จดหมายปู่พิชัย ถึงหลาน วรชัย เหมะ หยุดเดินหน้าสุดซอย
updated: 31 ต.ค. 2556 เวลา 10:46:06 น.
ประชาชาติธุรกิจออนไลน์
หมายเหตุ - นายพิชัย รัตตกุล อดีตประธานรัฐสภา และอดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์เขียนจดหมายถึง นายวรชัย เหมะ ส.ส.สมุทรปราการ พรรคเพื่อไทย หลังคณะกรรมาธิการวิสามัญ ร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ได้แก้ไขหลักการให้ครอบคลุมกว้างไกลออกไปที่เรียกกันว่าฉบับ "เหมาเข่ง" โดยเฉพาะในมาตรา 3 และมาตรา 4
ผมเขียนจดหมายฉบับนี้ถึงท่านด้วยความรู้สึกเช่นเดียวกับพี่น้องประชาชนคนไทยทั้งปวงที่กำลังอยู่ในภาวะเศร้าโศกกับการสิ้นพระชนม์ของเจ้าพระคุณสมเด็จพระสังฆราช ในขณะเดียวกันสถานการณ์ทางการเมืองในบ้านเราก็เพิ่มความทุกข์ ความห่วงใยในเหตุการณ์ที่อาจนำไปสู่ความขัดแย้งรุนแรง ในเรื่องของร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ซึ่งเสนอโดย คุณวรชัย เหมะ และต่อมาคณะกรรมาธิการวิสามัญ ได้แก้ไขหลักการให้ครอบคลุมกว้างไกลออกไปที่เรียกกันว่าฉบับเหมาเข่ง โดยเฉพาะใน มาตรา 3 และมาตรา 4
ซึ่งผมเชื่อว่าถ้าหากดำเนินการตามร่างคณะกรรมาธิการเสียงข้างมากก็จะมีเรื่องราวที่จะนำไปสู่ความสับสนหลากประเด็น เช่น ในมุมมองของหลักนิติรัฐก็มีข้อถกเถียงน่าคิดอยู่ 3 แนวคิดด้วยกัน อันได้แก่
1.ร่างที่คณะกรรมาธิการเสียงข้างมากจะนำเสนอในสภา วาระ 2 และ 3 ไม่กี่วันข้างหน้านี้นั้นเป็นการพิจารณาร่างที่ขัดแย้งกับหลักการของ พ.ร.บ.ฉบับนี้ที่ได้รับอนุมัติในวาระที่ 1 อย่างจริงจังหรือไม่ ซึ่งในที่สุดก็จะต้องนำไปสู่การตีความในศาลรัฐธรรมนูญอีกยาว
2.เรื่องราวบางเรื่องได้ไปไกลจนถึงขั้นตุลาการแล้วและคดีที่ฝ่ายตุลาการได้ตัดสินความไปแล้วนั้น ถือเป็นอำนาจตุลาการที่สมบูรณ์แล้ว แต่หากยังไม่มีการรับโทษ จะเหมาะสมหรือไม่ ที่อำนาจนิติบัญญัติจะไปก้าวล่วงต่อคำพิพากษา ซึ่งถ้าหากว่าได้มีการรับโทษไปแล้วเป็นบางส่วนฝ่ายนิติบัญญัติจะออกกฎหมายล้างผิดก็น่าจะมีความเหมาะสมกว่า
3.จากเหตุการณ์ความเสียหายนั้น ผู้ที่ได้รับผลกระทบ ประกอบด้วย ญาติ พี่ น้อง ซึ่งผู้เสียหายมีสิทธิในการเรียกร้องค่าเสียหายจากผู้ทำละเมิด หากมีกฎหมายฉบับ "เหมาเข่ง" นี้ จะทำให้ผู้เสียหายเสียสิทธิการเรียกร้องทั้งในคดีแพ่งและอาญาด้วยหรือไม่
อีกทั้งถ้าเรามองดูทางด้านหลักของรัฐศาสตร์ ก็อาจจะเกิดกรณีถกเถียงกันอีกหลายประเด็นเช่นกัน อันได้แก่ 1.เรื่องการตรวจสอบข้อเท็จจริงต่อผู้ถูกกล่าวหาในหลายๆกรณี ยังไม่สามารถบรรลุถึงแก่นแท้ของความจริงได้ว่าใคร ทำอะไร มิชอบมาพากลอย่างไรในอดีต ซึ่งหากได้ข้อเท็จจริงแล้ว เมื่อรับผิดและรับผิดชอบ
กันแล้วได้อานิสงส์จากการล้างโทษก็เป็นแนวทางที่เหมาะสมกว่า หาไม่แล้วอาจจะเป็นชนวนของความขัดแย้งและกล่าวโทษกันอย่างเลื่อนลอยต่อไปไม่จบสิ้น ต่อไปในวันข้างหน้า
