มาดูกัน กฎหมายตี4ครึ่ง ใครได้ประโยชน์มากที่สุด (ขยันจังแอบออกกฎหมายตอนชาวบ้านกำลังนอนหลับ)

กระทู้สนทนา
ที่มา..http://hilight.kapook.com/view/93010/11
นิรโทษกรรมสุดซอย...กฎหมายล้างผิด ดูชัด ๆ ใครได้ประโยชน์?

เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก เฟซบุ๊ก Thaksin Shinawatra, เฟซบุ๊ก สุเทพ เทือกสุบรรณ, เฟซบุ๊ก พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย, เฟซบุ๊ก แนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.), เฟซบุ๊ก องค์การพิทักษ์สยาม, เฟซบุ๊ก วราเทพ รัตนากร, parliament.go.th, วิกิพีเดีย


            นิรโทษกรรมสุดซอย หากผ่านฉลุยทุกด่าน ทุกอย่างกลับไปเริ่มต้นใหม่ จะมีผู้ที่เกี่ยวข้องในทางการเมืองคนไหน ได้รับอานิสงส์ รอดพ้นจากคดีความบ้าง?

            "นิรโทษกรรมสุดซอย"...คำนี้กลายเป็นประเด็นร้อนทางการเมืองส่งท้ายปี 2556 เมื่อ นายประยุทธ์ ศิริพาณิชย์ รองประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) นิรโทษกรรมแก่ผู้ซึ่งกระทำความผิดเนื่องจากการชุมนุมทางการเมือง การแสดงออกทางการเมืองของประชาชน พ.ศ. ...  ได้เสนอแปรญัตติเนื้อหาร่าง พ.ร.บ. ในมาตรา 3 จากเดิมที่ระบุว่า "ให้การกระทำที่สืบเนื่องจากการชุมนุมทางการเมือง หรือแสดงออกทางการเมือง ตั้งแต่ 19 กันยายน 2549 ถึงวันที่ 10 พฤษภาคม 2554 เข้าข่ายนิรโทษกรรม" กลายเป็น....  

            "ให้บรรดาการกระทำทั้งหลายทั้งสิ้นของบุคคลหรือประชาชนที่เกี่ยวเนื่องกับการชุมุนมทางการเมือง การแสดงออกทางการเมือง หรือความขัดแย้งทางการเมือง หรือถูกกล่าวหาว่าเป็นผู้กระทำความผิดโดยคณะบุคคลหรือองค์กรที่จัดตั้งขึ้นภายหลังการรัฐประหารเมื่อวันที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2549 รวมทั้งองค์กรหรือหน่วยงานที่ดำเนินการในเรื่องดังกล่าวสืบเนื่องต่อมาที่เกิดขึ้นระหว่าง พ.ศ. 2547 ถึงวันที่ 8 สิงหาคม พ.ศ. 2556 ไม่ว่าผู้กระทำจะได้กระทำในฐานะตัวการผู้สนับสนุน ผู้ใช้ให้กระทำ หรือผู้ถูกใช้ หากการกระทำนั้นผิดต่อกฎหมายก็ให้กระทำพ้นจากความผิดและความรับผิดโดยสิ้นเชิง การกระทำทำตามวรรคหนึ่ง ไม่ร่วมถึงการกระทำผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112"

            โดยการเปลี่ยนแปลงเนื้อหาดังข้างต้นที่ให้นิรโทษกรรมครอบคลุมไปถึงแกนนำและผู้สั่งการด้วยนั้น ก็ทำให้หลายฝ่ายออกมาแสดงจุดยืนไม่เห็นด้วยอย่างมากมาย ไม่ว่าจะเป็นทางพรรคประชาธิปัตย์ พรรคฝ่ายค้าน กลุ่มพันธมิตรฯ กลุ่มกองทัพประชาชนโค่นระบอบทักษิณ (กปท.) เครือข่ายนักศึกษาและประชาชนปฏิรูปประเทศ (คปท.) กลุ่มหน้ากากขาว บุคลากรทางการแพทย์ ตลอดจนนักวิชาการกลุ่มต่าง ๆ ที่มองว่า ร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ฉบับนี้ ครอบคลุมมากเกินไป อีกทั้งยังสอดไส้ให้ลบล้างคดีที่คณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) เข้ามาเกี่ยวข้องด้วย ซึ่งส่วนใหญ่เป็นคดีที่เกี่ยวข้องกับการคอร์รัปชั่นของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี

            แม้กระทั่งกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) และประชาชนที่สูญเสียญาติพี่น้องไปจากเหตุการณ์สลายการชุมนุมในช่วงรอบปีนั้น ก็ออกมาแสดงจุดยืนไม่เห็นด้วยเช่นกัน เพราะมองว่า การนิรโทษกรรมที่เรียกว่า "เหมาเข่ง" หรือ "สุดซอย" ที่เป็นการเซตซีโร่ (Set Zero) นั้น แม้จะทำให้ พ.ต.ท.ทักษิณ เดินทางกลับประเทศไทยได้ แต่ก็ยังมีอานิสงส์ไปถึงผู้สั่งการ และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์การสลายการชุมนุมคนเสื้อแดงเมื่อกลางปี 2553 พ้นข้อกล่าวหาไปด้วย และไม่สามารถนำผู้กระทำผิดเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมได้ เพราะทุกอย่างเป็นโมฆะไปหมดแล้ว ซึ่งเป็นสิ่งที่ นปช. ยอมรับไม่ได้

            ประเด็นดังกล่าวเป็นที่ถกเถียงกันอย่างมากในช่วงรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา กระทั่งนำมาซึ่งการชุมนุมต่อต้านการนิรโทษกรรมสุดซอย รวมทั้งการแสดงออกในเชิงต่อต้านรูปแบบต่าง ๆ ซึ่งกระปุกดอทคอมจะลองมาเจาะลึกกันดูว่า หาก พ.ร.บ.นิรโทษกรรมฉบับนี้ผ่านทะลุซอยได้จริง ๆ จะมีผู้ที่เกี่ยวข้องในทางการเมืองรายใดได้รับผลประโยชน์จากกฎหมายฉบับนี้กันบ้าง
1. พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร

พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จะได้รับประโยชน์จากข้อความที่ระบุว่า "ถูกกล่าวหาว่าเป็นผู้กระทำความผิดโดยคณะบุคคลหรือองค์กรที่จัดตั้งขึ้นภายหลังการรัฐประหารเมื่อวันที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2549 รวมทั้งองค์กรหรือหน่วยงานที่ดำเนินการในเรื่องดังกล่าวสืบเนื่องต่อมาที่เกิดขึ้นระหว่าง พ.ศ. 2547 ถึงวันที่ 8 สิงหาคม พ.ศ. 2556"

            โดยคดีทางการเมืองที่ พ.ต.ท.ทักษิณ เกี่ยวข้องก็คือ คดีตากใบ ที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 25 ตุลาคม 2547 ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้จับกุมผู้เดินขบวนเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่ปล่อยตัวชายท้องถิ่น 6 คนที่ถูกจับกุมในอำเภอตากใบ จังหวัดนราธิวาส ก่อนจะมัดมือไพล่หลังแล้วนำผู้ถูกจับกุมขึ้นรถบรรทุกซ้อนกันหลายชั้น ภายหลังพบว่ามีผู้ที่ถูกจับกุมหลายคนเสียชีวิตเนื่องจากขาดอากาศหายใจ และถูกทุบตี โดยมีรายงานว่าเหตุการณ์ครั้งนั้นส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 78 คน

            ขณะที่คำว่า "องค์กรที่จัดตั้งขึ้นภายหลังการรัฐประหารเมื่อวันที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2549" นั้นหมายถึง คณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) ซึ่งทางคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (คปค.) เป็นผู้ตั้งขึ้น ให้ตรวจสอบเรื่องที่รัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร กระทำการให้รัฐเสียหาย ซึ่ง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ก็ถูก คตส. ชี้มูลว่ามีความผิดในฐานทุจริตหลายคดี เช่น

             คดีทุจริตปล่อยกู้ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (เอ็กซิมแบงค์) ให้กับรัฐบาลพม่า วงเงิน 4,000 ล้านบาท เพื่อพัฒนาโครงการโทรคมนาคมของพม่า โดยคดีนี้ศาลได้ออกหมายจับ พ.ต.ท.ทักษิณ เมื่อวันที่ 16 กันยายน 2551 เนื่องจากหลบหนีคดี

