สวัสดีค่ะทุกท่าน
ไม่ได้เล่นพันทิปมาสักพักแล้ว ถือเป็นกระทู้ฉลองเปลี่ยนชื่ออมยิ้มและขอสวนกระแสลำยองสักหน่อย เรื่องของเรื่องคือจขกท. เพิ่งอ่านหนังสือ Ender's Game จบลงไป และเพิ่งไปดูฉบับภาพยนตร์มาที่ลิโด้ตอนวันอาทิตย์ (สกาล่าเขาจัดคอนเสิร์ต) พอดูแล้วก็คันไม้คันมือ อยากจะคุยต่อ โดยเฉพาะเรื่องของตัวละครที่ในภาพยนตร์ทั้งเปลี่ยนและลดรายละเอียดลงไป
หลายคนไปดู Ender's Game แล้วพบว่าหนังช้าไปนิด ไม่ได้สะใจขนาดพลิกจักรวาล นี่เป็นเรื่องปกติ เพราะหนังสือเขาไม่เน้นแอ็คชั่น แต่เป็นการเล่าเรื่องชีวิตของเด็กคนหนึ่ง ที่ผู้ใหญ่คาดหวังว่าจะให้แบกรับอนาคตของมนุษยชาติ ในนัยหนึ่ง Ender's Game ค่อนข้างคล้ายกับ Hunger Game ตรงที่ว่าตัวเอกของเราต้องการแค่อยู่อย่างมีความสุข ไม่เคยคิดอยากทำร้ายใคร แต่ด้วยหน้าที่ เขาจำเป็นจะต้องทำ และในที่สุดสงครามก็ทิ้งบาดแผลในใจเอาไว้ และตั้งคำถามว่า "เราแลกอะไรเพื่อให้ชนะสงคราม"

ในหนังสือ พระเอกของเราอายุเพียง 6 ขวบเท่านั้นตอนถูกเกณฑ์ และอายุประมาณ 11 ขวบครึ่ง เมื่อสงครามจบ ดังนั้นจะเห็นว่าในภาพยนตร์เค้าทำให้แก่กว่าเดิมไปหลายปี ความโหดร้ายจึงดูลดลงบ้าง (และอีกอย่างคือน้อง Asa แกสูงมากจนมันหลุดฟีลไปนิด ถึงความทรงพลังจากการแสดงจะเต็มพิกัดก็ตาม)
เด็ก ๆ ในเรื่องนี้ทุกคนทั้ง "ขาด" และ "เกิน" จนตัวละครด้วยกันเองยังสังเกตเห็นเลยว่า "ทุกคนที่นี่น่ะบ้า" ซึ่งในกระทู้นี้ เราจะมาทำความรู้จักกันโดยเฉพาะตัวละครรุ่นเด็กที่ปรากฎในภาพยนตร์ รวมถึงปีเตอร์และวาเลนไทน์ ที่มีความสำคัญต่อเอนเดอร์การสร้างโลกใหม่
พร้อมหรือยังคะ มาเริ่มกันกับบรรดาทหารรุ่นเยาว์ เรียงจากลำดับที่ปรากฎในเรื่อง สำหรับน้องเอนเดอร์ ขอเขียนคนสุดท้ายละกันค่ะ
หมายเหตุ
- จขกท. อ่านจากฉบับภาษาอังกฤษ ตัวสะกดหรือคำแปลใด ๆ อาจไม่ตรงกับฉบับแปลอย่างเป็นทางการ
- ขออนุญาตแปล Army ว่า "กองกำลัง" เพราะใช้คำว่า "ทัพ" แล้วคงจะใหญ่ไป" และแปลทับศัพท์ เพราะไม่อยากเขียนว่า "กองกำลังหนู" มันฟังดูกระจ๊อกพิกล
- เนื้อหาในกระทู้จบแค่ Ender’s Game และกรุณาอย่าสปอยหนังสือภาคต่อนะคะ
Bernard (รับบทโดย Conor Corell)

ประเดิมกันคนแรกกับบูลลี่ประจำแก๊งค์ลูกกระสวย ในภาพยนตร์กลับตัวกลับใจและค่อนข้างเก่ง แต่ในหนังสือแล้วเบอร์นาร์ดเป็นตัวแสบลำดับสามที่คอยแกล้งเอนเดอร์ตั้งแต่วันแรก (นับจากปีเตอร์และ Stilson) โดยเริ่มสร้างวีรกรรมตั้งแต่อยู่ในยานอวกาศตอนที่นั่งจากโลก แต่แน่นอนว่าต้องเจ็บตัวไปตามระเบียบ เลยแอบแค้นตั้งแต่วันนั้น ถือเป็นอุปสรรคแรกของเอนเดอร์ในการควบคุมอำนาจภายในกลุ่มลูกกระสวย เพราะตอนนั้นไม่มีใครเอาเอนเดอร์เลย จนกระทั่งได้อาไลมาช่วยสมานฉันท์ ถ้าไม่มีอาไลเอนเดอร์คงลำบากกว่านี้อีกเยอะ แต่ภายหลัง เจ้าบูลลี่ก็ยอมมาเป็นหนึ่งในแก๊งค์ลูกกระจ๊อกที่มาช่วยล้อมเอนเดอร์ในห้องน้ำด้วย (แต่ก็ไม่ได้ลงมือนะ)
