ขอเอากระทู้มาตั้งซ้ำ เพราะอยากให้คนไทยเข้าใจเรื่องนี้อย่างถูกต้อง
.............................................................................................
ข้อมูลพื้นฐานเกี่ยวกับ พรบ นิรโทษกรรม ฉบับสุดซอย สำหรับผู้ไม่ได้ติดตามการเมือง
.............................................................................................
ถ้าเห็นว่ามีประโยชน์ ช่วยส่งต่อ ให้คนไทยได้เข้าใจเรื่องนี้ดีขึ้น
.............................................................................................
มีน้องคนหนึ่งตั้งกระทู้ถามว่า
" คือหนูอยากรู้เรื่องนิรโทษกรรมมากๆอะค่ะ หนูก็พยายามอ่านข่าวแล้วนะคะ แต่ไม่เข้าใจ บางทีศัพท์มันยากอะค่ะ ไม่ได้เรียนมาทางสายรัฐศาสตร์หรือกฏหมาย เลยอยากให้พี่ๆช่วยอธิบายหน่อยว่า ตกลงตอนนี้มันผ่านหรือยังคะ แล้วถ้ามีคนที่จะกลับมาเค้าจะกลับมาได้หรือยังคะ
แล้วสุดซอยคืออะไร 310:0คืออะไรคะ หนูอ่านข่าวมาก็งงว่าทำไมไม่มีใครค้านเลยหรอคะ หรือหนูอ่านมาผิด ประเด็นนอกจากนี้ก็บอกมาได้นะคะ เอาที่มันเกี่ยวกับข่าวนี้ ช่วยอธิบายเป็นภาษาพูดให้หน่อยเถอะนะคะ ถือว่าช่วยคนอยากรู้ข่าวสารแต่ไม่เข้าใจละกันค่ะ ขอบคุณมากค่ะ "
คำตอบคือ
"มาอธิบายให้ครับ
ในสภามี สส 500 คน ผมเรียกว่า สภาโจร 500
แบ่งเป็น
พรรคเพื่อไทย (264)
พรรคประชาธิปัตย์ (161)
พรรคภูมิใจไทย (34)
พรรคชาติไทยพัฒนา (19)
พรรคอื่นๆ (23)
ขั้นตอนการออก พรบ
โดยย่อ คือ มีผู้เสนอร่าง , เข้าที่ประชุม สส , เข้าที่ประชุม สว , นำขึ้นทูลเกล้า , ลงพระปรมาภิไธย , ประกาศใช้
ดังนั้น คำถามที่ว่า ผ่านหรือยัง ตอบว่า ผ่านในขั้นตอน สส. ต่อไปต้องเข้าที่ประชุม สว ตามขั้นตอน
ก็คือว่า ยังไม่มีผลบังคับใช้ ทักษิณก็ยังกลับมาแบบไร้ความผิดไม่ได้
ทีนี้มาเรื่องยาว พรบนิรโทษกรรมสุดซอย
ก่อนอื่นขอทำความเข้าใจก่อนว่า ชั่วโมงนี้ จะหาคนไทยที่สนใจการเมืองแล้วไม่เลือกข้าง ยากเต็มที
แม้เป็นสื่อมวลชน ก็แบ่งข้างกันไปเรียบร้อยแล้ว
การเลือกข้าง จะมาพร้อมความคิดเห็นที่เป็นอคติ 4 คือ ลำเอียงเพราะรัก ลำเอียงเกลียด ลำเอียงเพราะกลัว ลำเอียงเพราะโง่เขลา ดังนั้น เมื่อหนูอ่านความเห็นใครๆในเรื่องนี้ อย่าเพิ่งเชื่อ แต่ให้เก็บข้อมูล แล้วคิดด้วยตัวเองว่าความจริงควรเป็นอย่างไร
ผมก็เลือกข้างแล้ว ผมไม่เอาทักษิณ ดังนั้นผมอาจมีความเห็นที่เป็นอคติ หนูต้องระวังการอ่านความเห็นของผม
