“โตโน่” ปฏิเสธไม่ได้ซื้อรถ BMW ให้ “แตงโม ภัทรธิดา” ยันซื้อขับเอง แค่ให้แฟนสาวยืมใช้ขับบ้างเท่านั้น พร้อมลั่นถ้าแตงโมอยากได้อะไรตนก็ให้ได้ ปัดแฟนคลับไปร่วมงานวันเกิดลดน้อยลง ชี้แจงมี 300 คนเท่าเดิม เจ้าตัวปฏิเสธแฟนคลับตะโกน “รักโตโน่ ขอเซอร์ไพรส์ แต่ไม่เอาสะใภ้” แต่บอกถ้าเกิดมีคนพูดจริงๆ ก็ไม่แปลกอะไร
เพิ่งจะพร้อมใจกันไปสักชื่อของกันและกันไว้ที่ตัวจนหลายคนอึ้งทึ่ง รวมไปถึงยินดีที่เห็นความรักของ “โตโน่ ภาคิน วิลัยศักดิ์” กับสาว “แตงโม ภัทรธิดา พัชรวีระพงษ์” ดูแนบแน่นฝังลึก ล่าสุดก็มีข่าวออกมาอีกว่า ฝ่ายชายใจป๋าทุ่มซื้อรถ BMW ป้ายแดงให้แฟนสาว ทำเอาหลายคนอิจฉาสาวแตงโมไปตามๆ กัน ที่มีแฟนทั้งรักทั้งหลงขนาดนี้ สบโอกาสได้เจอโตโน่ในงาน “BOK BOOK BLOOD BY KAO JIRAYU” ณ ห้างสรรพสินค้าเมกาบางนา เจ้าตัวก็แจงด่วนว่าไม่ได้ซื้อให้ฝ่ายหญิง แต่ซื้อให้ตัวเอง
“ไม่จริงครับ ผมซื้อขับเองเพราะรถผมเก่า คือวันนั้นผมไปถ่ายงานที่จ. ปทุมฯ แล้วขากลับรถเสียบนทางด่วน ทางคุณแม่ผมและทางแตงโมก็เป็นห่วง คือเขาไม่อยากให้เราขับรถเก่ากลัวไม่คุ้มเวลาเกิดอะไรขึ้นมา เพราะเราทำงานหนัก คือผมถอยรถขับเองไม่ได้ซื้อให้เขา ชื่อรถก็เป็นชื่อผมเอง แต่ผมก็ไม่ได้หวงนะ คือถ้าแตงโมอยากได้อะไรผมก็ให้ได้นะครับ แต่ว่าอะไรจริงไม่จริงก็ต้องบอกด้วยว่าเรื่องซื้อรถให้มันไม่จริง ถามว่าขับไปรับโมบ้างหรือยังก็มีครับ บางครั้งโมเขาก็ขับรถของผมบ้าง”
พร้อมชี้แจงข่าวแฟนคลับจำนวนน้อยลง หลังเมื่อวันที่เจ้าตัวไปทำบุญวันคล้ายวันเกิดย้อนหลังกับแม่และเหล่าแฟนคลับ ที่ โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า แต่ถูกจับสังเกตว่าทำไมจำนวนแฟนคลับบางตากว่าเดิม
“ไม่นะครับ ก็ 300 กว่าคนเท่าเดิมนะ วันนั้นผมกลับบ้านไป ผมมีความสุขมากเลยที่ได้ไปทำบุญกับแฟนคลับ และไม่คิดว่าแฟนคลับจะไปถึง 300 คน เพราะว่าเราก็มีข่าวลือมากเยอะแยะมากมาย และอีกอย่างเราบอกว่าเรามีแฟน เราก็ไม่รู้ว่าเขาจะยังรักเราอีกอยู่ไหม แต่พอวันนั้นไปสิ่งที่พวกเขาทำให้ผม ผมมีความสุขมาก”
ปัดมีแฟนคลับชูป้ายพร้อมตะโกน “รักโตโน่ ขอเซอร์ไพรส์ แต่ไม่เอาสะใภ้”