Alai (รับบทโดย Suraj Partha)

หนุ่มน้อยที่ถือได้ว่าเป็นเพื่อนคนแรกของเอนเดอร์ มีครั้งหนึ่งที่เอนเดอร์คิดไปคิดมาแล้วก็พบว่าอาไลมาแทนที่วาเลนไทน์เลยทีเดียว อาไลถูกเกณฑ์เข้ามาเป็นลูกกระสวยรุ่นเดียวกับเอนเดอร์ แต่เดิมทีเขาเป็นคนสนิทของเบอร์นาร์ดจนกระทั่งผูกมิตรกับตัวเอกของเราในชั่วโมงฝึกภาวะไร้แรงโน้มถ่วง ทำให้เอนเดอร์ซึ่งขณะนั้นมีปัญหาอยู่กับเบอร์นาร์ดเข้ากันได้ เพราะทั้งสองคนถือว่า “เข้ากลุ่ม” ของอาไลนั่นเอง
ในภาพยนตร์ เราจะเห็นอาไลเดินมาอำลาเอนเดอร์ แต่ในหนังสือนั้น เขาบรรยายไว้ดังนี้ค่ะ:
“On the impulse, Ender hugged him, almost as if he were Valentine. He even thought of Valentine then and wanted to go home ‘I don’t want to go,’ he said” (ข้ามไปสักสามสี่บรรทัด)
“Alai suddenly kissed Ender on the cheek and whispered in his ear “Salaam.” Then, red-faced, he turned away and walked to his own bed at the back of the barracks. Ender guessed that the kiss and the word were somehow forbidden. Or maybe the word had some private and powerful meaning for Alai alone.”
จุมพิตแผ่วเบาบนแก้มของเอนเดอร์จะมีความหมายอย่างไรนั้น แม้แต่ตัวเด็กหนุ่มเองก็ไม่ทราบ เขารู้เพียงแต่ว่ามันเป็นของขวัญอันศักดิ์สิทธิ์ที่อาไลมอบให้ (สรุปความต่อจากนั้น)
ความสัมพันธ์ระหว่างเอนเดอร์กับเพื่อนทุกคนจะค่อนข้างเหินห่าง เช่นเดียวกัน มิตรภาพระหว่างอาไลกับพระเอกก็จืดจางไปในช่วงที่เอนเดอร์รับหน้าที่นำกองกำลังดราก้อน
สำหรับความสามารถนั้น เขาเป็นรองแค่เอนเดอร์ ขนาดเมเซอร์ถามว่า “จะมีใครมาแทนเธอได้?” เอนเดอร์ยังตอบโดยไม่เสียเวลาคิด “อาไล” และยังเห็นว่าอาไลคนเดียวสามารถควบคุมกองยานรบได้ครึ่งหนึ่ง ตอนที่เอนเดอร์ได้เป็น Toon Leader นั้น อาไลก็ได้เป็นเช่นกันแม้จะอยู่กันคนละกองกำลัง นอกจากนี้ ในเรื่องของการเคลื่อนไหวใน Battle Room แล้ว ถ้าไม่สูสีก็น่าจะเก่งกว่าเอนเดอร์ทีเดียวเลยล่ะ
Petra (รับบทโดย Hailee Steinfeld)
นักแม่นปืนสาวแห่งกองกำลังซาลาแมนเดอร์ แม้จะเหมือนสุนัขหัวเน่าที่บอนโซ่ไม่ชอบ แต่มีอิสสระทุกอย่างที่ต้องการเพราะฝีมือยิงปืนที่แม่นราวกับจับวางทำให้เธอมีค่ายิ่งในกองกำลัง ในภาพยนตร์ ดูเหมือนว่าเพทราจะรับบทนางเอกกลาย ๆ แต่ในหนังสือแล้ว เธอเป็นเพื่อนคนสำคัญก็จริงแต่น่าจะ (เน้นคำว่า “น่าจะ”) ตรงใจกันกับนายดิ๊งค์เสียมากกว่า