ผมขอไม่ร่ายยาวกลับไปถึงที่มาของการแบ่งสีของคนไทย แต่จะเข้าประเด็นที่ถาม
ถ้าเริ่มต้นที่ต้นซอย คือ ยังไม่มีพรบ นิรโทษกรรมนี้เลย
แนวคิดในตอนแรก ที่มีคนเสนอ พรบนิรโทษกรรม คือ ล้างความผิดทั้งปวง ให้กับผู้ชุมนุมที่เป็นประชาชนเท่านั้น โดยไม่ล้างผิดให้กับแกนนำ ผู้สั่งการ และรัฐบาล แบบนี้เรียกว่ากลางซอย ซึ่งเป็นร่างที่เสนอมาโดย นาย วรชัย เหมะ พรรคเพื่อไทย
ต่อมา ด้วยกระบวนการทางสภา เปิดโอกาสให้แก้ไขร่าง พรบ ที่เสนอมาได้
จึงมีการเสนอแก้ โดยสส พรรคเพื่อไทยอีกคนหนึ่ง คือนายประยุทธ์ ศิริพาณิชย์
http://hilight.kapook.com/view/92851
นายประยุทธ์ ได้กล่าวไว้ว่า ที่แก้ พรบแบบนี้ เพื่อให้ทักษิณได้กลับบ้าน
เนื่อหาที่แก้ คือ ขยายเวลา และผู้ได้รับการนิรโทษ ให้ครอบคลุม แกนนำ ผู้สั่งการ ผู้ที่ได้รับผลจากการปฎิวัติ ให้พ้นผิดโดยสิ้นเชิง
แบบนี้ เรียกว่า สุดซอย ก็คือ เต็มที่ไปเลย บางคนเรียก ยกเข่ง จำได้ว่า เฉลิมนำมาพูดเป็นคนแรก
วันนั้นที่ประชุม อภิปรายร่าง พรบ
พรรคเพื่อไทยเล่นเกมสกปรก ปิดหูปิดตาประชาชน
คือ สมมติว่า พรรคประชาธิปัตย์ ลงชื่อขออภิปรายไว้ 10 คน
พอพูดไปได้แค่ คนที่ 3 กำลังพูดอยู่ พรรคเพื่อไทยจะยกมือประท้วง
เมื่อประธานให้ประท้วง กลับเสนอญัตติขอปิดอภิปรายในประเด็นนั้น
แล้วใช้เสียงข้างมากโหวตเอาชนะได้ทุกครั้ง ทุกวาระที่อภิปราย
ครั้งแล้วครั้งเล่า จนในที่สุด ประชาธิปัตย์ ก็ประท้วงโดยการเดินออกนอกที่ประชุม
พรรคเพื่อไทยก็ลงมติ ชนะแบบไม่มีผู้ค้าน
ดังนี้แล หวังว่าจะอ่านเข้าใจ "
"ทีนี้มาถึงประเด็นสำคัญที่สุด ของเรื่องนี้
ที่คนไทยควรรู้
ว่าทำไมองค์กรเอกชนต่างๆ ที่เคยนิ่งเฉยกับความขัดแย้งทางการเมือง ต้องออกมาเคลื่อนไหวในครั้งนี้
การนิรโทษกรรมแบบยกเข่งหนีสุดซอยในครั้งนี้
มันไม่ได้มีผลเฉพาะดคีการชุมนุมทางการเมืองเท่านั้น
แต่ครอบคลุมถึงคดีทุจริตคอร์รับชัน และคดีอาญาที่มีการสังหารทหารและประชาชนด้วย
ถ้าความผิดที่รุนแรงแบบนี้ สามารถล้างโดยการออกกฏหมายนิรโทษกรรมได้
ต่อไปไม่ว่าใครที่เป็นรัฐบาล จะโกงอย่างไร จะฆ่าใคร ก็ทำได้ แล้วล้างผิดให้ตัวเองด้วยกฏหมายแบบนี้ ครั้งแล้วครั้งเล่า
ประเทศไทยจะเป็นอย่างไร
นี่เป็นเรื่องที่องค์กรเอกชนคัดค้าน
เรื่องการโกงของทักษิณ
ถ้าเห็นว่า คตส คือคณะตรวจสอบทรัพย์สิน ตั้งโดยคณะปฎิวัติ มีความลำเอียง ป้ายสีทักษิณ