             คดีทุจริตหวยบนดิน จากการทุจริตโครงการออกสลากพิเศษเลขท้าย 2 และ 3 ตัว (หวยบนดิน) โดยศาลได้ออกหมายจับ พ.ต.ท.ทักษิณ เมื่อวันที่ 26 กันยายน 2551 เพื่อให้มาฟังการพิจารณาคดี

             คดีทุจริตออกพระราชกำหนดแปลงค่าภาษีสัมปทานกิจการโทรคมนาคมเป็นภาษีสรรพสามิต เพื่อเอื้อประโยชน์ให้ธุรกิจบริษัทชินคอร์ป หรือคดีทุจริตแปลงสัมปทานมือถือ-ดาวเทียม เป็นภาษีสรรพสามิต ทำให้รัฐเสียหาย 6.6 หมื่นล้านบาท ซึ่งคดีนี้ศาลได้ออกหมายจับเมื่อวันที่ 15 ตุลาคม 2551 เพื่อติดตามตัวมาฟังพิจารณาคดีนัดแรก

             คดีทุจริตประมูลซื้อที่ดินรัชดาภิเษก มูลค่า 772 ล้านบาท ที่อัยการสูงสุดยื่นฟ้อง พ.ต.ท.ทักษิณ เนื่องจากเป็นเจ้าหน้าที่รัฐมีอำนาจในการกำกับดูแลหน่วยงานของรัฐ แต่กลับไปทำสัญญากับหน่วยงานของรัฐ ซึ่งไม่สามารถกระทำได้ ก่อนที่ในวันที่ 21 ตุลาคม 2551 ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง จะได้พิพากษาจำคุก พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นเวลา 2 ปี

             คดีร่ำรวยผิดปกติ โดยอัยการสูงสุดเห็นว่า ทรัพย์สินของ พ.ต.ท.ทักษิณ ได้มาเนื่องจากการกระทำที่เป็นการขัดกันระหว่างประโยชน์ส่วนบุคคลและประโยชน์ส่วนรวมขณะดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี กระทั่งในวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2553 ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ได้พิพากษายึดทรัพย์ พ.ต.ท.ทักษิณ เฉพาะเงินค่าขายหุ้นส่วนที่เพิ่มขึ้นหลังจากดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี และเงินปันผล จำนวน 46,373,687,454.74 บาท

            นอกจากนี้ พ.ต.ท.ทักษิณ ยังได้ประโยชน์จากข้อความในร่าง พ.ร.บ. ที่ว่า "รวมทั้งองค์กรหรือหน่วยงานที่ดำเนินการในเรื่องดังกล่าวสืบเนื่องต่อมาที่เกิดขึ้นระหว่าง พ.ศ. 2547 ถึงวันที่ 8 สิงหาคม พ.ศ. 2556" เพราะหมายถึงคดีที่ คตส. ซึ่งหมดวาระในวันที่ 30 มิถุนายน 2551 ส่งต่อมาให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ชุดปัจจุบัน รับผิดชอบแทน อันจะทำให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ได้รับประโยชน์อีกหลายคดี เช่น

             คดีทุจริตธนาคารกรุงไทยปล่อยกู้สินเชื่อกว่า 9,000 ล้านบาท ใหับริษัท กฤษดามหานคร ซึ่งมีสถานะอยู่ในกลุ่มลูกหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ของธนาคารฯ โดย พ.ต.ท.ทักษิณ ถูก ป.ป.ช. ชี้มูลความผิดในความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงาน ที่ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบและโดยทุจริตตามประมวลกฎหมายอาญา

             คดีแจ้งบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินอันเป็นเท็จ อันสืบเนื่องจากคดีร่ำรวยผิดปกติ ซึ่ง ป.ป.ช. ได้ยื่นฟ้องต่องศาลฎีกา ว่า พ.ต.ท.ทักษิณ แจ้งบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินอันเป็นเท็จ เนื่องจากไม่ได้แจ้งการถือครองหุ้นบริษัทชินคอร์ปไว้ ถึง 6 ครั้ง โดยศาลฎีกาได้ออกหมายจับไว้


2. นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตรองนายกรัฐมนตรี และผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) ถูกอัยการสูงสุดสั่งฟ้องในข้อหาร่วมกันก่อให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายโดยเจตนาเล็งเห็นผล จากการสั่งสลายการชุมนุมของกลุ่ม นปช. เมื่อปี 2553 เป็นเหตุให้เจ้าหน้าที่และประชาชนได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตเป็นจำนวนมาก

