หนังทำเงินในอเมริกา 1-3 พฤศจิกาฯ Ender คว้าชัย ส่วน Thor เปิดตัวแรงนอกอเมริกา

US Box Office November 1-3, 2013

(แปลและเรียบเรียงจาก www.boxofficemojo.com)

หนังทำเงินในอเมริกาสัปดาห์ที่ผ่านมา Ender's Game นำมาในอันดับ 1 ส่วนหนังรวมดารารุ่นดึก Last Vegas เฉือนหนังแอนิเมชัน Free Birds อย่างหวุดหวิด โดยหนังใน 12 อันดับแรกของสัปดาห์นี้ ทำเงินรวมกัน 118.3 ล่านเหรียญ ซึ่งน้อยกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อนอยู่ 5%

แต่เรื่องฮือฮาในสัปดาห์นี้ กลับเกิดขึ้นนอกอเมริกา เมื่อ Thor: The Dark World ที่เปิดตัวในตลาดต่างประเทศบางแห่งก่อนอเมริกา 1 สัปดาห์ ทำรายได้อย่างเป็นกอบเป็นกำถึง 109.4 ล้านเหรียญ จาก 36 ตลาด สำหรับรายละเอียดต่างๆ ดูได้ในช่วงท้ายของการรายงาน

กับโรงฉาย 3,407 โรง Ender's Game คว้าอันดับ 1 ด้วยรายได้เปิดตัว 27 ล้านเหรียญ ซึ่งเป็นรายได้ที่จ๋องมาก เมื่อเทียบกับ Harry Potter, The Hunger Games และ Twilight แต่ก็มากกว่าหนังที่สร้างจากนิยายของผู้ใหญ่วัยกระเตาะ (Young Adult) อย่าง The Golden Compass (25.8 ล้านเหรียญ) และ Eragon (23.2 ล้านเหรียญ) แต่ที่น่าสนใจก็คือ หากปรับค่าตั๋วตามค่าเงินเฟ้อแล้ว หนังทั้งสองเรื่องที่ออกฉายก่อน จะมีคนดูมากกว่าเล็กน้อย

รายได้เปิดตัวของ Ender's Game ยังเป็นรายได้เปิดตัวที่ต่ำที่สุดสำหรับหนังไซ-ไฟทุนสูงในปีนี้ น้อยกว่า Pacific Rim กับ Oblivion ที่เปิดตัว 37 ล้านเหรียญทั้ง 2 เรื่อง และพอๆ กับ After Earth (27.5 ล้านเหรียญ)

ในภาพรวม นี่ไม่ถือว่าเป็นการเริ่มต้นที่เลวร้าย แม้จะไม่ใช่ตัวเลขที่ดีก็ตาม การทำการตลาดเน้นไปที่บทผู้บัญชาการทางหทารจอมหยาบกระด้าง เจ้าของเสียงแหบห้าวของแฮร์ริสัน ฟอร์ด แต่ก็ล้มเหลวในการที่จะแสดงให้เห็นว่าตัวของเอนเดอร์นั้น มีความสำคัญขนาดไหน ทำให้หนังดูห่างไกลจากคนดูหนังทั่วไป ที่ไม่คุ้นเคยกับตัวนิยายมาก่อน ทั้งๆ ที่นี่คือหัวใจสำคัญของหนังที่ดัดแปลงมาจากหนังสือเลยก็ว่าได้ สำหรับคนดูหนังนั้น 58% เป็นชายและ 54% อายุมากกว่า 25 ปี

ท้ายที่สุดแล้ว Ender's Game ก็ยังมีโอกาสประสบความสำเร็จ ถ้ายืนระยะได้ดี และไปได้สวยในตลาดนอกอเมริกา แต่เอาเข้าจริงๆ ก็เป็นเพียงแค่มีโอกาส เมื่อหนังเปิดตัวในอังกฤษแค่ 1.9 ล้านเหรียญ แถมได้คะแนนแค่ B+ จากซีนีมาสกอร์ และสุดสัปดาห์นี้มี Thor: The Dark World ออกมาไล่ทุบอีกต่างหาก ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่หนังจะสามารถดึงคนดูมาได้ แล้วอย่าลืมว่า อีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า The Hunger Games: Catching Fire จะเปิดตัวอีกเรื่อง

อ่านคำวิจารณ์ของ Ender's Game ได้ที่ http://bit.ly/16nTjvV

หลังเปิดตัวในอันดับ 1 สัปดาห์ก่อน Jackass Presents: Bad Grandpa ยืนระยะได้ดีอย่างน่าประหลาดใจ เมื่อรายได้ตกแค่ 38% ครองอันดับ 2 เอาไว้ได้ ถือเป็นหนังในชุด Jackass ที่ยืนระยะได้ดีที่สุด ได้เงินมาอีก 20 ล้านเหรียญ ผ่าน 10 วันรายได้รวมเป็น 61.6 ล้านเหรียญ และน่าจะผ่าน Jackass: Number Two (72.8 ล้านได้เหรียญ) ได้สบายๆ ในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า