ก็สามารถยกเลิกผลการตรวจสอบนั้น แล้วนำเข้าสู่กระบวนการตรวจสอบใหม่ได้
แต่เขาไม่ทำ มุ่งจะล้างผิดเลย เพราะอะไร
เพราะ แท้จริงแล้ว คตส เป็นแค่ผู้รวบรวมหลักฐาน แล้วสรุปให้ศาลพิจารณา เพื่อตัดสิน
ดังนั้น แม้จะรื้อคดีมาพิจารณาใหม่ ความจริงก็คือความจริง ไม่สามารถหนีความจริงไปได้
มาที่เรื่องการฆ่าประชาชน
มีความเห็นที่ตรงข้ามกัน 2 ฝ่าย
ฝ่ายหนึ่งกล่าวหารัฐบาลอภิสิทธิ์ ว่าสั่งการให้ทหารฆ่าประชาชนมือเปล่า
อีกฝ่ายหนึ่งเห็นว่า มีชายชุดดำ ที่มีอาวุธสงคราม อยู่ในกลุ่มผู้ชุมนุม และเป็นผู้เปิดฉากความรุนแรง ยิงเข้าใส่ผู้ชุมนุมและทหารก่อน
ทำให้ทหารต้องใช้อาวุธจริงเข้าตอบโต้
เถียงกันไม่จบ เพราะไม่เคยมีการพิสูจน์กันอย่างแท้จริง
หนูคิดว่า ความคิดที่ต่างกันขนาดนี้ จะจบลงได้อย่างไร
จะบอกว่า เอาละ หยุดทะเลาะกันได้แล้ว มาดีกันเถอะ ไม่ต้องค้นหาความจริง
หรือ จะพิสูจน์ความจริงให้ปรากฏออกมา เพื่อลงโทษในความผิดที่ร้ายแรง และให้อภัยกันในเรื่องราวที่เหลือ
แบบไหนจะปรองดองได้
นี่เป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่มีผู้คัดค้าน พรบนี้ "
ข้อมูลที่ควรรู้เกี่ยวกับ พรบ นิรโทษกรรม ฉบับสุดซอย สำหรับผู้ไม่ได้ติดตามการเมือง
.............................................................................................
ข้อมูลพื้นฐานเกี่ยวกับ พรบ นิรโทษกรรม ฉบับสุดซอย สำหรับผู้ไม่ได้ติดตามการเมือง
.............................................................................................
ถ้าเห็นว่ามีประโยชน์ ช่วยส่งต่อ ให้คนไทยได้เข้าใจเรื่องนี้ดีขึ้น
.............................................................................................
มีน้องคนหนึ่งตั้งกระทู้ถามว่า
" คือหนูอยากรู้เรื่องนิรโทษกรรมมากๆอะค่ะ หนูก็พยายามอ่านข่าวแล้วนะคะ แต่ไม่เข้าใจ บางทีศัพท์มันยากอะค่ะ ไม่ได้เรียนมาทางสายรัฐศาสตร์หรือกฏหมาย เลยอยากให้พี่ๆช่วยอธิบายหน่อยว่า ตกลงตอนนี้มันผ่านหรือยังคะ แล้วถ้ามีคนที่จะกลับมาเค้าจะกลับมาได้หรือยังคะ
แล้วสุดซอยคืออะไร 310:0คืออะไรคะ หนูอ่านข่าวมาก็งงว่าทำไมไม่มีใครค้านเลยหรอคะ หรือหนูอ่านมาผิด ประเด็นนอกจากนี้ก็บอกมาได้นะคะ เอาที่มันเกี่ยวกับข่าวนี้ ช่วยอธิบายเป็นภาษาพูดให้หน่อยเถอะนะคะ ถือว่าช่วยคนอยากรู้ข่าวสารแต่ไม่เข้าใจละกันค่ะ ขอบคุณมากค่ะ "