เพทรา ปรากฎตัวครั้งแรกเมื่อเอนเดอร์ถูกสั่งให้ไปประจำการกอง ซาลาแมนเดอร์ ในตอนแรกนั้นนายเอนเดอร์ก็ไม่ได้คิดจะผูกสัมพันธ์ไมตรีอะไรขนาดนั้น แต่พอเห็นว่าเจ้าบอนโซมันไม่เอาถ่าน ใช้ไม่ได้ ก็เลยคิดว่าเป็นเพื่อนกับเพทราไว้น่าจะดีกว่า ซึ่งเพทราก็ช่วยเอนเดอร์ฝึกในตอนแรกสุด แต่เธอคิดว่าถ้าอยากจะเลื่อนขั้น ต้องไปเล่นที่ Game Room บ่อย ๆ เป็นผลให้เอนเดอร์ไม่มีใครฝึกด้วยจนต้องไปชวนพวกลูกกระสวยรุ่นเดียวกันมาฝึกและโดนเพ่งเล็งจากพวกทหารเก่าทุกคน พอครั้นเอนเดอร์ได้เป็นผู้บัญชาการกองกำลังดราก้อนแล้ว เป็นเพทราที่ทำแต้มจากเอนเดอร์ได้มากที่สุด ตอนนั้นมิตรภาพของทั้งคู่ก็ขาดสะบั้นไปชั่วคราว จนมาถึงวิกฤตอันตรายในโรงเรียนทหารที่ทำให้เอนเดอร์มั่นใจอีกครั้งว่าเธอนี่แหละเป็นเพื่อนจริง
แม้ว่าในด้านความสามารถแล้ว เธออาจเป็นรองแค่เอนเดอร์กับอาไล แต่เพทราก็ไม่ได้เข้มแข็งไปทุกกระเบียดนิ้ว เธอเป็น Squadron Leader คนแรกที่เจอความเครียดโถมกระหน่ำเสียจนต้องพักงาน และเมื่อกลับมาประจำการ เอนเดอร์ก็พบว่าเธอไม่เฉียบขาดเหมือนเก่า ทำให้เขาต้องผลัดเอาคนอื่น ๆ ที่เก่งน้อยกว่ามาใช้งานแทน
Bonzo (Bonito de Madrid) (รับบทโดย Moises Arias)
สำหรับผู้ชมและผู้อ่านแล้ว บอนโซ่ถือเป็นหนึ่งในวายร้ายตัวฉกาจที่คอยบ่อนทำลายตัวเอก แต่ดูเหมือนว่าเอนเดอร์จะไม่ได้เกลียดบอนโซ่มากขนาดนั้น แค่คิดว่าโง่เท่านั้นเอง อย่างไรก็ดี เขาถือเป็นตัวละครหลักที่หล่อหลอมเอนเดอร์โดยไม่รู้ตัวเช่นกัน
ในภาพยนตร์จะเห็นว่าบอนโซ่ค่อนข้างอันธพาล ส่วนในหนังสือนั้นก็มีวีรกรรมนอกเหนือไปจากที่เราเห็นอีก เขาปรากฎตัวในฐานะผู้บัญชาการกองกำลังซาลาแมนเดอร์ที่มีทหาร 40 คน โดยยึดมั่นเรื่องวินัยอย่างเคร่งครัด ทุกอย่างต้องเป๊ะ Formation ต้องพร้อม ห้องต้องสะอาด ฯลฯ
สิ่งที่แตกต่างออกไปจากคนอื่นก็คือ ในเรื่องที่แทบไม่มีการกล่าวถึงรูปลักษณ์ของตัวละครเลย เว้นเพียงแต่ว่าร่างเล็กหรือร่างใหญ่ (มีเหน็บแนมเกี่ยวกับสีผิวบ้าง) แต่กับบอนโซ่นั้นยังอุตส่าห์บรรยายไว้ว่า
“A boy stood there, taller and slender, with beautiful black eyes and slender lips that hinted at refinements. I would follow such beauty, said something inside Ender. I would see as those eyes see.”
บอนโซ่เป็นหนุ่มรูปงามมาก แต่ก็เจ้าคิดเจ้าแค้นมากด้วย เขาออกคำสั่งห้ามไม่ให้เอนเดอร์ทำอะไรทั้งสิ้นเช่นเดียวกับในภาพยนตร์ แต่ในภาคหนังสือนั้น เอนเดอร์ฝืนคำสั่งเพื่อช่วยให้เสมอกับฝ่ายตรงข้าม แต่ผลก็คือตัวเอกของเรากลับโดนลงโทษด้วยบาทาก่อนจะถูกย้าย เอนเดอร์ไม่ได้เก็บความแค้นนี้ไว้ เพียงแต่คิดว่าเขาเรียนรู้ทุกอย่างที่เรียนได้จากบอนโซ่แล้ว นั่นคือ “แพ้อย่างไรให้มีสไตล์” หลังจากนั้น เมื่อเอนเดอร์จัดคลาสเรียนส่วนตัว ก็เป็นบอนโซ่นี่แหละที่รวบรวมคนมาก่อกวน
เนื่องจากกระทู้นี้สปอยล์เต็มที่ คนที่สงสัยว่าบอนโซ่ตายหรือไม่ คำตอบคือตาย เป็นคนที่สองที่เอนเดอร์ไม่เจตนาฆ่า (สองศพนี้จะกลายเป็นประเด็นเล็ก ๆ ในภายหลัง) เอนเดอร์ไม่รู้เรื่องนี้จนกระทั่งเมื่อสงครามจบลง แต่ตอนที่เขาออกจากโรงเรียนนั่นแหละ ที่บอนโซ่ออกมาด้วย...ในถุงเก็บศพ
Dink Meeker (รับบทโดย Khylin Rhambo)
