[CR] Backpack ญี่ปุ่น16-22 ตค.ที่ผ่านมาเพื่อดูขบวนแห่ศาลเจ้าโทโชกุค่ะ^^

การเที่ยวในครั้งนี้เป็นการไปญี่ปุ่นครั้งแรกของอิชั้นกับน้องสาวแท้ๆ ซึ่งหลังจากเคยไปสิงคโปร์เพื่อทดสอบสกิลการขึ้นรถไฟมาเป็นที่น่าพึงพอใจแล้ว จึงจัดทริปสั้นๆนี้ขึ้นมา ตั้งแต่ก่อนที่ญี่ปุ่นจะยกเลิกวีซ่า จองตั๋วแอร์เอเชียล่วงหน้าราวๆ6เดือน ได้มาในราคาไปกลับ2คน 23800 บาท โดยมีโหลดใต้เครื่องขากลับคนเดียวเพื่อขนของที่ช้อปปิ้งกลับเท่านั้น  ต่อไปนี้จะเป็นการร่ายยาว เนื้อไม่ค่อยมีน้ำท่วมทุ่ง และรูปแบบพยายามคัดแล้วถ่ายจากมือถือล้วนๆโปรดทำใจ  ^^"

เมื่อรู้แน่ชัดว่าจะมีการแห่ในวันที่17ตค. แผนจึงเกิดขึ้นมาโดยมีนิกโก้เป็นจุดมุ่งหมายอันสำคัญ ต่อเครื่องที่กัวลาลัมเปอร์ก็ได้ออกไปกินไก่ทอด marrybrown อันลือชื่อเรียบร้อยรสชาติก็...พอไหวค่ะ เครื่องบินลงที่ฮาเนดะตอน23.00 น.วันที่16 ในส่วนของตม. อิชั้นกับน้องสาวแบกเป้อันใหญ่บักเอ้งผ่านแบบชิลๆและรวดเร็ว ในตอนแรกอิชั้นกับน้องกะว่าจะนอนที่สนามบินแต่นึกอีกทีก็เกรงว่าจะเสียเวลาในการเดินทางไปนิกโก้ในวันรุ่งขึ้น จึงเดินทางไปอาซากุสะในทันใด ก่อนอื่นก็ต้องซื้อบัตร suica กันก่อน ตู้ซื้อบัตรสร้างความวิงเวียนให้แก่อิชั้นและน้องสาวมากจนต้องส่งสายตาอันเซ็กซี่ประหนึ่งหมาหงอยไปให้หนุ่มญี่ปุ่นในชุดสูทคนหนึ่ง และสำเร็จ!  เราสองคนได้บัตรsuica มาไว้ในครอบครองคนละใบ และมุ่งไปชานชลา keikyu และขึ้นรถในทันที ทันทีที่เข้าไปข้างในก็เริ่มตระหนักได้ว่า กรูจะไปไหนเนี่ย ที่นี่ที่ไหน และอีกครั้งที่สายตาหมาหงอยของเราทั้งคู่พยายามสบสายตาชาวญี่ปุ่นที่ใกล้ตัวที่สุด

คุยกับคนแรกผ่านไปเขาบอกให้ออกไปจากตู้นี้สถานีหน้าและเปลี่ยนสถานี แต่คุยกันไม่รู้เรื่อง555 เพราะเขาพูดญี่ปุ่นได้อย่างเดียว พอลงไปก็พบกับอากาศเย็นๆ กรี๊ดดด อากาศเย็นนนน และได้เจอ คุณลุงกับคุณป้า ซึ่งพูดได้แต่ญี่ปุ่นเช่นกัน อิชั้นกับน้องถามว่าจะไปอาซากุสะต้องไปขึ้นชานชลาที่เท่าไหร่ ดูเหมือนลุงกับป้าเขาจะรู้ ก็บอกว่า โรคุ  อ่า...เจริญล่ะพี่น้อง โรคุ มันคืออัลไลลลแล้วเรากับน้องก็มองตากัน ลุงกะป้าชี้ให้ลงบันไดไป โอเคลงก็ลง แล้วน้องสาวก็ระลึกชาติขึ้นได้ว่า โระคุ มันแปลว่า6 อย่ากระนั้นเลยเราสองก็วิ่งถลาไปชานชลาที่6ในทันที แต่...เพื่อความแน่ใจจึงส่องหาเหยื่อรายต่อไป ก็เจอกับสาวสวยยืนฟังไอพอดอยู่ ถามไถ่ไปมาน้องเขาบอกว่าเขาเองก็ไม่รู้เหมือนกันแต่ไปเหอะไปได้ ว่าแล้วน้องเขาก็เสียบหูฟังฟังเพลงต่อแบบชิลๆ

