ตอนนี้เราท้องได้6เดือนกว่าๆแล้ว เรามีธุรกิจร้านอาหารเล็กๆที่ทำกันสองคนกับสามี
งานทุกอย่างในร้านตั้งแต่จ่ายตลาดไปจนถึงปิดร้านเราสองคนเป็นคนทำทั้งหมด ไม่มีลูกจ้าง(เราอยากเก็บเงินไว้ให้ลูกนะค่ะ)
ร้านเราเปิดตั้งแต่เที่ยงวันจนถึงเที่ยงคืน กว่าจะเก็บร้านเสร็จได้กลับบ้านก็ตีหนึ่งกว่าๆ ตีห้าจะต้องตื่นไปจ่ายตลาด เอาของไปเก็บที่ร้าน
แล้วกลับไปนอนต่อ จะมาเปิดร้านก็ตอนเที่ยง
เวลาที่ขายดีที่สุดในร้านก็ตนหัวค่ำนะค่ะ
ทุกอย่างเหมือนจะลงตัวดีแล้วถ้าอยู่กันสองคนกับสามี แต่เมื่อวานได้ยินสามีคุยโทรศัพท์กับพี่สาวของเขาที่อยู่คนละจังหวัดกัน
ที่จริงพี่สาวเค้าไม่เคยมาเห็นร้านของเราด้วยซ้ำว่าเป็นยังไง พี่สาวเค้าพูดประมาณว่ามีร้านแล้วทำไมไม่เปิดร้านให้เร็วกว่านี้เปิดซักสิบโมงเช้าปิดเที่ยงคืนจะได้มีรายได้เพิ่มขึ้น สามีเราก็บอกว่าเคยเปลี่ยนเวลามาเปิดเร็วๆดูแล้วแต่มันไม่มีลูกค้า แถมยังแทบไม่ได้พักผ่อน(คือพอจ่ายตลาดเสร็จก็ไปเตรียมของขายที่ร้านเลย แล้วปิดเที่ยงคืน จะมีเวลาพักผ่อน4ชม./วัน) แล้ว A(ตัวเรา)ก็ท้องอยู่ไม่อยากให้A หักโหมมาก
ประโยคแรกที่เราได้ยินเหมือนจะดี ดูเป็นห่วงเรา แต่หลังจากนั้น
ก็บอกมันแล้วว่าพอมีลูกอะไรๆมันก็ลำบาก ทำนู้นก็ไม่ได้ ทำนี่ก็ไม่ได้(ทั้งๆที่เราทำมากกว่าตอนที่ยังไม่ได้ท้องซะที ร้านก็เปิดทุกวันไม่มีวันหยุด ได้หยุดก็วันหมอนัดตรวจเท่านั้น จนคนที่รู้จักยังบอกให้พักๆบ้างก็ได้กำลังท้องอยู่)
จะให้มันทำอะไรมากก็ไม่ได้ มันก็มีข้อจำกัดของคนท้อง (แทบจะทุกครั้งที่สามีเราทำไม่ทันจนเราต้องยกถังน้ำยกลังน้ำแข็งหนักๆเองโดยท่ไม่ใช้ให้เค้ามาทำให้ นั่งล้างจานล้างหม้อ ทั้งๆที่อึดอัดท้อง บางครั้งจะเป็นลมก็ไม่เคยบอกเค้า)
ก็บอกมันแล้วว่าผมมีลูกคนหนึ่งแล้วไม่อยากมีภาระเพิ่มอีก(เค้ามีลูกกับเมียเก่าคนหนึ่ง ซึ่งเค้าเองก็ไม่ได้เลี้ยงเอง )
พอวางสายสามีก็หันมาบอกชั้นว่า พี่สาวเค้าฝากมาบอกชั้นว่าตอนแกท้องยังทำงานจนใกล้คลอดได้เลย เราเลยเถียงกลับไปว่า แล้วทุกวันนี้ชั้นนอนอยู่บ้านให้คุณเลี้ยงหรอ ชั้นก็ยังทำงานทุกวันแถมยังทำหนักกว่าตอนไม่ท้องอีก แล้วก็ไม่ต้องมาว่าลูกชั้นเป็นภาระ เพราะเค้าอยู่ในท้องชั้นไม่ใช่ท้องคุณ เค้าจะกินนมชั้นไม่ใช่นมคุณ ชั้นทำงานหนักเพื่อเลี้ยงเค้าไม่ได้แบมือขอเงินคุณ เพราะอย่างนั้นเค้าไม่ใช่ภาระของคุณ และชั้นก็ไม่เคยคิดว่าเค้าคือภาระ พอชั้นพูดจบสามีชั้นก็รีบตอบกลับมาว่า แล้วเธอจะรู้ว่าเธอคิดผิด พี่มีน้องF(ลูกสาวเค้า)อยู่แล้ว ก็พอแล้ว เธอก็แค่อยากมีลูกเหมือนเพื่อนเธอไม่ได้คิดว่าจะเลี้ยงได้ไหม ไม่ได้คิดว่าลูกจะอยู่ยังไง เธอมีลูกคนหนึ่งเธอจะทำงานไม่ได้เพราะต้องเลี้ยงลูกไปอีกกี่ปี
บอกแล้วว่าอย่าเพิ่งเอามันมาสร้างความลำบากให้ชีวิต บลาๆๆๆๆ
สรุปก็คือเธอมีน้องFสุดที่รักของพ่อเป็นลูกแล้วหนึ่งคนก็พอแล้ว ส่วน มัน ในท้องชั้นคือภาระของคุณ ชั้นไม่ได้คิดผิดที่มีลูกแต่ชั้นคิดผิดที่เลือกคุณเป็นพ่อให้เค้าก็เท่านั้น
