ก่อนอื่น ขอออกตัวก่อนนะคะว่า ไม่ค่อยได้ตั้งกระทู้ อาจจะมีผิดพลาดบ้าง ต้องขออภัยด้วยนะคะ
เริ่มเรื่องกันเลยดีกว่า คือ ที่บ้านเปิดร้านขายเสื้อผ้าอยู่ในห้างที่ต่างจังหวัด เปิดมานานหลายปีแล้วค่ะ
วันนี้เจอลูกค้าอยู่รายนึง มาเลือกซื้อเสื้อแจ็คเก็ต บทสนทนาก็ประมาณว่า
ลูกค้าผู้น่ารัก : ขอดูเสื้อที่อยู่ในหุ่นหน่อยครับ
แม่ค้า : ด้านนี้เลยค่ะ (พาไปดูที่ราวแขวน)
ลูกค้าผู้น่ารัก : ไม่ใช่ครับ
แม่ค้า : อ่า แล้วตัวไหนคะ
ลูกค้าเลยพาไปดูที่หุ่น (มีหุ่นหลายตัวค่ะ เลยไม่แน่ใจว่าแบบไหน)
แม่ค้า : อ่อ ก็ตัวเมื่อกี้แหละค่ะ
พากลับมาที่เดิมแล้วเอาเสื้อลงมาให้ดู ลูกค้าดูๆแล้ว ไม่ชอบใจ บอกว่าลวดลายมันเยอะไป เลยเดินดูแบบอื่น
แล้วไปสะดุดตากับเสื้อสูทลำลอง
แม่ค้า : ตัวนี้เป็นเสื้อสูทลำลองค่ะ ใส่ได้หลายโอกาส มีหลายสีนะคะ (ชี้ให้ดูแบบสีที่ด้านหลังหุ่น)
ลูกค้าผู้น่ารัก : ครับ ขอลองดูแบบที่หุ่นครับ
แม่ค้า : สีดำนะคะ (พร้อมกับหาไซส์ให้ลูกค้าลอง)
พอลูกค้าลองแล้ว
ลูกค้าผู้น่ารัก : ขอดูอีกตัวครับ ตัวนี้มันทางการไป
แม่ค้า : ได้ค่ะ แต่ตัวที่ลองอยู่ก็เป็นสูทลำลองนะคะ(หยิบอีกตัวที่แขวนอยู่มาให้ลอง)
ลูกค้าลองแล้วดูเหมือนถูกใจ ก็ตรวจสอบสภาพเสื้อ แล้วหันมาถามว่า
ลูกค้าผู้น่ารัก : มีกี่สีครับ
แม่ค้า : ตามที่แขวนโชว์เลยค่ะ
ตอนนี้ลูกค้าเริ่มมองหน้าละ
ลูกค้าผู้น่ารัก : มีตัวใหม่มั๊ยครับ
แม่ค้า : ของที่ร้านมีไซส์ละตัวค่ะ(กรณีที่เป็นของเข้าใหม่ แล้วตัวที่ลูกค้าเลือกก็เป็นของที่เพิ่งเข้าพอดี)
ลูกค้าก็ตรวจสอบเสื้ออีกรอบ แล้วหันมาบอกว่า
ลูกค้าผู้น่ารัก : รังดุมมันขาดน่ะครับ
แม่ค้า : ตรงไหนคะ (พยายามดูหาส่วนที่ขาด แต่ก็เห็นเศษด้ายจากการเจาะรังดุม) เลยอธิบายไปว่า
ไม่ได้ขาดนะคะ ตรงนี้เป็นเศษด้ายที่ไม่ได้ตัดออก (แล้วก็เดินไปหยิบกรรไกรมาตัดเศษด้ายออก)
พอตัดเสร็จ ด้วยความสงสัยเลยถามลูกค้าไปว่า
แม่ค้า : ตรงไหนคะที่ขาด (พร้อมกับส่งเสื้อให้ลูกค้าดู) เผื่อว่าจะขาดจริงๆแล้วเรามองไม่เห็น
ลูกค้ามองหน้าอีกรอบ ไอ้เราก็ดันมองหน้ากลับ(ด้วยความตงิดๆในใจ และไม่ชอบหลบสายตาใคร)
แล้วลูกค้าก็ตรวจเสื้ออีกรอบ แต่เราตัดเศษด้ายออกแค่รังดุมเดียว เพื่อตรวจสอบ เลยบอกลูกค้าไปว่า
แม่ค้า : ตัวรังดุมล่างยังไม่ได้ตัดเศษด้ายนะคะ ตัดแต่รังดุมบนให้ดูน่ะค่ะ
จากนั้นลูกค้าขอลองดูไซส์อื่น เลยหาไซส์ที่เล็กกว่าให้ลอง ปรากฎว่าใส่ได้พอดีกว่าตัวแรก
แม่ค้า : ตัวนี้ดูโอเคกว่านะคะ เพราะตัวแรกดูไหล่ตกไปนิดนึง
ลูกค้าผู้น่ารัก : เอาตัวนี้ครับ
เราก็เลยหยิบกรรไกรมาตัดตกแต่งตรงรังดุมอีกนิด แล้วก็ได้ยินลูกค้าคุยกับเพื่อนที่มาด้วยว่า
ลูกค้าผู้น่ารัก : ซื้อไปถ้าใส่ไม่ได้ จะไปให้หมาใส่
เราก็เงียบๆไว้นะคะ แต่ในใจรู้สึกแบบ ห๊ะ!!!!!
