทีก็ถึง ซึ่งทะเลสาบ (เบอร์ 2) นี่ถือเป็นจุด Land Mark ที่สังเกตุง่ายเลยทีเดียว กำแผนที่ไว้ หลงเมื่อไหร่ ถามทางกลับมาทะเลสาบครับ ง่ายสุด โดยการมาเยี่ยมชมวัดที่กลางทะเลสาบนั้นต้องเสียค่าเข้า 20,000 VND (ประมาณเกือบ 30 บาท/คน)
แต่ถ้าจะมาถ่ายรูปตรงสะพานแดงๆแค่นั้นก็ไม่ต้องซื้อบัตรผ่านจ้า
ถ้าถามความคิดเห็นก็คิดว่าต้องมาถ่ายรูปแหละครับ ทั้งที่จริงๆก็ไม่ได้มีอะไรพิเศษ แต่ถ้าไม่มาก็คงเรียกว่ามาถึงฮานอยได้ไม่เต็มปากเท่าไหร่ใช่มั้ยครับ
ผมก็ข้ามถนนมาฝั่งตรงข้ามซึ่งเป็นห้างสรพพสินค้าที่เดียวที่ผมเจอ (เบอร์ 3) เป็นห้างที่หรูมากทีเดียว เรียกว่าเป็นเกษรพลาซ่าของเวียดนามได้เลย ผมเดินเข้าไปเพื่อจะหาอะไรกินสักหน่อยเพราะยังไม่มีอะไรตกถึงท้องเลย แต่หายากแฮะ เพราะมีแต่เสื้อผ้าแบรนเนม อีกอย่างคนที่นี่นิยมซื้อของทานกันตามร้านข้างๆถนนน่ะครับ หา Super Market ที่ขายอาหารยากทีเดียว (เหตุผลที่ผมหา Super Market เพราะกลัวโดนฟันราคาเพราะยังไม่รู้ราคาอะไรของที่นี่เลย เลยอยากหาข้อมูลเพื่อที่จะยึดเป็นพื้นฐานสำหรับใช้จ่ายในการเที่ยวครั้งนี้) เมื่อหาไม่ได้ก็เลยเดินออกมาจากห้างแล้วเดินไปเรื่อยๆ ผมสังเกตุเข้าไปในร้านไอติมเห็นคนเยอะมากเลยครับ เลยลอกเดินเข้าไปดู ข้านในเป็นโรงงานไอติม มีทั้งแบบแท่ง แบบโคน Soft Cream และแบบแพคห่อกลับบ้าน แต่ที่น่าสนใจคือจำนวนวัยรุ่นที่นี่พุ่งพรวดมากกว่าทุกสถานที่ที่ได้เดินผ่านมาแบบที่ว่า นี่มันสยามเซ็นเหรอเนี่ยยย
ภาพนี้แอบถ่ายแคบๆมานะเนี่ย ถ้าถ่ายกว้างๆจะเห็นวัยรุ่นขี่มอไซค์มาซื้อไอติมกินกันเยอะมว๊ากกก...แต่บอกตรงๆครับ รสชาติสู้ไอติมแมคบ้านเราไม่ได้เลย โคนเหมือนทองม้วนบ้านเราเนี่ยล่ะ แบร่
จากนั้นเราก็เดินอิลุ่ยฉุยแฉะมาเรื่อยๆจนไปถึง One Pillar Pagoda (หมายเลข 5)
เล่นเอาเมื่อยเหมือนกันแฮะ เจอร้านขายของขายทางตอนนี้ทนไม่ไหวละ สอยเบียร์เวียดนามสักป๋องเลยละกัน
เห็นเค้าเล่ากันมาว่าพระราชาไม่มีลูก เลยสร้างขึ้นมาเพื่อบูชาสิ่งศักดิ์สิทธิ์เพื่อประทานบุตรมาให้ ก็ถือเป็นอีก 1 สถานที่ที่สวยงาม และควรจะมาเยี่ยมชมครับ แถมถนนรอบๆนี้จะปิดหมดและทำความสะอาดไว้อย่างดี ไม่แน่ใจว่าเพราะอะไร รู้แต่ว่าย่านนี้สะอาดมากเลย