ถือว่าเป็นผู้บังคับบัญชาคนแรกของเอนเดอร์ที่ปฏิบัติต่อเขาเช่นทหาร หลังจากที่เอนเดอร์ย้ายจากกองกำลังซาลาแมนเดอร์เข้ามาสู่กองกำลังแร็ท ก็เข้าหน่วยของดิ๊งค์ที่ในขณะนั้นพวกนักเรียนบางคนถือว่าเป็นทหารที่เก่งที่สุด โดยที่ดิ๊งค์น่ะแหละเป็นคนขอตัวเขาไว้เอง
ในภาพยนตร์บทน้อยไปหน่อย แต่ในหนังสือแล้ว เป็นคนที่เอนเดอร์แอบจดบัญชีในใจไว้ว่า “ยังมีความเป็นมนุษย์เหลืออยู่”
เขาปฏิเสธไม่บัญชาการกองกำลัง แต่ขอเป็นแค่ Toon Leader ในกองกำลังแร็ท เพราะเขาไม่เห็นด้วยกับการเลี้ยงเด็กให้เป็นทหาร และยังคิดว่าความจริงแล้วไม่มีหรอกพวกแมลง แต่เป็นสงครามกับรัสเซียต่างหาก เอนเดอร์ไม่เห็นด้วยกับความคิดทั้งหมดของดิ๊งค์ แต่เมล็ดพันธุ์แห่งความเคลือบแคลงก็ถูกเพาะไว้ในใจของหนุ่มน้อยแล้ว ภายหลังเขายอมรับหน้าที่ในฐานะผู้บัญชาการกองกำลัง แต่บทก็น้อยลงกว่าเดิมเช่นกัน
ดิ๊งค์อาจจะไม่สนิทกับเอนเดอร์มากนัก แต่ก็ถือได้เป็นเพื่อนแท้ที่ไม่หันหน้าหนีในยามคับขัน ส่วนเรื่องความสามารถ เอนเดอร์เห็นว่าดิ๊งค์เก่งมาก แต่ถูกแนวคิดเรื่อง “ทิศทาง” มาจำกัดไว้ ในตอนท้ายซึ่งดิ๊งค์กลายมาเป็น Squadron Leader ลักษณะนี้ก็ยังไม่หายไป ทำให้เขาเก่ง เฉียบขาด แต่คิดแผนเฉพาะหน้าได้ไม่ดี
ถ้าจำไม่ผิด ดิ๊งค์ปรากฎตัวครั้งสุดท้ายหลังสงครามโดยกุมมืออยู่กับเพทราจ้ะ
Bean (รับบทโดย Aramis Knight)
หนูน้อยแก่นกระโหลกไขว้ ในภาพยนตร์เป็นลูกกระสวยรุ่นเดียวกับเอนเดอร์ แต่ในหนังสือนั้นปรากฎตัวครั้งแรกในฐานะสมาชิกของกองกำลังดราก้อนที่เพิ่งตั้ง เป็นคนเดียวในหมู่ทหารที่ได้เห็นด้านที่เป็นมนุษย์ของเอนเดอร์ และเป็นคนเดียวอีกเช่นกันที่เอนเดอร์ใช้อำนาจและพละกำลังเพื่อคุมความประพฤติก่อนที่จะเป็นเพื่อนกันในภายหลัง
บีน เป็นหนึ่งในทหารที่เด็กที่สุดและฉลาดที่สุด แต่ก็มีนิสัยต่อต้านผู้บังคับบัญชาด้วย บีนเลยสร้างความขัดแย้งในใจให้กับเอนเดอร์มาก เพราะนัยหนึ่ง เอนเดอร์เห็นตนเองในบีน แต่อีกด้านเอนเดอร์ก็ปฏิบัติต่อบีนเหมือนที่พวกครูปฏิบัติต่อเขา
ส่วนเรื่องความสามารถ ตั้งแต่ตอนแรก ๆ ที่เข้ากองกำลังเลยที่บีนประกาศก้องกับเอนเดอร์ว่า “ให้ฉันเป็น Toon Leader สิ” แต่เอนเดอร์ก็บอกให้แสดงความสามารถก่อนถึงจะยอม หลังจากนั้น เอนเดอร์ย่อยกองกำลังดราก้อนออกเป็นห้าหน่วยเล็ก แต่ละหน่วยก็มี Toon Leader แล้วก็รองหัวหน้าเป็นของตัวเอง (กองอื่น ๆ จะมีแค่ 4 หน่วย และไม่มีหัวหน้ารองจาก Toon Leader) ส่วนบีนนั้น ในช่วงหลัง ๆ ของกองกำลังดราก้อนนั่นแหละถึงจะได้รับภารกิจนำหน่วยลับ ที่ทำให้เอนเดอร์สามารถชนะเกมที่ไม่ยุติธรรมที่สุดได้ เมื่อเอนเดอร์สำเร็จการศึกษาบีนก็ได้รับมอบหมายให้บัญชาการกองกำลังทันทีก่อนกลายมาเป็น Squad Leader ผู้เชี่ยวชาญการบังคับกองกำลังขนาดเล็ก
พื้นที่หมดพอดี ว่างๆ จะนั่งเขียนเรื่องสามพี่น้องต่อค่ะ