2.นักการเมืองเองที่จะได้อานิสงส์ของกฎหมายฉบับนี้นั้นเหมาะสมหรือไม่กับสถานการณ์ อันเป็นห้วงที่จะช่วยให้ประชาชนพ้นผิดพร้อมๆ กันไปหรือ
ผมเข้าใจดีในความรู้สึกของหลายท่าน ที่ว่าร่างเดิมของคุณวรชัย เหมะ อาจมีจุดอ่อน เพราะมีผลในการเลือกปฏิบัติต่อคนบางกลุ่ม แต่ผมคิดว่าให้ดีก็น่าจะมีทางออกได้ไม่ยากลำบากนัก อยากให้ ส.ส.เก่งๆ รุ่นน้องในพรรคเพื่อไทยได้คิดให้รอบคอบถึงผลได้ผลเสียที่ตกแก่ประเทศและประชาชนโดยส่วนรวม ดังเช่นการพิจารณาใช้แนวทางที่ คุณชวลิต วิชยสุทธิ์ เลขานุการคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมเสนอน่าสนใจ
การต่อต้านหรือชุมนุมที่ไม่อยู่ในความสงบและสันติอันมีสาเหตุมาจากเรื่องนี้ของกลุ่มต่างๆ นั้น เป็นเรื่องที่ผมไม่ขอยุ่งเกี่ยวและไม่ขอรับทราบว่าใครเป็นใคร เท่าที่พูดมานี้ก็พูดด้วยความที่ไม่อยากให้เกิดการเผชิญหน้าขัดแย้งกันอย่างรุนแรง จนบ้านเมืองพังพินาศไปต่อหน้าต่อตา ผมอยากขอร้องให้ ส.ส.รุ่นน้อง ในพรรคเพื่อไทย ได้หยุดพิจารณาคิดให้รอบคอบก่อนที่จะตัดสินใจยกมือสนับสนุนหรือยกมือคัดค้าน โดยให้คำนึงถึงผลได้ผลเสียที่จะตกแก่ประเทศและประชาชนโดยส่วนรวมเป็นลำดับแรก
หากทำได้เท่ากับว่าท่านได้เป็นผู้ที่สร้างบุญคุณต่อประเทศชาติและลูกหลานของเรา ให้สังคมทุเลาความขัดแย้งลงได้ และก็เป็นบุญของประเทศและพี่น้องประชาชนใหญ่หลวงที่ประชาชนจะแซ่ซ้องสรรเสริญท่านอย่างจริงใจตลอดไป
http://www.prachachat.net/news_detail.php?newsid=1383191213
จดหมายปู่พิชัย ถึงหลาน วรชัย เหมะ หยุดเดินหน้าสุดซอย
updated: 31 ต.ค. 2556 เวลา 10:46:06 น.
ประชาชาติธุรกิจออนไลน์
หมายเหตุ - นายพิชัย รัตตกุล อดีตประธานรัฐสภา และอดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์เขียนจดหมายถึง นายวรชัย เหมะ ส.ส.สมุทรปราการ พรรคเพื่อไทย หลังคณะกรรมาธิการวิสามัญ ร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ได้แก้ไขหลักการให้ครอบคลุมกว้างไกลออกไปที่เรียกกันว่าฉบับ "เหมาเข่ง" โดยเฉพาะในมาตรา 3 และมาตรา 4
ผมเขียนจดหมายฉบับนี้ถึงท่านด้วยความรู้สึกเช่นเดียวกับพี่น้องประชาชนคนไทยทั้งปวงที่กำลังอยู่ในภาวะเศร้าโศกกับการสิ้นพระชนม์ของเจ้าพระคุณสมเด็จพระสังฆราช ในขณะเดียวกันสถานการณ์ทางการเมืองในบ้านเราก็เพิ่มความทุกข์ ความห่วงใยในเหตุการณ์ที่อาจนำไปสู่ความขัดแย้งรุนแรง ในเรื่องของร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ซึ่งเสนอโดย คุณวรชัย เหมะ และต่อมาคณะกรรมาธิการวิสามัญ ได้แก้ไขหลักการให้ครอบคลุมกว้างไกลออกไปที่เรียกกันว่าฉบับเหมาเข่ง โดยเฉพาะใน มาตรา 3 และมาตรา 4
ซึ่งผมเชื่อว่าถ้าหากดำเนินการตามร่างคณะกรรมาธิการเสียงข้างมากก็จะมีเรื่องราวที่จะนำไปสู่ความสับสนหลากประเด็น เช่น ในมุมมองของหลักนิติรัฐก็มีข้อถกเถียงน่าคิดอยู่ 3 แนวคิดด้วยกัน อันได้แก่