เมื่อเข้าตู้ใหม่ได้จึงจำต้องหาเหยื่อเพิ่มเติมก็ได้น้องอีกคนหนึ่งช่วยบอกแล้วยังเขียนแผนให้ว่าต้องลงตรงไหนต่อตรงไหน สุดท้ายน้องเขายังเดินมาชี้ให้ขึ้นข้างบนให้อีกสุดท้ายเราก็มาถึงอาซากุสะจนได้ เมื่อออกมาจากแดนสนธยาได้ เหยื่อคนล่าสุดของเราเป็นพนักงานรถไฟนั่นเอง  หลังจากถามไถ่ โฮเทลรุ ได้เราก็จ้ำๆตามที่เขาบอก และได้ที่พักคืนแรกซึ่งเป็นโดมหญิงล้วน ราคา1800 เยนต่อคนต่อคืนและแผนที่รถไฟของโตเกียวมา1ใบ รอดแล้วๆ

แต่ท้องที่ว่างเปล่าเรียกร้องให้เราผจญภัยต่อก่อนจบวันด้วยการเดินออกมาหาของกินซึ่งก็ได้ร้านราเม็งหัวมุมถนนอาซากุสะ เป็นแบบหยอดเหรียญแล้วได้ตั๋วมายื่นให้กับลุงด้านใน เจอลุงยามมากดๆพร้อมกับเราด้วย ลุงที่ทำราเม็งถามอะไรม่ายรุ อิชั้นกะน้องก็ทำตาแป๋วๆใส่ น้องที่เคยเรียนญี่ปุ่นเบื้องต้นมาบ้าง ก็ตอบไปซื่อๆว่า วาการิมาเซ็นค่ะ  เล่นเอาหนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่ที่นั่งซดซูดๆอยู่หัวเราะกันใหญ่  ลุงถามใหม่ว่า โซบะ or อุด้ง ถึงบางอ้อกันเลยทีเดียววว  ขอบอกว่าอร่อยมาก ลุงคนทำใจดี น้ำเย็นที่ให้กดกินฟรีหวานอร่อยไปนิกโก้กลับมาต้องมาซ้ำ หิหิ

ตื่นมาตอนเช้าเราสองก็เดินไปสถานีรถไฟอาซากุสะ เพื่อซื้อ นิกโก้พาส ซึ่งเราเลือกแบบ4วันมาในราคาสองใบ 8800เยน  
จากนั้นก็ไปตามชานชลาที่เขาบอกแล้วขึ้นรถไฟไปในที่สุด







จากนั้นเราก็มาถึงสถานี tobu nikko โดยใช้เวลาราวๆ3ชั่วโมง จากนั้นก็ส่องแผนที่ประดามีที่ได้มาจากพนักงานในสถานี
เพื่อหาที่พักในคืนนี้ซึ่งอยู่ตรงกันข้ามกับสถานีเด๊ะๆ แหมอุส่าห์เดินหาทั้งที่จริงๆเดินผ่านมาเฉยเลย
แต่ความเดินหลงก็ไม่ได้ไปไหนไกลและยังมีประโยชน์เมื่อพบกับแหล่งอาหารอันสำคัญ
เจอซุปเปอร์มาร์เกตขนาดใหญ่ ฮี่ๆๆ ไม่อดตายแล้วเรา