นั่งพักผ่อนจิบเบียร์จนหายเมื่อย เดินต่อไปวิหารวรรณกรรม วันเหมียว (Literature temple) (หมายเลข 6) สถานที่นี้ครับ ต้องมาอย่างรุนแรง เป็นที่ๆนักศึกษาเวียดนามเมื่อศึกษาจบแล้วจะมาถ่ายรูปร่วมกันครับ ค่าเข้า 20,000 VND (ประมาณ 30 บาท เท่าๆกับทะเลสาบคืนดาย) แต่ขอบวกคับขอบวก 200,000 ก้อจะเข้าคับ ไม่ใช่เพราะอะไร ข้างในมีวัดเก่าครับ สวยงามมากครับ (จะมีใครเชื่อเหตุผลผมมั้ยเนี่ย 5555) ไปดูรูปกันครับ ความสวยงามของวัดในวิหารวรรณกรรม อิอิอิ
อัพผิดๆ วัดด้านในค้าบ...5555
หลังจากเดินถ่ายรูปในวิหารแล้วก็ถึงเวลาหาอะไรทานจริงจังละครับ บ่ายกว่าๆละ แนะนำเลยครับ เดินออกมาจากประตูหน้าวิหารให้เลี้ยวซ้าย แล้วเลี้ยวซ้ายอีกที จะเห็นร้านบั๋นชา (Bun Cha) (หมายเลข 7) นั่งทานบนโต๊ะเตี้ยๆกับเก้าอี้ซักผ้าตามสไตล์เวียดนามแท้ๆจร้า
โดยราคาก็พื้นฐานครับ ประมาณ 30,000 - 40,000 ดอง/จาน (ประมาณ 50 บาท) สั่งมาสองอย่าง เป็นปอเปี๊ยทอดกินกับน้ำจิ้มหวานๆและขนมจีน อย่างที่สองเป็นน้ำซุปใส่หมูสับก้อนกับฟักมั้งคับไม่แน่ใจ อร่อยดีทีเดียว
จากนั้นก็เป็นการเดินเล่นฆ่าเวลาและหาร้านสะดวกซื้อต่อไป
เดินกลับมาฝั่งทะเลสาบก็เข้าช่วงบ่ายแก่ๆละ เดินเล่นถ่ายรูปฆ่าเวลาไปเรื่อยๆก็มาเจอบริเวณที่รับแลกเงินที่น่าสนใจอีกจุด คือบริเวณหมายเลข 8 ครับ โดยจะมีคนถือเงินเป็นปึกๆรอแลกเงิน USD อยู่ตรงถนนใหญ่เลย แต่ผมไม่ได้ถามเรทมา รู้แต่ว่าถ้าจะมาที่แลกเงินแล้วหาไม่ได้ ลองมาที่นี่ดูนะครับ แค่เดินผ่านก็ปรี่เข้ามาถามละ
จากนั้นผมก็ยังไม่ลดละความพยายามที่จะหาร้านสะดวกซื้อเพื่อที่จะตุนสเบียงไปทานในรถไฟคืนนี้ ผมเดินลัดเลาะไปเรื่อยๆ ลึกเข้าไป ลึกเข้า ใจก็คิดว่าถ้าหาไม่ได้จริงๆ ก็จะตัดใจซื้อหนมร้านข้างทางกินเอาละ แต่ทันใดนั้นคับ ตาผมก็เหลือบไปเห็นรถเข็น Super Market คับ เป็นครั้งแรกในชีวิตที่ผมเห็นรถเข็นแล้วดีใจออกนอกหน้าคับ
ราคาขนม เครื่องดื่มในฮานอย ถูกกว่าไทยหรืออย่างมากก็เท่ากันครับ
น้ำอัดลมกระป๋องละ 7-8000 (11 บาท)
ขนมปังเป็นก้อนๆ 6 ก้อน 12,000 (17 บาท)
เป็นต้น