“ไม่มีนะครับ ผมร้องเพลงอยู่บนเวทีก็ไม่เห็นมี มีแต่แฟนคลับเอาของขวัญมาให้ ผมก็เปิดดูทุกอันก็ไม่มีอะไร ถามว่ามีคนแอนตี้ไหม ก็มีบ้างที่ชอบและไม่ชอบ เข้าใจและไม่เข้าใจ ก็เป็นเรื่องปกติครับ แต่เรื่องของแผ่นป้ายไม่มีแน่นอน และส่วนที่บอกว่ามีแฟนคลับพูดว่าไม่เอาสะใภ้คนนี้ ผมก็ไม่ได้ยิน แต่ถ้ามีคนพูดจริงผมก็ว่าไม่แปลกอะไรนะ”
นอกจากนี้แล้วยังมีข่าว “โตโน่” ชิ่งทิ้งงานควงแฟนคลับโยนโบว์ลิ่งออกมาให้เคลียร์อีกหนึ่งดอก
“ไม่จริงครับ เพราะว่าตอนไปโยนโบว์ลิ่ง ละครมันจบไปแล้ว แล้วเราเล่นคอนเสิร์ตเสร็จเราถึงไปโยน และวันที่ไปโยนคือผมไปเช็คหนังของผมเรื่องรักโง่ๆ ที่เมเจอร์รัชโยธิน ก็เลยชวนกันไปโยนโบว์รอรอบหนัง คือที่เราไปกันเพราะว่าเราอยากเข้าไปดูว่ามีคนดูหนังเราเยอะไหม แต่ก็ไม่เป็นไรครับ คือไม่ต้องแค่คอมเมนต์หรอก เรื่องนี้ข่าวก็เคยลงว่าโตโน่โต้ติดแฟนไม่รับงานละคร หรือว่าโตโน่โต้ค่ายเอ็กแซ็กท์แบนโดนคุณบอยลงดาบดองยาว 2 ปี”
ลั่นถึงมีข่าวไม่ค่อยจะดีเยอะแต่ไม่บั่นทอนความรักอย่างแน่นอน
“ไม่ครับ ความรักก็คือความรัก ความรักของคน 2 คน ต่อให้คนเห็นด้วยเชียร์เป็นล้านคนให้รักกัน แต่ถ้า 2 คนนี้ไม่จริงใจไม่ได้รักกันจริงนั่นก็ไม่ใช่ความรัก คือความรักมันไม่ได้วัดกันที่คำคนหรอก มันอยู่ที่คน 2 คนครับ สำหรับผมนะ รักก็คือรัก ตอนนี้ผมก็แค่พยายามทำในสิ่งดีๆ พยายามทำบุญ ช่วยสังคม แล้วก็ตั้งใจพัฒนาตัวเอง เพราะจะมีละครเรื่องใหม่ก็ฝึกชกมวย เรียนยิงปืน เรียนขี่ม้า ส่วนข่าวที่เกิดขึ้นผมก็มีหน้าที่ตอบไป ถามว่างงๆไหมมีข่าวออกมาแบบนี้ ไม่ครับ เพราะบางครั้งข่าวก็ยังเขียนเลยว่าผมไปใช้หนี้ให้เขา บางข่าวก็เขียนว่าผมซื้อรถให้เขา ก็ไม่แปลกหรอกที่จะมีข่าวนี้ออกมาอีก”
ทั้งนี้ “โตโน่” ยังได้ชี้แจงหลังมาร่วมงานนี้แล้วขึ้นโชว์ร้องเพลง “ยังไงก็โดน” ของ “หนุ่ย อำพล ลำพูน” ซึ่งมีเนื้อหาตัดพ้อว่าทำอะไรๆก็ผิด ทำเอาถูกตีความว่าร้องไปประชดใครหรือเปล่า ซึ่งเจ้าตัวยืนยันไม่ได้แขวะหรือว่าหมายถึงใคร
