POPF เพิ่มทุนให้ผู้ถือหุ้นเดิมซื้อจำนวน 200 ล้านหุ้น มูลค่า ไม่เกิน 2,094.00 ล้านบาท

กำหนดการประชุมผู้ถือหลักทรัพย์                      
เรื่อง                       : กำหนดการประชุมผู้ถือหน่วยลงทุน
วันที่แจ้งสารสนเทศ                       : 24 ต.ค. 2556
วันประชุม                       : 03 ธ.ค. 2556
วันกำหนดรายชื่อผู้มีสิทธิเข้าร่วมประชุม (Record date)                      : 07 พ.ย. 2556
วันปิดสมุดทะเบียนเพื่อรวบรวมรายชื่อผู้มีสิทธิเข้าร่วมประชุม                  : 08 พ.ย. 2556
วันที่ไม่ได้รับสิทธิเข้าประชุม                       : 05 พ.ย. 2556
วาระการประชุมที่สำคัญ                       :
1.พิจารณาอนุมัติการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ที่จะลงทุนเพิ่มเติม การเพิ่มเงินทุนของกองทุนรวม
จำนวนหน่วยลงทุนที่จะออกและเสนอขายเพิ่มเติม และวิธีกำหนดราคาของหน่วยลงทุนที่จะออกและเสนอขายเพิ่มเติม

2. พิจารณาอนุมัติวิธีการเสนอขายและการจัดสรรหน่วยลงทุนที่ออกและเสนอขายเพิ่มเติม
และการนำหน่วยลงทุนใหม่จดทะเบียนเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย

3. พิจารณาอนุมัติการแก้ไขเพิ่มเติมโครงการจัดการลงทุนของกองทุนรวมเพื่อ
3.1. ให้สอดคล้องกับการลงทุนเพิ่มเติมในสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ การเพิ่มเงินทุนจดทะเบียน และ
3.2. การแก้ไขเพิ่มเติม และปรับปรุงข้อมูลต่างๆ ในโครงการจัดการกองทุนรวมให้เป็นปัจจุบันและครบถ้วน
และให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่สำนักงาน ก.ล.ต. ประกาศกำหนด

4. พิจารณาเรื่องอื่นๆ (ถ้ามี)
หมายเหตุ                       :
บริษัทจัดการจะแจ้งรายละเอียดเกี่ยวกับเวลาและสถานที่ประชุมต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยให้ทราบในภายหลัง
โดยบริษัทจัดการจะจัดส่งหนังสือเชิญประชุมผู้ถือหน่วยลงทุนพร้อมเอกสารประกอบการพิจารณาให้แก่ผู้ถือหน่วย
ลงทุนล่วงหน้าไม่น้อยกว่า 14 วันก่อนวันประชุมผู้ถือหน่วยลงทุนต่อไป
______________________________________________________________________
รายการได้มาและจำหน่ายไปซึ่งสินทรัพย์ เพื่อนำไปซื้อหรือลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ที่จะลงทุนเพิ่มเติม ได้แก่

1)       สิทธิการเช่าอาคารและสิทธิการเช่าอาคารบางส่วนในโครงการบางนา ทาวเวอร์จากบริษัท เตียวฮงสีลม จำกัด
ซึ่งประกอบไปด้วย อาคารจำนวน 4 (สี่) อาคาร ได้แก่

