สรรพากรเร่งศึกษาแนวทางจัดเก็บภาษีซื้อขายแอพพลิเคชั่นบนมือถือ หลังพบมูลค่าการตลาดสูงปรี๊ด โดยวงการไอที ชี้ ยอดซื้อขายปีที่แล้วสูงถึง 1.5 หมื่นล้าน หากเก็บภาษีจริง รัฐจะได้เงินเพิ่มไม่ต่ำกว่า 1.4 พันล้าน

เมื่อวันที่ 4 พฤศจิกายน 2556 นายสุทธิชัย สังขมณี อธิบดีกรมสรรพากร กล่าวว่า เนื่องจากปัจจุบันนี้ธุรกิจการโหลดแอพพลิเคชั่นบนโทรศัพท์มือถือเติบโตขึ้นมาก และมีมูลค่าการตลาดสูงอย่างต่อเนื่องตามการเปลี่ยนแปลงของโลกปัจุบัน แต่กรมยังไม่สามารถตามเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มจากธุรกรรมดังกล่าวได้ จึงได้มอบหมายให้สำนักแผนภาษีไปศึกษาแนวทางการจัดเก็บภาษีที่เกี่ยวกับธุรกิจโหลดแอพพลิเคชั่น เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดเก็บรายได้

อธิบดีกรมสรรพากร ระบุด้วยว่า อย่างไรก็ตามต้องไปศึกษาการจัดเก็บภาษีในลักษณะนี้จากต่างประเทศด้วยว่ามีการจัดเก็บกันอย่างไร เพราะผู้ให้บริการส่วนใหญ่อยู่ต่างประเทศ ไม่ได้ตั้งบริษัทในประเทศไทย จึงเก็บภาษีได้ยาก ซึ่งหากจะผลักดันเรื่องนี้ก็ต้องทำให้เกิดเป็นความร่วมมือกันระหว่างประเทศ หรือในเวทีประชุมระดับนานาชาติ อย่างเช่นการนำอนุสัญญาภาษีซ้อนที่ไทยทำข้อตกลงไว้กับประเทศสมาชิก 55 ประเทศมาใช้เป็นเครื่องมือช่วยจัดเก็บภาษี

ด้านนายพีรพัฒน์ โปษยานนท์ ที่ปรึกษาด้านภาษี บริษัท ไพร์ซวอเตอร์เฮ้าส์คูเปอร์ส ประเทศไทย มองว่าการจัดเก็บภาษีโหลดแอพพลิเคชั่นบนโทรศัพท์มือถือเป็นเรื่องที่ทำได้ยาก เพราะต้องมีหน่วยงานกลางเข้ามาประเมินมูลค่าการดาวน์โหลด หากจะทำจริง ๆ ก็ต้องศึกษาอย่างละเอียดรอบคอบ ทั้งนี้ ปกติแล้วการซื้อขายแอพพลิเคชั่นจากผู้ขายในต่างประเทศจะจ่ายเงินผ่านระบบธนาคาร หรือหักจากบัตรเครดิต ซึ่งปัจจุบันยังไม่มีกฎหมายระหว่างประเทศให้ส่งภาษีมูลค่าเพิ่มให้กับประเทศที่เกิดธุรกรรมซื้อขาย

ขณะที่มีรายงานข่าวจากวงการไอที ว่า ปีที่ผ่านมามูลค่าตลาดซื้อขายแอพพลิเคชั่นสูงถึง 1.5 หมื่นล้านบาท และคาดว่าในปีนี้มูลค่าจะพุ่งถึงปีละ 2 หมื่นล้านบาท นอกจากนี้มูลค่าจะเติบโตขึ้นทุกปี เพราะคนหันมาใช้โทรศัพท์สมาร์ทโฟนกันมากขึ้น หากมีการจัดเก็บภาษีจริงก็จะทำให้รัฐมีรายได้เพิ่มขึ้นไม่น้อยกว่าปีละ 1,400 ล้านบาท

ที่มา http://www.toptenthailand.com/8061-news.html