“ไม่มีนะครับผม คือเวลาเราร้องเพลงเราก็ต้องอินกับเพลงนะ ก็ไม่มีอะไรครับ ไม่ได้น้อยใจด้วย ผมจะไปน้อยใจอะไรใคร ก็แล้วแต่คนจะมอง ก็ไม่มีอะไรน่ะครับ ถามว่าเกี่ยวกับข่าวที่ออกมาหรือเปล่า ก็ไม่เกี่ยวกันครับ ข่าวมีหลายข่าวครับ ก็เป็นธรรมดาครับมีทั้งข่าวดีและข่าวไม่ดี เราอยู่ในวงการนี้เราก็ต้องอยู่ให้ได้ เพราะว่าไม่ใช่ครั้งแรกนี่ ก็มีข่าวตั้งแต่ตอนโน้นว่าผมไปขายตัวที่ประเทศเยอรมัน ข่าวผมเป็นเกย์เป็นตุ๊ด”
“ในความคิดผมมันก็เป็นเรื่องปกติ คือสื่อก็ต้องทำงานใครอยากกลับไปไม่มีงานให้นาย คือทุกๆ คนก็ต้องทำมาหากิน ผมรู้สึกว่าแค่สื่อมายืนถือไมค์สัมภาษณ์ผม ผมรู้สึกว่าเป็นบุญคุณแล้ว เพราะที่มีผมในวันนี้ได้ก็เพราะนักข่าวส่วนนึง ที่คอยมาถามคอยมาสัมภาษณ์ ไม่งั้นคนก็คงไม่รู้จักผม ผมก็คงไม่มีโอกาสได้ตอบคำถาม ดังนั้นต่อให้มีข่าวที่บั่นทอนหรือข่าวที่ไม่เป็นความจริง ก็ไม่เป็นไรครับ เพราะผมไม่ได้โดนแบบนี้แค่คนเดียว ดาราคนอื่นก็โดนเหมือนกัน เพราะเมื่อก่อนเราลำบาก ขนาดไม่มีเงินจ่ายค่าน้ำค่าไฟ ทุกวันนี้เราได้โอกาสทำเพื่อครอบครัว เพื่อสังคม โดนแบบนี้บ้างก็ไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะคนที่โดนกว่าผมมีเยอะแยะ ก็ถือเป็นเรื่องปกติไปครับ”
http://www.manager.co.th/Entertainment/ViewNews.aspx?NewsID=9560000135264
“โตโน่” ปฏิเสธสวมบทป๋าซื้อรถบีเอ็มให้ “แตงโม ภัทรธิดา” แจงแค่ให้แฟนสาวยืมขับใช้บ้าง บอกถ้าแตงโมอยากได้อะไรก็ให้ได้
เพิ่งจะพร้อมใจกันไปสักชื่อของกันและกันไว้ที่ตัวจนหลายคนอึ้งทึ่ง รวมไปถึงยินดีที่เห็นความรักของ “โตโน่ ภาคิน วิลัยศักดิ์” กับสาว “แตงโม ภัทรธิดา พัชรวีระพงษ์” ดูแนบแน่นฝังลึก ล่าสุดก็มีข่าวออกมาอีกว่า ฝ่ายชายใจป๋าทุ่มซื้อรถ BMW ป้ายแดงให้แฟนสาว ทำเอาหลายคนอิจฉาสาวแตงโมไปตามๆ กัน ที่มีแฟนทั้งรักทั้งหลงขนาดนี้ สบโอกาสได้เจอโตโน่ในงาน “BOK BOOK BLOOD BY KAO JIRAYU” ณ ห้างสรรพสินค้าเมกาบางนา เจ้าตัวก็แจงด่วนว่าไม่ได้ซื้อให้ฝ่ายหญิง แต่ซื้อให้ตัวเอง
“ไม่จริงครับ ผมซื้อขับเองเพราะรถผมเก่า คือวันนั้นผมไปถ่ายงานที่จ. ปทุมฯ แล้วขากลับรถเสียบนทางด่วน ทางคุณแม่ผมและทางแตงโมก็เป็นห่วง คือเขาไม่อยากให้เราขับรถเก่ากลัวไม่คุ้มเวลาเกิดอะไรขึ้นมา เพราะเราทำงานหนัก คือผมถอยรถขับเองไม่ได้ซื้อให้เขา ชื่อรถก็เป็นชื่อผมเอง แต่ผมก็ไม่ได้หวงนะ คือถ้าแตงโมอยากได้อะไรผมก็ให้ได้นะครับ แต่ว่าอะไรจริงไม่จริงก็ต้องบอกด้วยว่าเรื่องซื้อรถให้มันไม่จริง ถามว่าขับไปรับโมบ้างหรือยังก็มีครับ บางครั้งโมเขาก็ขับรถของผมบ้าง”