[Ender's Game] Beyond the Movie: แนะนำตัวละครตามฉบับหนังสือ สปอยล์ 100%
ไม่ได้เล่นพันทิปมาสักพักแล้ว ถือเป็นกระทู้ฉลองเปลี่ยนชื่ออมยิ้มและขอสวนกระแสลำยองสักหน่อย เรื่องของเรื่องคือจขกท. เพิ่งอ่านหนังสือ Ender's Game จบลงไป และเพิ่งไปดูฉบับภาพยนตร์มาที่ลิโด้ตอนวันอาทิตย์ (สกาล่าเขาจัดคอนเสิร์ต) พอดูแล้วก็คันไม้คันมือ อยากจะคุยต่อ โดยเฉพาะเรื่องของตัวละครที่ในภาพยนตร์ทั้งเปลี่ยนและลดรายละเอียดลงไป
หลายคนไปดู Ender's Game แล้วพบว่าหนังช้าไปนิด ไม่ได้สะใจขนาดพลิกจักรวาล นี่เป็นเรื่องปกติ เพราะหนังสือเขาไม่เน้นแอ็คชั่น แต่เป็นการเล่าเรื่องชีวิตของเด็กคนหนึ่ง ที่ผู้ใหญ่คาดหวังว่าจะให้แบกรับอนาคตของมนุษยชาติ ในนัยหนึ่ง Ender's Game ค่อนข้างคล้ายกับ Hunger Game ตรงที่ว่าตัวเอกของเราต้องการแค่อยู่อย่างมีความสุข ไม่เคยคิดอยากทำร้ายใคร แต่ด้วยหน้าที่ เขาจำเป็นจะต้องทำ และในที่สุดสงครามก็ทิ้งบาดแผลในใจเอาไว้ และตั้งคำถามว่า "เราแลกอะไรเพื่อให้ชนะสงคราม"
ในหนังสือ พระเอกของเราอายุเพียง 6 ขวบเท่านั้นตอนถูกเกณฑ์ และอายุประมาณ 11 ขวบครึ่ง เมื่อสงครามจบ ดังนั้นจะเห็นว่าในภาพยนตร์เค้าทำให้แก่กว่าเดิมไปหลายปี ความโหดร้ายจึงดูลดลงบ้าง (และอีกอย่างคือน้อง Asa แกสูงมากจนมันหลุดฟีลไปนิด ถึงความทรงพลังจากการแสดงจะเต็มพิกัดก็ตาม)
เด็ก ๆ ในเรื่องนี้ทุกคนทั้ง "ขาด" และ "เกิน" จนตัวละครด้วยกันเองยังสังเกตเห็นเลยว่า "ทุกคนที่นี่น่ะบ้า" ซึ่งในกระทู้นี้ เราจะมาทำความรู้จักกันโดยเฉพาะตัวละครรุ่นเด็กที่ปรากฎในภาพยนตร์ รวมถึงปีเตอร์และวาเลนไทน์ ที่มีความสำคัญต่อเอนเดอร์การสร้างโลกใหม่
พร้อมหรือยังคะ มาเริ่มกันกับบรรดาทหารรุ่นเยาว์ เรียงจากลำดับที่ปรากฎในเรื่อง สำหรับน้องเอนเดอร์ ขอเขียนคนสุดท้ายละกันค่ะ
หมายเหตุ
- จขกท. อ่านจากฉบับภาษาอังกฤษ ตัวสะกดหรือคำแปลใด ๆ อาจไม่ตรงกับฉบับแปลอย่างเป็นทางการ
- ขออนุญาตแปล Army ว่า "กองกำลัง" เพราะใช้คำว่า "ทัพ" แล้วคงจะใหญ่ไป" และแปลทับศัพท์ เพราะไม่อยากเขียนว่า "กองกำลังหนู" มันฟังดูกระจ๊อกพิกล
- เนื้อหาในกระทู้จบแค่ Ender’s Game และกรุณาอย่าสปอยหนังสือภาคต่อนะคะ
Bernard (รับบทโดย Conor Corell)
ประเดิมกันคนแรกกับบูลลี่ประจำแก๊งค์ลูกกระสวย ในภาพยนตร์กลับตัวกลับใจและค่อนข้างเก่ง แต่ในหนังสือแล้วเบอร์นาร์ดเป็นตัวแสบลำดับสามที่คอยแกล้งเอนเดอร์ตั้งแต่วันแรก (นับจากปีเตอร์และ Stilson) โดยเริ่มสร้างวีรกรรมตั้งแต่อยู่ในยานอวกาศตอนที่นั่งจากโลก แต่แน่นอนว่าต้องเจ็บตัวไปตามระเบียบ เลยแอบแค้นตั้งแต่วันนั้น ถือเป็นอุปสรรคแรกของเอนเดอร์ในการควบคุมอำนาจภายในกลุ่มลูกกระสวย เพราะตอนนั้นไม่มีใครเอาเอนเดอร์เลย จนกระทั่งได้อาไลมาช่วยสมานฉันท์ ถ้าไม่มีอาไลเอนเดอร์คงลำบากกว่านี้อีกเยอะ แต่ภายหลัง เจ้าบูลลี่ก็ยอมมาเป็นหนึ่งในแก๊งค์ลูกกระจ๊อกที่มาช่วยล้อมเอนเดอร์ในห้องน้ำด้วย (แต่ก็ไม่ได้ลงมือนะ)