(1)       สิทธิการเช่าอาคารเอเป็นระยะเวลา 30 (สามสิบ) ปี ซึ่งใช้เป็นอาคารสำนักงาน
รวมถึงพื้นที่จอดรถยนต์และงานระบบภายในอาคาร ตั้งอยู่ที่เลขที่ 2/3 หมู่ที่ 14 ตำบลบางแก้ว อำเภอบางพลี
จังหวัดสมุทรปราการ
(2)       สิทธิการเช่าอาคารบีบางส่วนเป็นระยะเวลา 30 (สามสิบ) ปี ซึ่งใช้เป็นอาคารสำนักงาน ฟิตเนส
และสระว่ายน้ำสำหรับโครงการบางนา ทาวเวอร์ รวมถึงพื้นที่จอดรถยนต์และงานระบบภายในอาคาร
ตั้งอยู่ที่เลขที่ 2/3 หมู่ที่ 14 ตำบลบางแก้ว อำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ
(3)       สิทธิการเช่าอาคารซีบางส่วนเป็นระยะเวลา 30 (สามสิบ) ปี ซึ่งใช้เป็นอาคารสำนักงาน
รวมถึงพื้นที่จอดรถยนต์และงานระบบภายในอาคาร ตั้งอยู่ที่เลขที่ 40/14 หมู่ที่ 12 (อาคารซี) ตำบลบางแก้ว
อำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ และ
(4)       สิทธิการเช่าอาคาร 3 (สาม) ชั้น จำนวน 1 (หนึ่ง) อาคารเป็นระยะเวลา 30 (สามสิบ) ปี
ซึ่งเป็นทางเชื่อมระหว่างอาคารเอและอาคารบี ซึ่งใช้เป็นที่ทำการธนาคารพาณิชย์ ร้านค้า (Retail)
ห้องประชุม/ห้องจัดเลี้ยง และห้องอาหาร รวมถึงพื้นที่จอดรถยนต์และงานระบบภายในอาคาร ตั้งอยู่ที่เลขที่
2/3 หมู่ที่ 14 ตำบลบางแก้ว อำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ

2)       สิทธิการเช่าที่ดินโครงการบางนา ทาวเวอร์ จากบริษัท เตียวฮงสีลม จำกัด ซึ่งประกอบไปด้วยที่ดินจำนวน 3
(สาม) แปลง เป็นระยะเวลา 30 (สามสิบ) ปี ที่ดินโฉนดที่ดินเลขที่ 54800, 54801 และ 54814 ตำบลบางแก้ว
อำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ มีเนื้อที่รวมประมาณ 8 ไร่ 1 งาน 9.2 ตารางวา
ซึ่งเป็นที่ตั้งของโครงการบางนา ทาวเวอร์ และหมายความรวมถึงระบบสาธารณูปโภคต่างๆ
และส่วนควบของที่ดินดังกล่าว

3)       สิทธิการเช่าช่วงที่ดินบางส่วน จากบริษัท ทรัพย์สินไพศาล จำกัด ซึ่งประกอบไปด้วยที่ดินจำนวน 2 (สอง)
แปลงเป็นระยะเวลาประมาณ 8 (แปด) ปี นับแต่วันที่กองทุนรวมได้ ลงทุนถึงวันที่ 31 พฤษภาคม 2564
ได้แก่ที่ดินโฉนดที่ดินเลขที่ 66486 และ 66487 ตำบลบางแก้ว อำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ
มีเนื้อที่รวมประมาณ 5ไร่ 3 งาน 87 ตารางวา ซึ่งใช้เป็นที่จอดรถของโครงการบางนาทาวเวอร์
ซึ่งสิทธิการเช่าช่วงที่ดินบางส่วนดังกล่าวหมายความรวมถึงระบบสาธารณูปโภคต่างๆ
และส่วนควบของที่ดินดังกล่าว โดยมีการชำระค่าเช่าช่วงเป็นราย 3 (สาม) เดือน