1.ร่างที่คณะกรรมาธิการเสียงข้างมากจะนำเสนอในสภา วาระ 2 และ 3 ไม่กี่วันข้างหน้านี้นั้นเป็นการพิจารณาร่างที่ขัดแย้งกับหลักการของ พ.ร.บ.ฉบับนี้ที่ได้รับอนุมัติในวาระที่ 1 อย่างจริงจังหรือไม่ ซึ่งในที่สุดก็จะต้องนำไปสู่การตีความในศาลรัฐธรรมนูญอีกยาว
2.เรื่องราวบางเรื่องได้ไปไกลจนถึงขั้นตุลาการแล้วและคดีที่ฝ่ายตุลาการได้ตัดสินความไปแล้วนั้น ถือเป็นอำนาจตุลาการที่สมบูรณ์แล้ว แต่หากยังไม่มีการรับโทษ จะเหมาะสมหรือไม่ ที่อำนาจนิติบัญญัติจะไปก้าวล่วงต่อคำพิพากษา ซึ่งถ้าหากว่าได้มีการรับโทษไปแล้วเป็นบางส่วนฝ่ายนิติบัญญัติจะออกกฎหมายล้างผิดก็น่าจะมีความเหมาะสมกว่า
3.จากเหตุการณ์ความเสียหายนั้น ผู้ที่ได้รับผลกระทบ ประกอบด้วย ญาติ พี่ น้อง ซึ่งผู้เสียหายมีสิทธิในการเรียกร้องค่าเสียหายจากผู้ทำละเมิด หากมีกฎหมายฉบับ "เหมาเข่ง" นี้ จะทำให้ผู้เสียหายเสียสิทธิการเรียกร้องทั้งในคดีแพ่งและอาญาด้วยหรือไม่
อีกทั้งถ้าเรามองดูทางด้านหลักของรัฐศาสตร์ ก็อาจจะเกิดกรณีถกเถียงกันอีกหลายประเด็นเช่นกัน อันได้แก่ 1.เรื่องการตรวจสอบข้อเท็จจริงต่อผู้ถูกกล่าวหาในหลายๆกรณี ยังไม่สามารถบรรลุถึงแก่นแท้ของความจริงได้ว่าใคร ทำอะไร มิชอบมาพากลอย่างไรในอดีต ซึ่งหากได้ข้อเท็จจริงแล้ว เมื่อรับผิดและรับผิดชอบ
กันแล้วได้อานิสงส์จากการล้างโทษก็เป็นแนวทางที่เหมาะสมกว่า หาไม่แล้วอาจจะเป็นชนวนของความขัดแย้งและกล่าวโทษกันอย่างเลื่อนลอยต่อไปไม่จบสิ้น ต่อไปในวันข้างหน้า
2.นักการเมืองเองที่จะได้อานิสงส์ของกฎหมายฉบับนี้นั้นเหมาะสมหรือไม่กับสถานการณ์ อันเป็นห้วงที่จะช่วยให้ประชาชนพ้นผิดพร้อมๆ กันไปหรือ
ผมเข้าใจดีในความรู้สึกของหลายท่าน ที่ว่าร่างเดิมของคุณวรชัย เหมะ อาจมีจุดอ่อน เพราะมีผลในการเลือกปฏิบัติต่อคนบางกลุ่ม แต่ผมคิดว่าให้ดีก็น่าจะมีทางออกได้ไม่ยากลำบากนัก อยากให้ ส.ส.เก่งๆ รุ่นน้องในพรรคเพื่อไทยได้คิดให้รอบคอบถึงผลได้ผลเสียที่ตกแก่ประเทศและประชาชนโดยส่วนรวม ดังเช่นการพิจารณาใช้แนวทางที่ คุณชวลิต วิชยสุทธิ์ เลขานุการคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมเสนอน่าสนใจ
การต่อต้านหรือชุมนุมที่ไม่อยู่ในความสงบและสันติอันมีสาเหตุมาจากเรื่องนี้ของกลุ่มต่างๆ นั้น เป็นเรื่องที่ผมไม่ขอยุ่งเกี่ยวและไม่ขอรับทราบว่าใครเป็นใคร เท่าที่พูดมานี้ก็พูดด้วยความที่ไม่อยากให้เกิดการเผชิญหน้าขัดแย้งกันอย่างรุนแรง จนบ้านเมืองพังพินาศไปต่อหน้าต่อตา ผมอยากขอร้องให้ ส.ส.รุ่นน้อง ในพรรคเพื่อไทย ได้หยุดพิจารณาคิดให้รอบคอบก่อนที่จะตัดสินใจยกมือสนับสนุนหรือยกมือคัดค้าน โดยให้คำนึงถึงผลได้ผลเสียที่จะตกแก่ประเทศและประชาชนโดยส่วนรวมเป็นลำดับแรก
หากทำได้เท่ากับว่าท่านได้เป็นผู้ที่สร้างบุญคุณต่อประเทศชาติและลูกหลานของเรา ให้สังคมทุเลาความขัดแย้งลงได้ และก็เป็นบุญของประเทศและพี่น้องประชาชนใหญ่หลวงที่ประชาชนจะแซ่ซ้องสรรเสริญท่านอย่างจริงใจตลอดไป
http://www.prachachat.net/news_detail.php?newsid=1383191213