หลังจากเช็คอินฝากกระเป๋าเสร็จอิชั้นกะน้องก็เดินดุ๊กๆไปขึ้นรถบัส ที่ไปยังแหล่งวัดวาอารามของนิกโก้
ซึ่งขึ้นง่ายลงง่ายมากรู้ว่าจะต้องลงสถานีไหน และแค่โชว์พาสให้เห็นวันที่
แล้วก็มองชื่อป้ายที่โผล่หน้าจอในรถบัส ถ้าจำไม่ผิดลงป้าย shinkyo



แล้วเราก็เดินต่อไปเพื่อจะขึ้นเขาซ้ายมือเป็นสะพานแดงๆ ข้ามถนนไปก็เจอแล้วมรึดกโลก
ก่อนขึ้นเขาก็เจอหนุ่มหล่อสองท่านนี้จัดเต็มมาเพื่อเดินร่วมขบวนแห่เป็นแน่แท้



เมื่อขึ้นไปก็เจอการรวมตัวครั้งยิ่งใหญ่ที่อิชั้นตั้งใจมาเห็นเยี่ยงเน้



เมื่อระยะเวลาเหมาะสม ก็เริ่มเดินโดยหัวขบวนที่น่าจะเป็นที่เคารพของชาวบ้านในแถบนี้
เพราะเห็นหลายคนก้มหัวโค้งให้จนแทบตั้งฉากกับพื้น ซึ่งลุงคนนี้คงจะแสดงเป็นท่านโชกุนผู้สร้างวัดแมวหลับนั่นเอง
จะมีการแบ่งผู้ที่เดินจะเดินบนพื้นลาดยางแต่กลุ่มม้าจะเดินบนดิน จนถึงทางแยก
ชะรอยพี่ม้าจะตื่นเต้ลเลยปล่อยอึไว้ไม่น้อย
แต่ก็มีผู้ที่มีหน้าที่เก็บขี้ม้าเดินตามขบวนไปเป็นระยะ ล้วนแล้วแต่แต่งกายแบบญี่ปุ่นโบราณ



มีสิงโตด้วย น่าจะเป็นสิงโตแหละเนาะ
เพราะถ้ากิเลนหรือ kirin น่าจะมีหน้าตาเหมือนมังกรมากกว่านี้



แล้วก็มีนางในตามมาด้วยทหารสวรรค์ ไท้จื้อ เอ๊ย เจ้าชายน้อยๆ
ต่อด้วยทหารแล้วก็ปีศาจ ชาวบ้าน ตามลำดับ





น่าเห็นใจหัวคงหนักคอยแต่จะล้มเลยต้องมีผู้ใหญ่คอยช่วยจับ
เด็กเดินกันเกร็งหน้าตาตั้งอกตั้งใจเทินที่สวมหัวไม่ให้ร่วงน่าเอ็นดู
บางรายเหมือนจะร้องไห้ไปแล้วอายุน่าจะ4-5ขวบตัวกระจ้อยเชียวค่ะ









ธงที่จะนำไปปักหน้าทางขึ้นวัดแมวหลับค่ะ  และกลองต่างๆ
ซึ่งน่าจะเป็นตัวแทนอะไรสักอย่างเพราะมี3ใบเรียงกันลวดลายธรรมดาไล่ไปจนวิจิตร











แล้วก็พระเอกของงานคือสิ่งนี้ที่จะเอาไปไว้ในศาลาไม้ในวัด
ซึ่งเดี๋ยวเราจะตามไปดูกันค่ะว่าเอาไปไว้ที่ไหนอย่างไร



จบท้ายด้วยการชิงเหรียญเหมือนงานบวชของเราเล็กๆ555 ใกล้มากถอยไม่ทัน
ระหว่างการแห่ก็จะมีญาติๆของคนที่อยู่ในขบวนคอยเรียกค่อยให้กำลังใจ
ทักทายโค้งกันไปโค้งกันมา มีแซวกันด้วยเฮฮากันไปสดชื่นนน
ซึ่งญาติๆนี่เองที่เป็นคนโยนเหรียญปิดท้ายให้เด็กๆที่แสดงเป็นชาวบ้านได้ก้มเก็บกันอย่างจริงจัง




ชักยาวเดี๋ยวตามไปดูกันในคห. ต่อไปนะคะ^^
ชื่อสินค้า:   ญี่ปุ่น
คะแนน:     
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่