4)       เพื่อให้กองทุนรวมมีพื้นที่จอดรถเพียงพอในการประกอบกิจการโครงการบางนา ทาวเวอร์
และเป็นจำนวนที่เป็นไปตามความต้องการของกองทุนรวม
กองทุนรวมจะได้เข้าทำสัญญาเพื่อใช้ประโยชน์บนที่จอดรถเพิ่มเติมจากบริษัท เตียวฮงสีลม จำกัด
และ/หรือบริษัทที่เกี่ยวข้องนอกเหนือจากที่ได้มีการเช่าช่วงตามข้อ 3)ข้างต้น ทั้งนี้
เพื่อเป็นประกันในการจัดให้มีที่จอดรถภายในโครงการบางนา ทาวเวอร์ บริษัท เตียวฮงสีลม
จำกัดตกลงจะดำเนินการให้บริษัท วี เอส แอสเสท จำกัด บริษัทที่เกี่ยวข้องกับบริษัท เตียวฮงสีลม จำกัด
จดทะเบียนสิทธิเก็บกินแบบไม่มีค่าตอบแทนบนที่ดิน 2 (สอง) แปลง โฉนดที่ดินเลขที่ 54802 และ 54803
ตำบลบางแก้ว อำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ มีเนื้อที่รวมประมาณ 1 ไร่ 2 งาน 48 ตารางวา
ซึ่งอยู่บริเวณด้านข้างอาคารซีให้แก่กองทุนรวม ณ วันที่กองทุนรวมได้ลงทุนในโครงการบางนา ทาวเวอร์
เพื่อให้กองทุนรวมสามารถใช้เป็นที่จอดรถในกรณีที่บริษัท เตียวฮงสีลม
จำกัดไม่สามารถจัดหาที่จอดรถในบริเวณอื่นและตามจำนวนที่กองทุนรวมและบริษัท เตียวฮงสีลม จำกัดได้ตกลงกัน
ณ เวลาใดๆ ภายในระยะเวลาการเช่าให้แก่กองทุนรวมได้ อย่างไรก็ตาม หากบริษัท เตียวฮงสีลม จำกัด
สามารถจัดหาที่จอดรถเพิ่มเติมให้แก่กองทุนรวมตามที่จะได้ตกลงกัน หรือ หากบริษัท เตียวฮงสีลม จำกัด
ประสงค์จะให้มีการก่อสร้างสิ่งปลูกสร้างหรืออาคารใดๆ บนที่ดินโฉนดที่ดินเลขที่ 54802 และ 54803
ซึ่งอยู่บริเวณด้านข้างอาคารซีที่สามารถแสดงได้ว่าจะทำให้โครงการบางนา
ทาวเวอร์มีจำนวนที่จอดรถเพิ่มเติมได้อย่างครบถ้วนและใช้ประโยชน์ได้ตลอดระยะเวลาการเช่า
กองทุนรวมยินยอมที่จะจดทะเบียนเลิกสิทธิเก็บกินดังกล่าว
(ซึ่งต่อไปจะเรียกทรัพย์สินที่กองทุนรวมจะลงทุนเพิ่มเติมในครั้งนี้ว่า
"อสังหาริมทรัพย์ที่จะลงทุนเพิ่มเติม") ในราคารวมทั้งสิ้นไม่เกิน 2,022.00 ล้านบาท
(สองพันยี่สิบสองล้านบาท) (ไม่รวมค่าใช้จ่ายเพื่อให้ได้มาซึ่งอสังหาริมทรัพย์ อาทิ
ค่าจดทะเบียนสิทธิการเช่า ค่ารับประกันการจัดจำหน่ายหน่วยลงทุน
ซึ่งกองทุนรวมจะเป็นผู้รับผิดชอย่างไรก็ดี ก่อนการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ที่จะลงทุนเพิ่มเติมดังกล่าว
กองทุนรวมจะต้องจัดให้มีผู้ประเมินราคาอิสระอย่างน้อย 2 (สอง)
รายเพื่อประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ดังกล่าว
โดยราคาที่จะซื้ออสังหาริมทรัพย์ดังกล่าวจะเป็นราคาที่ไม่สูงกว่าราคาที่ได้จากรายงานการประเมินค่าต่ำสุด
เกินร้อยละ 10 (สิบ) ของราคาที่ได้จากรายงานการประเมินค่าของผู้ประเมินราคาอิสระ
โดยเมื่อคำนวณขนาดของรายการทั้งหมดในข้อ 3. แล้วมากกว่าร้อยละ 3 (สาม)
ของมูลค่าสินทรัพย์สุทธิของกองทุนรวม ณ วันที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2556 ซึ่งเท่ากับ 3,845.42 ล้านบาท
(สามพันแปดร้อยสี่สิบห้าจุดสี่สองล้านบาท)
______________________________________________________________________
การเพิ่มเงินทุนของกองทุนรวม                      