คำตอบคือ
"มาอธิบายให้ครับ
ในสภามี สส 500 คน ผมเรียกว่า สภาโจร 500
แบ่งเป็น
พรรคเพื่อไทย (264)
พรรคประชาธิปัตย์ (161)
พรรคภูมิใจไทย (34)
พรรคชาติไทยพัฒนา (19)
พรรคอื่นๆ (23)
ขั้นตอนการออก พรบ
โดยย่อ คือ มีผู้เสนอร่าง , เข้าที่ประชุม สส , เข้าที่ประชุม สว , นำขึ้นทูลเกล้า , ลงพระปรมาภิไธย , ประกาศใช้
ดังนั้น คำถามที่ว่า ผ่านหรือยัง ตอบว่า ผ่านในขั้นตอน สส. ต่อไปต้องเข้าที่ประชุม สว ตามขั้นตอน
ก็คือว่า ยังไม่มีผลบังคับใช้ ทักษิณก็ยังกลับมาแบบไร้ความผิดไม่ได้
ทีนี้มาเรื่องยาว พรบนิรโทษกรรมสุดซอย
ก่อนอื่นขอทำความเข้าใจก่อนว่า ชั่วโมงนี้ จะหาคนไทยที่สนใจการเมืองแล้วไม่เลือกข้าง ยากเต็มที
แม้เป็นสื่อมวลชน ก็แบ่งข้างกันไปเรียบร้อยแล้ว
การเลือกข้าง จะมาพร้อมความคิดเห็นที่เป็นอคติ 4 คือ ลำเอียงเพราะรัก ลำเอียงเกลียด ลำเอียงเพราะกลัว ลำเอียงเพราะโง่เขลา ดังนั้น เมื่อหนูอ่านความเห็นใครๆในเรื่องนี้ อย่าเพิ่งเชื่อ แต่ให้เก็บข้อมูล แล้วคิดด้วยตัวเองว่าความจริงควรเป็นอย่างไร
ผมก็เลือกข้างแล้ว ผมไม่เอาทักษิณ ดังนั้นผมอาจมีความเห็นที่เป็นอคติ หนูต้องระวังการอ่านความเห็นของผม
ผมขอไม่ร่ายยาวกลับไปถึงที่มาของการแบ่งสีของคนไทย แต่จะเข้าประเด็นที่ถาม
ถ้าเริ่มต้นที่ต้นซอย คือ ยังไม่มีพรบ นิรโทษกรรมนี้เลย
แนวคิดในตอนแรก ที่มีคนเสนอ พรบนิรโทษกรรม คือ ล้างความผิดทั้งปวง ให้กับผู้ชุมนุมที่เป็นประชาชนเท่านั้น โดยไม่ล้างผิดให้กับแกนนำ ผู้สั่งการ และรัฐบาล แบบนี้เรียกว่ากลางซอย ซึ่งเป็นร่างที่เสนอมาโดย นาย วรชัย เหมะ พรรคเพื่อไทย
ต่อมา ด้วยกระบวนการทางสภา เปิดโอกาสให้แก้ไขร่าง พรบ ที่เสนอมาได้
จึงมีการเสนอแก้ โดยสส พรรคเพื่อไทยอีกคนหนึ่ง คือนายประยุทธ์ ศิริพาณิชย์ http://hilight.kapook.com/view/92851
นายประยุทธ์ ได้กล่าวไว้ว่า ที่แก้ พรบแบบนี้ เพื่อให้ทักษิณได้กลับบ้าน
เนื่อหาที่แก้ คือ ขยายเวลา และผู้ได้รับการนิรโทษ ให้ครอบคลุม แกนนำ ผู้สั่งการ ผู้ที่ได้รับผลจากการปฎิวัติ ให้พ้นผิดโดยสิ้นเชิง
แบบนี้ เรียกว่า สุดซอย ก็คือ เต็มที่ไปเลย บางคนเรียก ยกเข่ง จำได้ว่า เฉลิมนำมาพูดเป็นคนแรก
วันนั้นที่ประชุม อภิปรายร่าง พรบ
พรรคเพื่อไทยเล่นเกมสกปรก ปิดหูปิดตาประชาชน
คือ สมมติว่า พรรคประชาธิปัตย์ ลงชื่อขออภิปรายไว้ 10 คน