พร้อมชี้แจงข่าวแฟนคลับจำนวนน้อยลง หลังเมื่อวันที่เจ้าตัวไปทำบุญวันคล้ายวันเกิดย้อนหลังกับแม่และเหล่าแฟนคลับ ที่ โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า แต่ถูกจับสังเกตว่าทำไมจำนวนแฟนคลับบางตากว่าเดิม
“ไม่นะครับ ก็ 300 กว่าคนเท่าเดิมนะ วันนั้นผมกลับบ้านไป ผมมีความสุขมากเลยที่ได้ไปทำบุญกับแฟนคลับ และไม่คิดว่าแฟนคลับจะไปถึง 300 คน เพราะว่าเราก็มีข่าวลือมากเยอะแยะมากมาย และอีกอย่างเราบอกว่าเรามีแฟน เราก็ไม่รู้ว่าเขาจะยังรักเราอีกอยู่ไหม แต่พอวันนั้นไปสิ่งที่พวกเขาทำให้ผม ผมมีความสุขมาก”
ปัดมีแฟนคลับชูป้ายพร้อมตะโกน “รักโตโน่ ขอเซอร์ไพรส์ แต่ไม่เอาสะใภ้”
“ไม่มีนะครับ ผมร้องเพลงอยู่บนเวทีก็ไม่เห็นมี มีแต่แฟนคลับเอาของขวัญมาให้ ผมก็เปิดดูทุกอันก็ไม่มีอะไร ถามว่ามีคนแอนตี้ไหม ก็มีบ้างที่ชอบและไม่ชอบ เข้าใจและไม่เข้าใจ ก็เป็นเรื่องปกติครับ แต่เรื่องของแผ่นป้ายไม่มีแน่นอน และส่วนที่บอกว่ามีแฟนคลับพูดว่าไม่เอาสะใภ้คนนี้ ผมก็ไม่ได้ยิน แต่ถ้ามีคนพูดจริงผมก็ว่าไม่แปลกอะไรนะ”
นอกจากนี้แล้วยังมีข่าว “โตโน่” ชิ่งทิ้งงานควงแฟนคลับโยนโบว์ลิ่งออกมาให้เคลียร์อีกหนึ่งดอก
“ไม่จริงครับ เพราะว่าตอนไปโยนโบว์ลิ่ง ละครมันจบไปแล้ว แล้วเราเล่นคอนเสิร์ตเสร็จเราถึงไปโยน และวันที่ไปโยนคือผมไปเช็คหนังของผมเรื่องรักโง่ๆ ที่เมเจอร์รัชโยธิน ก็เลยชวนกันไปโยนโบว์รอรอบหนัง คือที่เราไปกันเพราะว่าเราอยากเข้าไปดูว่ามีคนดูหนังเราเยอะไหม แต่ก็ไม่เป็นไรครับ คือไม่ต้องแค่คอมเมนต์หรอก เรื่องนี้ข่าวก็เคยลงว่าโตโน่โต้ติดแฟนไม่รับงานละคร หรือว่าโตโน่โต้ค่ายเอ็กแซ็กท์แบนโดนคุณบอยลงดาบดองยาว 2 ปี”
ลั่นถึงมีข่าวไม่ค่อยจะดีเยอะแต่ไม่บั่นทอนความรักอย่างแน่นอน