เรื่อง                       : การเพิ่มเงินทุนของกองทุนรวม
วันที่แจ้งสารสนเทศ                       : 24 ต.ค. 2556
จัดสรรให้กับ                       : - ผู้ถือหน่วยลงทุนเดิม
จำนวนหน่วยที่ออกและเสนอขาย (หน่วย)                       : 200,000,000
หมายเหตุ                       :
ผู้จัดการกองทุนอนุมัติให้กองทุนรวมเพิ่มเงินทุนเป็นจำนวนรวมไม่เกิน 2,094.00 ล้านบาท
(สองพันเก้าสิบสี่ล้านบาท) จากมูลค่าเงินทุนของกองทุนรวมเดิมจำนวน 3,420.00 ล้านบาท
(สามพันสี่ร้อยยี่สิบล้านบาท) รวมเป็นเงินทุนใหม่จำนวนทั้งสิ้นไม่เกิน 5,514.00 บาท
(ห้าพันห้าร้อยสิบสี่ล้านบาท) โดยการออกและเสนอขายหน่วยลงทุนใหม่จำนวนไม่เกิน 200 ล้านหน่วย
(สองร้อยล้านหน่วย) และ/หรือ จากกำไรสะสมจากการดำเนินงานที่มีการรับรู้ตามเกณฑ์เงินสด (ถ้ามี) และ/หรือ
จากการกู้ยืม (ถ้ามี) ทั้งนี้
ผู้ถือหน่วยลงทุนเดิมของกองทุนรวมจะได้รับสิทธิในการจองซื้อหน่วยลงทุนที่ออกและเสนอขายเพิ่มเติมในครั้งน
ี้ ภายหลังจากที่สำนักงาน ก.ล.ต. ได้อนุมัติการเพิ่มเงินทุนของกองทุนรวมแล้ว
โดยบริษัทจัดการจะแจ้งวันปิดสมุดทะเบียน อัตราส่วนในการจัดสรรหน่วยลงทุนดังกล่าว
และวันจองซื้อหน่วยลงทุนต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยต่อไป
______________________________________________________________________
สารสนเทศฉบับนี้จัดทำและเผยแพร่โดยบริษัทจดทะเบียนและบริษัทผู้ออกหลักทรัพย์ผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์
ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อการเผยแพร่ข้อมูลหรือเอกสารใดๆของบริษัทจดทะเบียนและบริษัทผู้ออกหลักทรัพย์
ต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยเท่านั้น ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยไม่มีความรับผิดชอบใดๆ
ในความถูกต้องและครบถ้วนของเนื้อหา ตัวเลข รายงานหรือข้อคิดเห็นใดๆ ที่ปรากฎในสารสนเทศฉบับนี้
และไม่มีความรับผิดในความสูญเสียหรือเสียหายใดๆ ที่อาจเกิดขึ้นไม่ว่าในกรณีใด ในกรณีที่ท่านมีข้อสงสัย
หรือต้องการรายละเอียดเพิ่มเติม โปรดติดต่อบริษัทจดทะเบียนและบริษัทผู้ออกหลักทรัพย์ซึ่งได้จัดทำ
และเผยแพร่สารสนเทศฉบับนี้

ข้อสงวนสิทธิ์
สารสนเทศฉบับนี้จัดทำและเผยแพร่โดยบริษัทจดทะเบียนและบริษัทผู้ออกหลักทรัพย์ผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อการเผยแพร่ข้อมูลหรือเอกสารใดๆ ของบริษัทจดทะเบียนและบริษัทผู้ออกหลักทรัพย์ต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยเท่านั้น ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยไม่มีความรับผิดชอบใดๆ ในความถูกต้องและครบถ้วนของเนื้อหา ตัวเลข รายงานหรือข้อคิดเห็นใดๆ ที่ปรากฎในสารสนเทศฉบับนี้ และไม่มีความรับผิดในความสูญเสียหรือเสียหายใดๆ ที่อาจเกิดขึ้นไม่ว่าในกรณีใด ในกรณีที่ท่านมีข้อสงสัยหรือต้องการรายละเอียดเพิ่มเติม โปรดติดต่อบริษัทจดทะเบียนและบริษัทผู้ออกหลักทรัพย์ซึ่งได้จัดทำและเผยแพร่สารสนเทศฉบับนี้

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่