พอตัดแต่งเสร็จ ใส่ถุงให้เรียบร้อย ก็บอกไปว่า คิดให้ 650 นะคะ (ลดราคาจาก 690)
ลูกค้าผู้น่ารัก : ไม่ต้องลดก็ได้ครับ
เราก็....งั้นทอนเงินให้ 310 บาทนะคะ
จากนั้นลูกค้าก็ถามว่า เป็นเจ้าของร้านหรอครับ
แม่ค้า : ไม่ใช่ค่ะ ลูกสาวน่ะค่ะ
แล้วคุณลูกค้าก็เดินจากไป พร้อมทิ้งปมในใจไว้ให้ว่า เราทำอะไรพลาดไปรึเปล่า?
ตอนนี้ที่คิดไว้คือ เราเป็นคนพูดห้วนๆหน่อย คือ เวลาลงท้ายหางเสียงจะไม่ลากยาว แต่จะจบประโยคที่ ค่ะ!!!
เลยทำให้ดูเหมือนประชดหรือเปล่า
หรือว่า การมองหน้าลูกค้ากลับ มันไม่สุภาพ มองแบบเฉยๆนะคะ ไม่ใช่มองแบบจ้องเขม็งหาเรื่องอะไร
อยากขอคำติชมหน่อยค่ะ จะได้นำมาปรับปรุง เพราะกำลังตั้งใจว่าจะเปิดร้านเองเพิ่มอีกร้าน
ไม่อยากให้ลูกค้าที่เข้ามารู้สึกแย่น่ะค่ะ
ขอบคุณค่ะ
เจอลูกค้าบอกว่า จะซื้อไปให้หมาใส่ เลยสงสัยว่า เราทำอะไรพลาดไปรึเปล่า?
เริ่มเรื่องกันเลยดีกว่า คือ ที่บ้านเปิดร้านขายเสื้อผ้าอยู่ในห้างที่ต่างจังหวัด เปิดมานานหลายปีแล้วค่ะ
วันนี้เจอลูกค้าอยู่รายนึง มาเลือกซื้อเสื้อแจ็คเก็ต บทสนทนาก็ประมาณว่า
ลูกค้าผู้น่ารัก : ขอดูเสื้อที่อยู่ในหุ่นหน่อยครับ
แม่ค้า : ด้านนี้เลยค่ะ (พาไปดูที่ราวแขวน)
ลูกค้าผู้น่ารัก : ไม่ใช่ครับ
แม่ค้า : อ่า แล้วตัวไหนคะ
ลูกค้าเลยพาไปดูที่หุ่น (มีหุ่นหลายตัวค่ะ เลยไม่แน่ใจว่าแบบไหน)
แม่ค้า : อ่อ ก็ตัวเมื่อกี้แหละค่ะ
พากลับมาที่เดิมแล้วเอาเสื้อลงมาให้ดู ลูกค้าดูๆแล้ว ไม่ชอบใจ บอกว่าลวดลายมันเยอะไป เลยเดินดูแบบอื่น
แล้วไปสะดุดตากับเสื้อสูทลำลอง
แม่ค้า : ตัวนี้เป็นเสื้อสูทลำลองค่ะ ใส่ได้หลายโอกาส มีหลายสีนะคะ (ชี้ให้ดูแบบสีที่ด้านหลังหุ่น)
ลูกค้าผู้น่ารัก : ครับ ขอลองดูแบบที่หุ่นครับ
แม่ค้า : สีดำนะคะ (พร้อมกับหาไซส์ให้ลูกค้าลอง)
พอลูกค้าลองแล้ว
ลูกค้าผู้น่ารัก : ขอดูอีกตัวครับ ตัวนี้มันทางการไป
แม่ค้า : ได้ค่ะ แต่ตัวที่ลองอยู่ก็เป็นสูทลำลองนะคะ(หยิบอีกตัวที่แขวนอยู่มาให้ลอง)
ลูกค้าลองแล้วดูเหมือนถูกใจ ก็ตรวจสอบสภาพเสื้อ แล้วหันมาถามว่า
ลูกค้าผู้น่ารัก : มีกี่สีครับ
แม่ค้า : ตามที่แขวนโชว์เลยค่ะ
ตอนนี้ลูกค้าเริ่มมองหน้าละ