พอพูดไปได้แค่ คนที่ 3 กำลังพูดอยู่ พรรคเพื่อไทยจะยกมือประท้วง
เมื่อประธานให้ประท้วง กลับเสนอญัตติขอปิดอภิปรายในประเด็นนั้น
แล้วใช้เสียงข้างมากโหวตเอาชนะได้ทุกครั้ง ทุกวาระที่อภิปราย
ครั้งแล้วครั้งเล่า จนในที่สุด ประชาธิปัตย์ ก็ประท้วงโดยการเดินออกนอกที่ประชุม
พรรคเพื่อไทยก็ลงมติ ชนะแบบไม่มีผู้ค้าน
ดังนี้แล หวังว่าจะอ่านเข้าใจ "
"ทีนี้มาถึงประเด็นสำคัญที่สุด ของเรื่องนี้
ที่คนไทยควรรู้
ว่าทำไมองค์กรเอกชนต่างๆ ที่เคยนิ่งเฉยกับความขัดแย้งทางการเมือง ต้องออกมาเคลื่อนไหวในครั้งนี้
การนิรโทษกรรมแบบยกเข่งหนีสุดซอยในครั้งนี้
มันไม่ได้มีผลเฉพาะดคีการชุมนุมทางการเมืองเท่านั้น
แต่ครอบคลุมถึงคดีทุจริตคอร์รับชัน และคดีอาญาที่มีการสังหารทหารและประชาชนด้วย
ถ้าความผิดที่รุนแรงแบบนี้ สามารถล้างโดยการออกกฏหมายนิรโทษกรรมได้
ต่อไปไม่ว่าใครที่เป็นรัฐบาล จะโกงอย่างไร จะฆ่าใคร ก็ทำได้ แล้วล้างผิดให้ตัวเองด้วยกฏหมายแบบนี้ ครั้งแล้วครั้งเล่า
ประเทศไทยจะเป็นอย่างไร
นี่เป็นเรื่องที่องค์กรเอกชนคัดค้าน
เรื่องการโกงของทักษิณ
ถ้าเห็นว่า คตส คือคณะตรวจสอบทรัพย์สิน ตั้งโดยคณะปฎิวัติ มีความลำเอียง ป้ายสีทักษิณ
ก็สามารถยกเลิกผลการตรวจสอบนั้น แล้วนำเข้าสู่กระบวนการตรวจสอบใหม่ได้
แต่เขาไม่ทำ มุ่งจะล้างผิดเลย เพราะอะไร
เพราะ แท้จริงแล้ว คตส เป็นแค่ผู้รวบรวมหลักฐาน แล้วสรุปให้ศาลพิจารณา เพื่อตัดสิน
ดังนั้น แม้จะรื้อคดีมาพิจารณาใหม่ ความจริงก็คือความจริง ไม่สามารถหนีความจริงไปได้
มาที่เรื่องการฆ่าประชาชน
มีความเห็นที่ตรงข้ามกัน 2 ฝ่าย
ฝ่ายหนึ่งกล่าวหารัฐบาลอภิสิทธิ์ ว่าสั่งการให้ทหารฆ่าประชาชนมือเปล่า
อีกฝ่ายหนึ่งเห็นว่า มีชายชุดดำ ที่มีอาวุธสงคราม อยู่ในกลุ่มผู้ชุมนุม และเป็นผู้เปิดฉากความรุนแรง ยิงเข้าใส่ผู้ชุมนุมและทหารก่อน
ทำให้ทหารต้องใช้อาวุธจริงเข้าตอบโต้
เถียงกันไม่จบ เพราะไม่เคยมีการพิสูจน์กันอย่างแท้จริง
หนูคิดว่า ความคิดที่ต่างกันขนาดนี้ จะจบลงได้อย่างไร
จะบอกว่า เอาละ หยุดทะเลาะกันได้แล้ว มาดีกันเถอะ ไม่ต้องค้นหาความจริง
หรือ จะพิสูจน์ความจริงให้ปรากฏออกมา เพื่อลงโทษในความผิดที่ร้ายแรง และให้อภัยกันในเรื่องราวที่เหลือ
แบบไหนจะปรองดองได้
นี่เป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่มีผู้คัดค้าน พรบนี้ "