เปิดตัวด้วย 3,065 โรง หนังรวมดาวดารารุ่นดึก (มาก) Last Vegas มาเป็นที่ 3 ทำรายได้ 16.3 ล้านเหรียญ ถือเป็นหนังของซีบีเอส ฟิล์มส์ เปิดตัวสูงสุดอันดับ 2 รองจากหนังสยอง The Woman in Black (20.9 ล้านเหรียญ) เมื่อปี 2012 และมากกว่า Hope Springs (14.7 ล้านเหรียญ) และมากกว่าหนังอีกเรื่องของโรเบิร์ท เดอ นีโร The Family (14 ล้านเหรียญ) แต่น้อยกว่าหนังของมอร์แกน ฟรีแมนในปีนี้ ที่เปิดตัวมากกว่า 29 ล้านเหรียญทุกเรื่อง ขณะที่คนดูก็เป็นไปตามคาด ดาราแก่ขนาดนี้จะมีเด็กที่ไหนมาดู 83% อายุมากกว่า 25 ปี และที่น่าสนใจก็คือ คนดูผู้หญิงมากกว่าผู้ชายเมื่อมีถึง 53% คะแนนจากซีนีมาสกอร์อยู่ที่ A ซึ่งดูแล้วหนังน่าจะยืนระยะได้ยาว รายได้รวมหลังปิดโปรแกรมที่ 50 ล้านเหรียญเป็นอย่างน้อยน่าจะเป็นไปได้

Free Birds แอนิเมชั่นเรื่องแรกของบริษัทรับทำสเปเชียล เอ็ฟเฟ็คท์  รีลเอฟเอ็กซ์ ที่ให้รีเลติวิตี มีเดียจัดจำหน่ายให้ เปิดตัวในอันดับ 4 ด้วยรายได้ 15.8 ล้านเหรียญ ซึ่งต่ำกว่า Flushed Away (18.8 ล้านเหรียญ) ที่เปิดตัวในวันเดียวกันนี่แหละเมื่อ 7 ปีก่อน หนังไม่มี 3 มิติ และน่าผิดหวัง ตัวเรื่องเองก็ดูคล้ายๆ กับ Chicken Run ซึ่งเปิดตัว 17.5 ล้านเหรียญเมื่อ 13 ปีก่อน

Free Birds ถือเป็นตัวอย่างล่าสุดที่แสดงให้เห็นว่า ข้อได้เปรียบในเรื่องการวางกำหนดฉาย ไม่สามารถทำให้หนังประสบความสำเร็จได้ ขณะที่ Cloudy with a Chance of Meatballs 2 อ่อนแรงแล้ว หมายความว่า Free Birds เป็นตัวเลือกหลักตัวเลือกเดียวสำหรับคนดูกลุ่มครอบครัวในสัปดาห์ที่ผ่านมา แต่การตลาดกลับเน้นไปที่มุขขำๆ แบบที่เห้นกันทั่วๆ ไปในหนังแอนิเมชัน แทนที่จะแสดงให้เห็นว่า ความเฉพาะของเรื่องราว และความน่าสนใจของหนัง ที่เป็นเรื่องของ ไก่งวงที่ย้อนเวลาไปหาทางยุติวันขอบคุณพระเจ้า สำหรับคนดูของหนัง 54% เป็นผู้หญิง และที่ดูแปลกๆ ก็คือ มีคนอายุมากกว่า 25 ถึง 57% หนังอาจจะไปได้ดีในระดับหนึ่งอีกสัก 1-2 สัปดาห์ แต่ก็ไม่น่าทำรายได้เกิน 60 ล้านเหรียญ

Captain Phillips ยืนระยะได้อย่างมั่นคง หนังทอม แฮงค์ส เรื่องนี้รายได้ตกแค่ 28% ทำเงินมาอีก 8.4 ล้านเหรียญในสัปดาห์ที่สี่ของการฉาย หนังทำรายได้ไปแล้ว 82.5 ล้านเหรียญ และน่าจะจบการฉายด้วยรายได้ที่มากกว่า 100 ล้านเหรียญ

12 Years a Slave เพิ่มโรงเป็น 410 โรงในสัปดาห์ที่ผ่านมา และทำเงินไปอีก 4.8 ล้านเหรียญ หนังดราม่าว่าด้วยเรื่องเกี่ยวกับทาส จะเปิดฉายในวงกว้างสุดสัปดาห์นี้ด้วยโรงราวๆ 1,000 โรง