ลูกค้าผู้น่ารัก : มีตัวใหม่มั๊ยครับ
แม่ค้า : ของที่ร้านมีไซส์ละตัวค่ะ(กรณีที่เป็นของเข้าใหม่ แล้วตัวที่ลูกค้าเลือกก็เป็นของที่เพิ่งเข้าพอดี)
ลูกค้าก็ตรวจสอบเสื้ออีกรอบ แล้วหันมาบอกว่า
ลูกค้าผู้น่ารัก : รังดุมมันขาดน่ะครับ
แม่ค้า : ตรงไหนคะ (พยายามดูหาส่วนที่ขาด แต่ก็เห็นเศษด้ายจากการเจาะรังดุม) เลยอธิบายไปว่า
ไม่ได้ขาดนะคะ ตรงนี้เป็นเศษด้ายที่ไม่ได้ตัดออก (แล้วก็เดินไปหยิบกรรไกรมาตัดเศษด้ายออก)
พอตัดเสร็จ ด้วยความสงสัยเลยถามลูกค้าไปว่า
แม่ค้า : ตรงไหนคะที่ขาด (พร้อมกับส่งเสื้อให้ลูกค้าดู) เผื่อว่าจะขาดจริงๆแล้วเรามองไม่เห็น
ลูกค้ามองหน้าอีกรอบ ไอ้เราก็ดันมองหน้ากลับ(ด้วยความตงิดๆในใจ และไม่ชอบหลบสายตาใคร)
แล้วลูกค้าก็ตรวจเสื้ออีกรอบ แต่เราตัดเศษด้ายออกแค่รังดุมเดียว เพื่อตรวจสอบ เลยบอกลูกค้าไปว่า
แม่ค้า : ตัวรังดุมล่างยังไม่ได้ตัดเศษด้ายนะคะ ตัดแต่รังดุมบนให้ดูน่ะค่ะ
จากนั้นลูกค้าขอลองดูไซส์อื่น เลยหาไซส์ที่เล็กกว่าให้ลอง ปรากฎว่าใส่ได้พอดีกว่าตัวแรก
แม่ค้า : ตัวนี้ดูโอเคกว่านะคะ เพราะตัวแรกดูไหล่ตกไปนิดนึง
ลูกค้าผู้น่ารัก : เอาตัวนี้ครับ
เราก็เลยหยิบกรรไกรมาตัดตกแต่งตรงรังดุมอีกนิด แล้วก็ได้ยินลูกค้าคุยกับเพื่อนที่มาด้วยว่า
ลูกค้าผู้น่ารัก : ซื้อไปถ้าใส่ไม่ได้ จะไปให้หมาใส่
เราก็เงียบๆไว้นะคะ แต่ในใจรู้สึกแบบ ห๊ะ!!!!!
พอตัดแต่งเสร็จ ใส่ถุงให้เรียบร้อย ก็บอกไปว่า คิดให้ 650 นะคะ (ลดราคาจาก 690)
ลูกค้าผู้น่ารัก : ไม่ต้องลดก็ได้ครับ
เราก็....งั้นทอนเงินให้ 310 บาทนะคะ
จากนั้นลูกค้าก็ถามว่า เป็นเจ้าของร้านหรอครับ
แม่ค้า : ไม่ใช่ค่ะ ลูกสาวน่ะค่ะ
แล้วคุณลูกค้าก็เดินจากไป พร้อมทิ้งปมในใจไว้ให้ว่า เราทำอะไรพลาดไปรึเปล่า?
ตอนนี้ที่คิดไว้คือ เราเป็นคนพูดห้วนๆหน่อย คือ เวลาลงท้ายหางเสียงจะไม่ลากยาว แต่จะจบประโยคที่ ค่ะ!!!
เลยทำให้ดูเหมือนประชดหรือเปล่า
หรือว่า การมองหน้าลูกค้ากลับ มันไม่สุภาพ มองแบบเฉยๆนะคะ ไม่ใช่มองแบบจ้องเขม็งหาเรื่องอะไร
อยากขอคำติชมหน่อยค่ะ จะได้นำมาปรับปรุง เพราะกำลังตั้งใจว่าจะเปิดร้านเองเพิ่มอีกร้าน
ไม่อยากให้ลูกค้าที่เข้ามารู้สึกแย่น่ะค่ะ
ขอบคุณค่ะ