Alai (รับบทโดย Suraj Partha)
หนุ่มน้อยที่ถือได้ว่าเป็นเพื่อนคนแรกของเอนเดอร์ มีครั้งหนึ่งที่เอนเดอร์คิดไปคิดมาแล้วก็พบว่าอาไลมาแทนที่วาเลนไทน์เลยทีเดียว อาไลถูกเกณฑ์เข้ามาเป็นลูกกระสวยรุ่นเดียวกับเอนเดอร์ แต่เดิมทีเขาเป็นคนสนิทของเบอร์นาร์ดจนกระทั่งผูกมิตรกับตัวเอกของเราในชั่วโมงฝึกภาวะไร้แรงโน้มถ่วง ทำให้เอนเดอร์ซึ่งขณะนั้นมีปัญหาอยู่กับเบอร์นาร์ดเข้ากันได้ เพราะทั้งสองคนถือว่า “เข้ากลุ่ม” ของอาไลนั่นเอง
ในภาพยนตร์ เราจะเห็นอาไลเดินมาอำลาเอนเดอร์ แต่ในหนังสือนั้น เขาบรรยายไว้ดังนี้ค่ะ:
“On the impulse, Ender hugged him, almost as if he were Valentine. He even thought of Valentine then and wanted to go home ‘I don’t want to go,’ he said” (ข้ามไปสักสามสี่บรรทัด)
“Alai suddenly kissed Ender on the cheek and whispered in his ear “Salaam.” Then, red-faced, he turned away and walked to his own bed at the back of the barracks. Ender guessed that the kiss and the word were somehow forbidden. Or maybe the word had some private and powerful meaning for Alai alone.”
จุมพิตแผ่วเบาบนแก้มของเอนเดอร์จะมีความหมายอย่างไรนั้น แม้แต่ตัวเด็กหนุ่มเองก็ไม่ทราบ เขารู้เพียงแต่ว่ามันเป็นของขวัญอันศักดิ์สิทธิ์ที่อาไลมอบให้ (สรุปความต่อจากนั้น)
ความสัมพันธ์ระหว่างเอนเดอร์กับเพื่อนทุกคนจะค่อนข้างเหินห่าง เช่นเดียวกัน มิตรภาพระหว่างอาไลกับพระเอกก็จืดจางไปในช่วงที่เอนเดอร์รับหน้าที่นำกองกำลังดราก้อน
สำหรับความสามารถนั้น เขาเป็นรองแค่เอนเดอร์ ขนาดเมเซอร์ถามว่า “จะมีใครมาแทนเธอได้?” เอนเดอร์ยังตอบโดยไม่เสียเวลาคิด “อาไล” และยังเห็นว่าอาไลคนเดียวสามารถควบคุมกองยานรบได้ครึ่งหนึ่ง ตอนที่เอนเดอร์ได้เป็น Toon Leader นั้น อาไลก็ได้เป็นเช่นกันแม้จะอยู่กันคนละกองกำลัง นอกจากนี้ ในเรื่องของการเคลื่อนไหวใน Battle Room แล้ว ถ้าไม่สูสีก็น่าจะเก่งกว่าเอนเดอร์ทีเดียวเลยล่ะ
Petra (รับบทโดย Hailee Steinfeld)
นักแม่นปืนสาวแห่งกองกำลังซาลาแมนเดอร์ แม้จะเหมือนสุนัขหัวเน่าที่บอนโซ่ไม่ชอบ แต่มีอิสสระทุกอย่างที่ต้องการเพราะฝีมือยิงปืนที่แม่นราวกับจับวางทำให้เธอมีค่ายิ่งในกองกำลัง ในภาพยนตร์ ดูเหมือนว่าเพทราจะรับบทนางเอกกลาย ๆ แต่ในหนังสือแล้ว เธอเป็นเพื่อนคนสำคัญก็จริงแต่น่าจะ (เน้นคำว่า “น่าจะ”) ตรงใจกันกับนายดิ๊งค์เสียมากกว่า