“ไม่ครับ ความรักก็คือความรัก ความรักของคน 2 คน ต่อให้คนเห็นด้วยเชียร์เป็นล้านคนให้รักกัน แต่ถ้า 2 คนนี้ไม่จริงใจไม่ได้รักกันจริงนั่นก็ไม่ใช่ความรัก คือความรักมันไม่ได้วัดกันที่คำคนหรอก มันอยู่ที่คน 2 คนครับ สำหรับผมนะ รักก็คือรัก ตอนนี้ผมก็แค่พยายามทำในสิ่งดีๆ พยายามทำบุญ ช่วยสังคม แล้วก็ตั้งใจพัฒนาตัวเอง เพราะจะมีละครเรื่องใหม่ก็ฝึกชกมวย เรียนยิงปืน เรียนขี่ม้า ส่วนข่าวที่เกิดขึ้นผมก็มีหน้าที่ตอบไป ถามว่างงๆไหมมีข่าวออกมาแบบนี้ ไม่ครับ เพราะบางครั้งข่าวก็ยังเขียนเลยว่าผมไปใช้หนี้ให้เขา บางข่าวก็เขียนว่าผมซื้อรถให้เขา ก็ไม่แปลกหรอกที่จะมีข่าวนี้ออกมาอีก”
ทั้งนี้ “โตโน่” ยังได้ชี้แจงหลังมาร่วมงานนี้แล้วขึ้นโชว์ร้องเพลง “ยังไงก็โดน” ของ “หนุ่ย อำพล ลำพูน” ซึ่งมีเนื้อหาตัดพ้อว่าทำอะไรๆก็ผิด ทำเอาถูกตีความว่าร้องไปประชดใครหรือเปล่า ซึ่งเจ้าตัวยืนยันไม่ได้แขวะหรือว่าหมายถึงใคร
“ไม่มีนะครับผม คือเวลาเราร้องเพลงเราก็ต้องอินกับเพลงนะ ก็ไม่มีอะไรครับ ไม่ได้น้อยใจด้วย ผมจะไปน้อยใจอะไรใคร ก็แล้วแต่คนจะมอง ก็ไม่มีอะไรน่ะครับ ถามว่าเกี่ยวกับข่าวที่ออกมาหรือเปล่า ก็ไม่เกี่ยวกันครับ ข่าวมีหลายข่าวครับ ก็เป็นธรรมดาครับมีทั้งข่าวดีและข่าวไม่ดี เราอยู่ในวงการนี้เราก็ต้องอยู่ให้ได้ เพราะว่าไม่ใช่ครั้งแรกนี่ ก็มีข่าวตั้งแต่ตอนโน้นว่าผมไปขายตัวที่ประเทศเยอรมัน ข่าวผมเป็นเกย์เป็นตุ๊ด”
“ในความคิดผมมันก็เป็นเรื่องปกติ คือสื่อก็ต้องทำงานใครอยากกลับไปไม่มีงานให้นาย คือทุกๆ คนก็ต้องทำมาหากิน ผมรู้สึกว่าแค่สื่อมายืนถือไมค์สัมภาษณ์ผม ผมรู้สึกว่าเป็นบุญคุณแล้ว เพราะที่มีผมในวันนี้ได้ก็เพราะนักข่าวส่วนนึง ที่คอยมาถามคอยมาสัมภาษณ์ ไม่งั้นคนก็คงไม่รู้จักผม ผมก็คงไม่มีโอกาสได้ตอบคำถาม ดังนั้นต่อให้มีข่าวที่บั่นทอนหรือข่าวที่ไม่เป็นความจริง ก็ไม่เป็นไรครับ เพราะผมไม่ได้โดนแบบนี้แค่คนเดียว ดาราคนอื่นก็โดนเหมือนกัน เพราะเมื่อก่อนเราลำบาก ขนาดไม่มีเงินจ่ายค่าน้ำค่าไฟ ทุกวันนี้เราได้โอกาสทำเพื่อครอบครัว เพื่อสังคม โดนแบบนี้บ้างก็ไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะคนที่โดนกว่าผมมีเยอะแยะ ก็ถือเป็นเรื่องปกติไปครับ”
http://www.manager.co.th/Entertainment/ViewNews.aspx?NewsID=9560000135264