คุณจะรู้สึกอย่างไรเมื่อ สามีและครอบครัวสามีมองว่าลูกในท้องของคุณคืออุปสรรคในชีวิต
งานทุกอย่างในร้านตั้งแต่จ่ายตลาดไปจนถึงปิดร้านเราสองคนเป็นคนทำทั้งหมด ไม่มีลูกจ้าง(เราอยากเก็บเงินไว้ให้ลูกนะค่ะ)
ร้านเราเปิดตั้งแต่เที่ยงวันจนถึงเที่ยงคืน กว่าจะเก็บร้านเสร็จได้กลับบ้านก็ตีหนึ่งกว่าๆ ตีห้าจะต้องตื่นไปจ่ายตลาด เอาของไปเก็บที่ร้าน
แล้วกลับไปนอนต่อ จะมาเปิดร้านก็ตอนเที่ยง
เวลาที่ขายดีที่สุดในร้านก็ตนหัวค่ำนะค่ะ
ทุกอย่างเหมือนจะลงตัวดีแล้วถ้าอยู่กันสองคนกับสามี แต่เมื่อวานได้ยินสามีคุยโทรศัพท์กับพี่สาวของเขาที่อยู่คนละจังหวัดกัน
ที่จริงพี่สาวเค้าไม่เคยมาเห็นร้านของเราด้วยซ้ำว่าเป็นยังไง พี่สาวเค้าพูดประมาณว่ามีร้านแล้วทำไมไม่เปิดร้านให้เร็วกว่านี้เปิดซักสิบโมงเช้าปิดเที่ยงคืนจะได้มีรายได้เพิ่มขึ้น สามีเราก็บอกว่าเคยเปลี่ยนเวลามาเปิดเร็วๆดูแล้วแต่มันไม่มีลูกค้า แถมยังแทบไม่ได้พักผ่อน(คือพอจ่ายตลาดเสร็จก็ไปเตรียมของขายที่ร้านเลย แล้วปิดเที่ยงคืน จะมีเวลาพักผ่อน4ชม./วัน) แล้ว A(ตัวเรา)ก็ท้องอยู่ไม่อยากให้A หักโหมมาก
ประโยคแรกที่เราได้ยินเหมือนจะดี ดูเป็นห่วงเรา แต่หลังจากนั้น
ก็บอกมันแล้วว่าพอมีลูกอะไรๆมันก็ลำบาก ทำนู้นก็ไม่ได้ ทำนี่ก็ไม่ได้(ทั้งๆที่เราทำมากกว่าตอนที่ยังไม่ได้ท้องซะที ร้านก็เปิดทุกวันไม่มีวันหยุด ได้หยุดก็วันหมอนัดตรวจเท่านั้น จนคนที่รู้จักยังบอกให้พักๆบ้างก็ได้กำลังท้องอยู่)
จะให้มันทำอะไรมากก็ไม่ได้ มันก็มีข้อจำกัดของคนท้อง (แทบจะทุกครั้งที่สามีเราทำไม่ทันจนเราต้องยกถังน้ำยกลังน้ำแข็งหนักๆเองโดยท่ไม่ใช้ให้เค้ามาทำให้ นั่งล้างจานล้างหม้อ ทั้งๆที่อึดอัดท้อง บางครั้งจะเป็นลมก็ไม่เคยบอกเค้า)
ก็บอกมันแล้วว่าผมมีลูกคนหนึ่งแล้วไม่อยากมีภาระเพิ่มอีก(เค้ามีลูกกับเมียเก่าคนหนึ่ง ซึ่งเค้าเองก็ไม่ได้เลี้ยงเอง )
พอวางสายสามีก็หันมาบอกชั้นว่า พี่สาวเค้าฝากมาบอกชั้นว่าตอนแกท้องยังทำงานจนใกล้คลอดได้เลย เราเลยเถียงกลับไปว่า แล้วทุกวันนี้ชั้นนอนอยู่บ้านให้คุณเลี้ยงหรอ ชั้นก็ยังทำงานทุกวันแถมยังทำหนักกว่าตอนไม่ท้องอีก แล้วก็ไม่ต้องมาว่าลูกชั้นเป็นภาระ เพราะเค้าอยู่ในท้องชั้นไม่ใช่ท้องคุณ เค้าจะกินนมชั้นไม่ใช่นมคุณ ชั้นทำงานหนักเพื่อเลี้ยงเค้าไม่ได้แบมือขอเงินคุณ เพราะอย่างนั้นเค้าไม่ใช่ภาระของคุณ และชั้นก็ไม่เคยคิดว่าเค้าคือภาระ พอชั้นพูดจบสามีชั้นก็รีบตอบกลับมาว่า แล้วเธอจะรู้ว่าเธอคิดผิด พี่มีน้องF(ลูกสาวเค้า)อยู่แล้ว ก็พอแล้ว เธอก็แค่อยากมีลูกเหมือนเพื่อนเธอไม่ได้คิดว่าจะเลี้ยงได้ไหม ไม่ได้คิดว่าลูกจะอยู่ยังไง เธอมีลูกคนหนึ่งเธอจะทำงานไม่ได้เพราะต้องเลี้ยงลูกไปอีกกี่ปี
บอกแล้วว่าอย่าเพิ่งเอามันมาสร้างความลำบากให้ชีวิต บลาๆๆๆๆ
สรุปก็คือเธอมีน้องFสุดที่รักของพ่อเป็นลูกแล้วหนึ่งคนก็พอแล้ว ส่วน มัน ในท้องชั้นคือภาระของคุณ ชั้นไม่ได้คิดผิดที่มีลูกแต่ชั้นคิดผิดที่เลือกคุณเป็นพ่อให้เค้าก็เท่านั้น