ด้วยโรงฉาย 175 โรง หนังโรแมนติคข้ามเวลา About Time เปิดตัวได้อย่างน่าผิดหวังแค่ 1.08 ล้านเหรียญ สุดสัปดาห์นี้หนังจะเปิดตัวในวงกว้าง ซึ่งก็ไม่น่าจะทำรายได้เป็นกอบเป็นกำสักเท่าไหร่

Dallas Buyers Club เปิดตัวแค่ 9 โรงทำเงินได้เยี่ยยมาก 260,865 เหรียญ เฉลี่ยโรงละ 28,985 เหรียญ กับคะแนน 94% จากเว็บมะเขือเน่า และเสียงฮือฮาถึงการแสดงระดับรางวัลของแม็ทธิว แมคคอนาเฮย์ และจาเร็ด เลโต หนังน่าจะไปได้สวย โดยทางโฟกัส ฟีเจอร์ส จะเปิดหนังในวงกว้างเดือนหน้า

มาดูรายได้นอกอเมริกากันต่อ Thor: The Dark World เปิดตัวใน 36 ตลาด คิดเป็น 70% ของตลาดทั้งหมด ก่อนอเมริกา 1 สัปดาห์ด้วยรายได้ถึง 109.4 ล้านเหรียญ ทั้งๆ ที่ยังไม่ได้ฉายในตลาดหลักๆ อย่าง จีน, ญี่ปุ่น และอิตาลี หนังประสบความสำเร็จในอังกฤษ เมื่อเปิดตัว 13.4 ล้านเหรียญ, ฝรั่งเศส (9.4 ล้านเหรียญ), เม็กซิโก (8.2 ล้านเหรียญ), บราซิล (8.1 ล้านเหรียญ), เยอรมันนี (7.9 ล้านเหรียญ), รัสเซีย (7.8 ล้านเหรียญ), เกาหลีใต้ (7.6 ล้านเหรียญ) และออสเตรเลีย (6.9 ล้านเหรียญ) โดยทั้ง 8 ตลาด หนังเปิดตัวด้วยรายได้เฉลี่ยที่มากกว่าหนังภาคแรก 27% และมากกว่าครึ่งหนึ่งที่ Iron Man 3 ทำได้เล้กน้อย ซึ่งตัวเลขนี้แสดงให้เห็นว่า Thor: The Dark World ไม่น่าทำรายได้นอกอเมริกามากกว่า 500 ล้านเหรียญแน่นอน

กับการที่ไม่มีหนังใหญ่ๆ เปิดตัว ทำให้ Gravity รายได้ตกแค่ 28% ทำเงินมาอีก 27.1 ล้านเหรียญ โดยรายได้หลักๆ มาจาก ฝรั่งเศส ซึ่งรายได้ตกจากสัปดาห์ก่อนหน้าแค่ 12% ทำเงินมาได้ถึง 10.6 ล้านเหรียญ มาถึงวันนี้ หนังทำรายได้นอกอเมริกาไปแล้ว 207.5 ล้านเหรียญ และรายได้รวมทั่วโลกเป็น 426 ล้านเหรียญ สุดสัปดาห์นี้หนังจะเปิดตัวที่อังกฤษ แล้วก็ตามด้วยจีนช่วงปลายเดือน ญี่ปุ่นในเดือนธันวาคม ซึ่งน่าจะมีแรงส่งให้รายได้รวมของหนังพุ่งไป 600 ล้านเหรียญ

แอนิเมชัน Turbo ได้เงินมาอีก 12.3 ล้านเหรียญจาก 21 ตลาด รายได้รวมตอนนี้ขยับเป็น 184.8 ล้านเหรียญ ซึ่งพอจะการันตีได้ว่า หนังจะทำเงินได้มากกว่า Rise of the Guardians (204 ล้านเหรียญ) แต่ก็ไม่มาก ส่วนแอนิเมชันอีกเรื่อง Cloudy with a Chance of Meatballs 2 ได้เงินเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาจากนอกอเมริกา 11.5 ล้านเหรียญ ทำเงินไปแล้ว 70.3 ล้านเหรียญ  Captain Phillips ได้เงินมาเติมอีก 10 ล้านเหรียญ รายได้รวมเพิ่มเป็น 43.4 ล้านเหรียญ และกับการเปิดตัวหลังอเมริกา 1 ปีเต็มๆ หนัง Hotel Transylvania ทำเงินเบาๆ แค่ 5.7 ล้านเหรียญในขีน รายได้รวมนอกอเมริกาของหนังเพิ่มเป็น 205.7 ล้านเหรียญ

อ่านแล้วชอบคลิก Like ได้ที่ www.facebook.com/Sadaos และติดตามข่าวสาร, อ่านเรื่องราว บทวิจารณ์หนัง-เพลงได้ที่ www.sadaos.com
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่