เพทรา ปรากฎตัวครั้งแรกเมื่อเอนเดอร์ถูกสั่งให้ไปประจำการกอง ซาลาแมนเดอร์ ในตอนแรกนั้นนายเอนเดอร์ก็ไม่ได้คิดจะผูกสัมพันธ์ไมตรีอะไรขนาดนั้น แต่พอเห็นว่าเจ้าบอนโซมันไม่เอาถ่าน ใช้ไม่ได้ ก็เลยคิดว่าเป็นเพื่อนกับเพทราไว้น่าจะดีกว่า ซึ่งเพทราก็ช่วยเอนเดอร์ฝึกในตอนแรกสุด แต่เธอคิดว่าถ้าอยากจะเลื่อนขั้น ต้องไปเล่นที่ Game Room บ่อย ๆ เป็นผลให้เอนเดอร์ไม่มีใครฝึกด้วยจนต้องไปชวนพวกลูกกระสวยรุ่นเดียวกันมาฝึกและโดนเพ่งเล็งจากพวกทหารเก่าทุกคน พอครั้นเอนเดอร์ได้เป็นผู้บัญชาการกองกำลังดราก้อนแล้ว เป็นเพทราที่ทำแต้มจากเอนเดอร์ได้มากที่สุด ตอนนั้นมิตรภาพของทั้งคู่ก็ขาดสะบั้นไปชั่วคราว จนมาถึงวิกฤตอันตรายในโรงเรียนทหารที่ทำให้เอนเดอร์มั่นใจอีกครั้งว่าเธอนี่แหละเป็นเพื่อนจริง
แม้ว่าในด้านความสามารถแล้ว เธออาจเป็นรองแค่เอนเดอร์กับอาไล แต่เพทราก็ไม่ได้เข้มแข็งไปทุกกระเบียดนิ้ว เธอเป็น Squadron Leader คนแรกที่เจอความเครียดโถมกระหน่ำเสียจนต้องพักงาน และเมื่อกลับมาประจำการ เอนเดอร์ก็พบว่าเธอไม่เฉียบขาดเหมือนเก่า ทำให้เขาต้องผลัดเอาคนอื่น ๆ ที่เก่งน้อยกว่ามาใช้งานแทน
Bonzo (Bonito de Madrid) (รับบทโดย Moises Arias)
สำหรับผู้ชมและผู้อ่านแล้ว บอนโซ่ถือเป็นหนึ่งในวายร้ายตัวฉกาจที่คอยบ่อนทำลายตัวเอก แต่ดูเหมือนว่าเอนเดอร์จะไม่ได้เกลียดบอนโซ่มากขนาดนั้น แค่คิดว่าโง่เท่านั้นเอง อย่างไรก็ดี เขาถือเป็นตัวละครหลักที่หล่อหลอมเอนเดอร์โดยไม่รู้ตัวเช่นกัน
ในภาพยนตร์จะเห็นว่าบอนโซ่ค่อนข้างอันธพาล ส่วนในหนังสือนั้นก็มีวีรกรรมนอกเหนือไปจากที่เราเห็นอีก เขาปรากฎตัวในฐานะผู้บัญชาการกองกำลังซาลาแมนเดอร์ที่มีทหาร 40 คน โดยยึดมั่นเรื่องวินัยอย่างเคร่งครัด ทุกอย่างต้องเป๊ะ Formation ต้องพร้อม ห้องต้องสะอาด ฯลฯ
สิ่งที่แตกต่างออกไปจากคนอื่นก็คือ ในเรื่องที่แทบไม่มีการกล่าวถึงรูปลักษณ์ของตัวละครเลย เว้นเพียงแต่ว่าร่างเล็กหรือร่างใหญ่ (มีเหน็บแนมเกี่ยวกับสีผิวบ้าง) แต่กับบอนโซ่นั้นยังอุตส่าห์บรรยายไว้ว่า
“A boy stood there, taller and slender, with beautiful black eyes and slender lips that hinted at refinements. I would follow such beauty, said something inside Ender. I would see as those eyes see.”
บอนโซ่เป็นหนุ่มรูปงามมาก แต่ก็เจ้าคิดเจ้าแค้นมากด้วย เขาออกคำสั่งห้ามไม่ให้เอนเดอร์ทำอะไรทั้งสิ้นเช่นเดียวกับในภาพยนตร์ แต่ในภาคหนังสือนั้น เอนเดอร์ฝืนคำสั่งเพื่อช่วยให้เสมอกับฝ่ายตรงข้าม แต่ผลก็คือตัวเอกของเรากลับโดนลงโทษด้วยบาทาก่อนจะถูกย้าย เอนเดอร์ไม่ได้เก็บความแค้นนี้ไว้ เพียงแต่คิดว่าเขาเรียนรู้ทุกอย่างที่เรียนได้จากบอนโซ่แล้ว นั่นคือ “แพ้อย่างไรให้มีสไตล์” หลังจากนั้น เมื่อเอนเดอร์จัดคลาสเรียนส่วนตัว ก็เป็นบอนโซ่นี่แหละที่รวบรวมคนมาก่อกวน
เนื่องจากกระทู้นี้สปอยล์เต็มที่ คนที่สงสัยว่าบอนโซ่ตายหรือไม่ คำตอบคือตาย เป็นคนที่สองที่เอนเดอร์ไม่เจตนาฆ่า (สองศพนี้จะกลายเป็นประเด็นเล็ก ๆ ในภายหลัง) เอนเดอร์ไม่รู้เรื่องนี้จนกระทั่งเมื่อสงครามจบลง แต่ตอนที่เขาออกจากโรงเรียนนั่นแหละ ที่บอนโซ่ออกมาด้วย...ในถุงเก็บศพ
Dink Meeker (รับบทโดย Khylin Rhambo)