            ทั้งนี้ นายอภิสิทธิ์ และนายสุเทพ ได้เตรียมยื่นฟ้องอัยการสูงสุดกลับ ฐานกระทำผิดต่อตำแหน่งหน้าที่และกลั่นแกล้งบุคคลอื่น เนื่องจากพิจารณาแล้วว่า สำนวนของอัยการสูงสุดไม่ได้ระบุถึงกองกำลังชุดดำที่ปรากฏตัวขึ้นระหว่างการชุมนุม เป็นเหตุให้รัฐบาลต้องสั่งการเช่นนี้เพื่อรักษาความสงบเรียบร้อยของบ้านเมือง

            อย่างไรก็ตาม หากร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ผ่านฉลุย ทั้งนายอภิสิทธิ์ และนายสุเทพ จะได้รับอานิสงส์ให้รอดพ้นจากคดีนี้ไปด้วย แม้ว่าทั้งสองยืนกรานว่าพวกตนไม่มีความผิด และจะขอต่อสู้ในกระบวนการยุติธรรมให้ถึงที่สุด


3. แกนนำและกลุ่มผู้ชุมนุมกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย
  
กลุ่มพันธมิตรฯ เริ่มมีบทบาทขับไล่ พ.ต.ท.ทักษิณ มาตั้งแต่กลางปี 2547 แต่แสดงบทบาทให้เด่นชัดขึ้นในช่วงปี 2549 กระทั่งเกิดเหตุการณ์รัฐประหาร 19 กันยายน 2549 ก่อนจะยุติบทบาทไปถึง 2 ปี แล้วกลับมาชุมนุมใหญ่อีกครั้งในช่วงปี 2551 เพื่อต่อต้านรัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช และนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ซึ่งในช่วงเวลานั้น ผู้ชุมนุมได้ปิดล้อมท่าอากาศยานสุวรรณภูมิและท่าอากาศยานดอนเมือง เพื่อเรียกร้องให้ นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ลาออก

            ภายหลัง แกนนำกลุ่มพันธมิตรฯ ตกเป็นจำเลยคดีก่อการร้าย คดีฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน และ คดีฝ่าฝืน พ.ร.บ.ความมั่นคง อีกทั้งยังถูกบริษัท วิทยุการบินแห่งประเทศไทย จำกัด บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ฟ้องร้องชดใช้ค่าเสียหายจากการปิดสนามบิน


4. แกนนำและกลุ่มผู้ชุมนุมแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.)

กลุ่ม นปช. หรือกลุ่มคนเสื้อแดง มีบทบาทในการชุมนุมต่อต้านกลุ่มพันธมิตรฯ และต่อต้านการรัฐประหารปี 2549 พร้อมกับขับไล่ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ ออกจากการเป็นนายกรัฐมนตรี แต่การเคลื่อนไหวครั้งใหญ่ของกลุ่ม นปช. เกิดขึ้นในช่วงกลางปี 2552 เรื่อยมาจนถึงกลางปี 2553 ที่กลุ่ม นปช. รวมตัวชุมนุมใหญ่กลางแยกราชประสงค์ เพื่อขับไล่รัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ก่อนที่รัฐบาลจะใช้แผนปฏิบัติการขอคืนพื้นที่ และสลายการชุมนุม จนเกิดการจลาจลขึ้น ทำให้มีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตจำนวนมาก
ขณะที่ตามจังหวัดต่าง ๆ ก็มีกลุ่มผู้ชุมนุม นปช. ได้ก่อเหตุเผาศาลากลางจังหวัด ซึ่งภายหลังผู้ก่อเหตุก็ถูกจับกุมดำเนินคดี เช่นเดียวกับแกนนำ นปช. หลายคน ที่ถูกส่งตัวไปดำเนินคดีเช่นกัน จากคดีฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน คดีฝ่าฝืน พ.ร.บ.ความมั่นคง และคดีก่อการร้าย ซึ่งก็มีแกนนำหลายคนถูกศาลสั่งจำคุก เช่น นายยศวริศ ชูกล่อม หรือเจ๋ง ดอกจิก นายก่อแก้ว พิกุลทอง และนายอริสมันต์ พงษ์เรืองรอง ก่อนจะได้รับการประกันตัวในภายหลัง
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่