มีปัญหาเรื่อง เพื่อนบ้าน คุณแม่และบุญคุณ

ขอเริ่มเล่านะครับ เนื่องด้วย เพื่อนบ้านซึ่งเป็นป้า เป็นเพื่อนบ้านรุ่นคุณแม่ตั้งแต่อยู่บ้านหลังนี้มา สามสิบกว่าปี
มาขอความช่วยเหลือ ให้ลูกชาย ซึ่งก็คือผม ช่วยกู้เงินซื้อบ้าน ราคาประเมิน 1.2 ล้านบาท ให้แกหน่อยเพราะแกอายุเยอะแล้วเขาไม่ให้กู้
สาเหตุมาจากบ้านหลังนั้นเป็นของลูกชายแก ซึ่งซื้อร่วมกับเมีย มาเป็นเวลาเกือบจะสิบปีแล้ว แต่ขาดส่งจนธนาคารจะยึดขายทอดตลาด
และแกก็อยากช่วยลูกโดยการซื้อไว้แล้วให้ลูกชายแกผ่อนคืนแก และให้ญาติพี่น้องช่วยกู้แล้วแต่ญาติก็จะขอยืมเงินแกเป็นผลประโยชน์แลกเปลี่ยน
และกลัวญาติๆแกจะไม่คืนเงินหรือคืนยากนั่นเอง ก็เลยมาอ้อนวอนแม่ผมซึ่งเป็นเพื่อนบ้านว่าผม ยังโสดไม่มีภาระหนี้สิน ทำงานก็เงินเดือนประมาณ 20K กว่า ซึ่งน่าจะทำเรื่องซื้อบ้านหลังนี้ไม่ยาก และประกอบกับผมเริ่มจะทำธุรกิจบางอย่างซึ่งต้องใช้เงินลงทุนประมาณสามแสนซึ่งผมกับแฟนก็มีแผนที่จะนำเงินเก็บและกู้ส่วนนึงเพื่อทำธุรกิจ ซึ่งแน่นอนไม่ถึงล้าน แกก็เสนอเงินส่วนนั้นให้ผมและให้คิดดอกเท่าธนาคารและผ่อนแก
แต่มห้ช่วยลูกชายแกหน่อย และด้วยแม่และแกเป็นเพื่อนสนิทและมีบุญคุณกันมา ซึ่งรายละเอียดเยอะผมไม่ขอเล่านะครับเรื่องมันยาว แกก็มีทั้งดี และแอบเอาเปรียบบ้านผมล่ะว่ากัน แม่ผมก็อยากให้ช่วย
ซึ่งผมได้ฟังดังนั้น ก็เกิดความอึดอัดใจ ไม่อยากให้แม่สบายใจอย่างนึง แต่ก็มาคิดถึงความเสี่ยงที่จะเกิดกับตัวเองแล้ว มันก็น่ากลัว เป็นหนี้แกแล้วเสียดอกให้แก ในทางนิตินัยยังต้องเป็นหนี้กับธนาคารแทนลูกชายแก อีกล้านกว่า และถ้าวันไหนลูกชายกับเมียเขาไม่เอา หรือป้าแกเสียขึ้นมา ผมต้องกลายเป็นแบกหนี้ ล้านกว่าโดยที่ผมไม่ได้เลือกบ้านนั้น และจะเกิดปัญหาอีกมากมาย ซึ่งผมกับแฟนมองว่าผมเป็นหนี้ธนาคารดีกว่ามีสัญญาสบายใจกว่า ยังไงเราเป็นคนมีวินัยทางการเงินพอสมควร เราสามารถจัดการมันได้ แต่นี่ ผมมีแต่เสีย และต้องมีชื่อเป็นหนี้ ในภายหน้าผมจะทำธุรกรรมก็ต้องติดก้อนหนี้ นี้อีกไปจนกว่าเขาจะผ่อนหมด แต่พอบอกไปอย่างนั้น  แม่ก็ทำถ้าไม่สบายใจเหมือนว่าเราใจดำกลัวว่าป้าเขาจะทวงบุญคุณเคยช่วยเรามา กลัวแกจะโกรธ ซึ่งในความรู้สึก ผมว่ามันแยกกันชัดเจนครับ บุญคุณสามารถช่วยได้ตามกำลังและอันนี้ถ้าลูกชายแกมีความรับผิดชอบก็ต้องหาทางแก้ปัญหาเอาเอง ไม่น่าจะมาไว้ใจเพื่อนบ้านอย่างเรา มันจะกลายเป็นเอากระดูกเขามาแขวนคอ กลุ้มใจมากครับสงสารแม่ แต่ผมเองก็ไม่ไหวกับภาระหนี้สินใหญ่ขนาดหนี้เหมือนกันถึงจะบอกว่าแกผ่อนเองก็เถอะ แต่ใครจะรับประกันได้วันหนึ่งแกตายไปแล้วลูกชายแกไม่จ่าย แล้วไม่เอาบ้านขึ้นมา บ้านผมจะทำยังไง ว่าแล้วก็กลุ้มใจ
ร้องไห้ร้องไห้ร้องไห้

สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 14
ป้าแกมีแต่ได้ กับได้
- ได้กินดอกเบี้ยที่ปล่อยให้ จขกท.กู้
- ได้บ้านให้ลูกอยู่  (ต่อไป ลูกเขาก็ขาดส่งอีกแน่ แต่คุณยังต้องผ่อนแทนต่อไป เพื่อรักษาเครดิต  , จะขับไล่ออกจากบ้าน ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ)

คุณมีแต่เสีย กับ เสี่ยง

ถ้าปฏิเสธยากล่ะก็
แนะนำว่า  
- ทำเรื่องยื่นกู้ซื้อบ้านนั้น  แต่ส่งเอกสารให้ไม่ครบ  หรือ ทำให้ตัวเองกู้ไม่ผ่าน (ควรเป็นคนละธนาคารกับที่คุณจะกู้ทำธุรกิจ)  ... หรือ ชิงยื่นกู้ธุรกิจ ให้เสร็จก่อน แล้วค่อยเริ่มดำเนินการกู้ซื้อบ้าน(พยายามอย่าให้กู้ผ่าน) หรือต่อให้กู้ผ่าน ก็ต้องไปบอกป้าว่า กู้ไม่ผ่าน   ..ใครถามว่าทำไมถึงไม่ผ่าน ก็ตอบไปแค่ว่า  "ไม่รู้ดิ่ แค่นั้น"
- ส่วนที่จะกู้ทำธุรกิจนั้น จะกู้ป้า หรือจะกู้ธนาคาร ก็แล้วแต่ความสะดวกของคุณครับ   ...

ผมว่า ที่ป้าแก ไม่เอาเงินตัวเองไปโปะเงินธนาคาร  เพราะป้าแกเองก็คงรู้ดีแหล่ะว่าลูกแกจะไม่ผ่อนคืนป้า เหมือนกันแหล่ะ
เลยจะให้คุณเป็นแพะไง

อย่าโง่ อย่าใจอ่อนเชียวนะ
ด้วยความหวังดี

แต่เบื้องต้น ก่อนจะลงมือทำการใดๆ
ถ่วงเวลาไปเรื่อยๆ  เรื่อยๆ เรื่อยๆ  เช่น อ้างว่า ทางบริษัทไม่ออกใบรับรองเงินเดือนให้ เป็นต้น  ..ถ่วงไปเรื่อยๆ จนกว่าจะจวนตัว ค่อยลงมือยื่นเอกสาร(ไม่ครบ)กู้   (ส่วนในระหว่างนี้ ถ้ากู้ทำธุรกิจ ก็ไม่ต้องบอกใคร ไม่ต้องบอกแม้แต่แม่  ให้รู้กันสองคนกับแฟน ...ถ้าได้เงินกู้มา แล้วใครถามว่าเอาเงินมาจากไหน ก็บอกว่า "เงินแฟน ..แฟนกู้ผ่าน ..อะไรก็ว่าไป" )

ให้รอดตัวเน้อ
ความคิดเห็นที่ 1
ทำไมป้าไม่เอาเงินที่จะให้คุณยืม และกินดอกเบี้ยคุณ  ไปซื้อบ้านคืนจากแบงค์  ที่เหลือก็ทำเรื่องกู้และผ่อนไป
แต่แกไม่ทำเพราะอะไร  ลองคิดดูง่ายๆ ก็แล้วกันนะคะ

เราเล็งว่าคุณมีโอกาสเอากระดูกมาแขวนคอมากเลยค่ะ  สิ่งที่คุณคิดไว้มันก็ครบเสร็จสรรพล่ะ  เหลือแต่จะพูดยังไง
กับแม่เท่านั้นเอง  คงต้องพูดตามตรงค่ะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่