ถือว่าเป็นผู้บังคับบัญชาคนแรกของเอนเดอร์ที่ปฏิบัติต่อเขาเช่นทหาร หลังจากที่เอนเดอร์ย้ายจากกองกำลังซาลาแมนเดอร์เข้ามาสู่กองกำลังแร็ท ก็เข้าหน่วยของดิ๊งค์ที่ในขณะนั้นพวกนักเรียนบางคนถือว่าเป็นทหารที่เก่งที่สุด โดยที่ดิ๊งค์น่ะแหละเป็นคนขอตัวเขาไว้เอง
ในภาพยนตร์บทน้อยไปหน่อย แต่ในหนังสือแล้ว เป็นคนที่เอนเดอร์แอบจดบัญชีในใจไว้ว่า “ยังมีความเป็นมนุษย์เหลืออยู่”
เขาปฏิเสธไม่บัญชาการกองกำลัง แต่ขอเป็นแค่ Toon Leader ในกองกำลังแร็ท เพราะเขาไม่เห็นด้วยกับการเลี้ยงเด็กให้เป็นทหาร และยังคิดว่าความจริงแล้วไม่มีหรอกพวกแมลง แต่เป็นสงครามกับรัสเซียต่างหาก เอนเดอร์ไม่เห็นด้วยกับความคิดทั้งหมดของดิ๊งค์ แต่เมล็ดพันธุ์แห่งความเคลือบแคลงก็ถูกเพาะไว้ในใจของหนุ่มน้อยแล้ว ภายหลังเขายอมรับหน้าที่ในฐานะผู้บัญชาการกองกำลัง แต่บทก็น้อยลงกว่าเดิมเช่นกัน
ดิ๊งค์อาจจะไม่สนิทกับเอนเดอร์มากนัก แต่ก็ถือได้เป็นเพื่อนแท้ที่ไม่หันหน้าหนีในยามคับขัน ส่วนเรื่องความสามารถ เอนเดอร์เห็นว่าดิ๊งค์เก่งมาก แต่ถูกแนวคิดเรื่อง “ทิศทาง” มาจำกัดไว้ ในตอนท้ายซึ่งดิ๊งค์กลายมาเป็น Squadron Leader ลักษณะนี้ก็ยังไม่หายไป ทำให้เขาเก่ง เฉียบขาด แต่คิดแผนเฉพาะหน้าได้ไม่ดี
ถ้าจำไม่ผิด ดิ๊งค์ปรากฎตัวครั้งสุดท้ายหลังสงครามโดยกุมมืออยู่กับเพทราจ้ะ
Bean (รับบทโดย Aramis Knight)
หนูน้อยแก่นกระโหลกไขว้ ในภาพยนตร์เป็นลูกกระสวยรุ่นเดียวกับเอนเดอร์ แต่ในหนังสือนั้นปรากฎตัวครั้งแรกในฐานะสมาชิกของกองกำลังดราก้อนที่เพิ่งตั้ง เป็นคนเดียวในหมู่ทหารที่ได้เห็นด้านที่เป็นมนุษย์ของเอนเดอร์ และเป็นคนเดียวอีกเช่นกันที่เอนเดอร์ใช้อำนาจและพละกำลังเพื่อคุมความประพฤติก่อนที่จะเป็นเพื่อนกันในภายหลัง
บีน เป็นหนึ่งในทหารที่เด็กที่สุดและฉลาดที่สุด แต่ก็มีนิสัยต่อต้านผู้บังคับบัญชาด้วย บีนเลยสร้างความขัดแย้งในใจให้กับเอนเดอร์มาก เพราะนัยหนึ่ง เอนเดอร์เห็นตนเองในบีน แต่อีกด้านเอนเดอร์ก็ปฏิบัติต่อบีนเหมือนที่พวกครูปฏิบัติต่อเขา
ส่วนเรื่องความสามารถ ตั้งแต่ตอนแรก ๆ ที่เข้ากองกำลังเลยที่บีนประกาศก้องกับเอนเดอร์ว่า “ให้ฉันเป็น Toon Leader สิ” แต่เอนเดอร์ก็บอกให้แสดงความสามารถก่อนถึงจะยอม หลังจากนั้น เอนเดอร์ย่อยกองกำลังดราก้อนออกเป็นห้าหน่วยเล็ก แต่ละหน่วยก็มี Toon Leader แล้วก็รองหัวหน้าเป็นของตัวเอง (กองอื่น ๆ จะมีแค่ 4 หน่วย และไม่มีหัวหน้ารองจาก Toon Leader) ส่วนบีนนั้น ในช่วงหลัง ๆ ของกองกำลังดราก้อนนั่นแหละถึงจะได้รับภารกิจนำหน่วยลับ ที่ทำให้เอนเดอร์สามารถชนะเกมที่ไม่ยุติธรรมที่สุดได้ เมื่อเอนเดอร์สำเร็จการศึกษาบีนก็ได้รับมอบหมายให้บัญชาการกองกำลังทันทีก่อนกลายมาเป็น Squad Leader ผู้เชี่ยวชาญการบังคับกองกำลังขนาดเล็ก
พื้นที่หมดพอดี ว่างๆ จะนั่งเขียนเรื่องสามพี่น้องต่อค่ะ