credit : bangkokbiznews.com
-------
สมาคมตลาดตราสารหนี้คาดเงินไหลเข้าตลาดบอนด์ 1 แสนล้านบาท เฟดคงคิวอี-ญี่ปุ่นอัดฉีดเงินเพิ่ม มั่นใจสภาพคล่องพอ รัฐระดมลงทุน 2 ล้านล้าน
นายนิวัฒน์ กาญจนภูมินทร์ กรรมการผู้จัดการ สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย กล่าวว่า หลังจากที่สหรัฐบรรลุข้อตกลงขยายเพดานการชำระหนี้ออกไปชั่วคราวจนถึงเดือนกุมภาพันธ์ปี 2557 ทำให้มีเงินทุนต่างชาติไหลเข้ามาลงทุนในตลาดตราสารหนี้ของไทยเพิ่มขึ้น โดยตั้งแต่ต้นเดือนตุลาคมที่ผ่านมามีเงินไหลเข้าลงทุนในตราสารหนี้แล้ว 34,000 ล้านบาท แบ่งเป็น ตราสารหนี้ระยะยาว 14,000 ล้านบาท ตราสารหนี้ระยะสั้น 20,000 ล้านบาท และคาดว่าเงินทุนจะยังไหลเข้าต่อเนื่อง เพราะปัญหาเพดานหนี้สหรัฐทำให้เศรษฐกิจสหรัฐฟื้นตัวช้ากว่าที่คาด มีผลให้ธนาคารกลางสหรัฐต้องชะลอการลดขนาดมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ หรือ QE ออกไปในปี 2557
นอกจากนี้ การที่ญี่ปุ่นจะยังคงอัดฉีดเม็ดเงินเพิ่มเติม ทำให้คาดว่าในช่วงไตรมาส 4 จะมีเงินทุนต่างชาติไหลเข้ามาเพิ่มเป็น 1 แสนล้านบาท จากที่ไหลเข้ามาแล้วตั้งแต่ต้นปี 80,000 ล้านบาท โดยเป็นเงินที่เข้ามาซื้อตราสารหนี้ระยะยาว 70,000 ล้านบาทและระยะสั้น 10,000 ล้านบาท ซึ่งสะท้อนว่าส่วนใหญ่ต่างชาติลงทุนระยะยาวในไทยจึงไม่น่ากังวลหากต่างชาติจะขายตราสารหนี้ไทยและโยกเงินกลับไปสหรัฐเมื่อมีการลดขนาด QE
ทั้งนี้ การที่ตราสารหนี้ไทยมีนักลงทุนสถาบันในประเทศเข้ามาลงทุนจึงสามารถสร้างความสมดุลและรองรับความผันผวนจากการขายของต่างชาติได้ ซึ่งจะแตกต่างจากตราสารหนี้ของประเทศอินโดนีเซียที่ได้รับผลกระทบค่อนข้างแรงหลังจากที่ต่างชาติขายทำกำไร
ส่วนการที่รัฐบาลจะมีการระดมทุนเพื่อเอามาใช้ในโครงการลงทุนขนาดใหญ่นั้น เชื่อว่าสภาพคล่องมีเพียงพอ ไม่กระทบต่อระบบของธนาคารพาณิชย์โดยเฉพาะหากรัฐบาลจะระดมทุนในรูปของพันธบัตรเงินสกุลดอลลาร์ก็เชื่อว่าจะไม่มีผลกระทบต่ออัตราแลกเปลี่ยน และยังเชื่อว่าธนาคารแห่งประเทศไทยจะมีเครื่องมือรองรับสภาพคล่องให้สมดุลได้
เงินไหลเข้าบอนด์แสนล. เฟดคงคิวอีกลางปี 57
-------
สมาคมตลาดตราสารหนี้คาดเงินไหลเข้าตลาดบอนด์ 1 แสนล้านบาท เฟดคงคิวอี-ญี่ปุ่นอัดฉีดเงินเพิ่ม มั่นใจสภาพคล่องพอ รัฐระดมลงทุน 2 ล้านล้าน
นายนิวัฒน์ กาญจนภูมินทร์ กรรมการผู้จัดการ สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย กล่าวว่า หลังจากที่สหรัฐบรรลุข้อตกลงขยายเพดานการชำระหนี้ออกไปชั่วคราวจนถึงเดือนกุมภาพันธ์ปี 2557 ทำให้มีเงินทุนต่างชาติไหลเข้ามาลงทุนในตลาดตราสารหนี้ของไทยเพิ่มขึ้น โดยตั้งแต่ต้นเดือนตุลาคมที่ผ่านมามีเงินไหลเข้าลงทุนในตราสารหนี้แล้ว 34,000 ล้านบาท แบ่งเป็น ตราสารหนี้ระยะยาว 14,000 ล้านบาท ตราสารหนี้ระยะสั้น 20,000 ล้านบาท และคาดว่าเงินทุนจะยังไหลเข้าต่อเนื่อง เพราะปัญหาเพดานหนี้สหรัฐทำให้เศรษฐกิจสหรัฐฟื้นตัวช้ากว่าที่คาด มีผลให้ธนาคารกลางสหรัฐต้องชะลอการลดขนาดมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ หรือ QE ออกไปในปี 2557
นอกจากนี้ การที่ญี่ปุ่นจะยังคงอัดฉีดเม็ดเงินเพิ่มเติม ทำให้คาดว่าในช่วงไตรมาส 4 จะมีเงินทุนต่างชาติไหลเข้ามาเพิ่มเป็น 1 แสนล้านบาท จากที่ไหลเข้ามาแล้วตั้งแต่ต้นปี 80,000 ล้านบาท โดยเป็นเงินที่เข้ามาซื้อตราสารหนี้ระยะยาว 70,000 ล้านบาทและระยะสั้น 10,000 ล้านบาท ซึ่งสะท้อนว่าส่วนใหญ่ต่างชาติลงทุนระยะยาวในไทยจึงไม่น่ากังวลหากต่างชาติจะขายตราสารหนี้ไทยและโยกเงินกลับไปสหรัฐเมื่อมีการลดขนาด QE
ทั้งนี้ การที่ตราสารหนี้ไทยมีนักลงทุนสถาบันในประเทศเข้ามาลงทุนจึงสามารถสร้างความสมดุลและรองรับความผันผวนจากการขายของต่างชาติได้ ซึ่งจะแตกต่างจากตราสารหนี้ของประเทศอินโดนีเซียที่ได้รับผลกระทบค่อนข้างแรงหลังจากที่ต่างชาติขายทำกำไร
ส่วนการที่รัฐบาลจะมีการระดมทุนเพื่อเอามาใช้ในโครงการลงทุนขนาดใหญ่นั้น เชื่อว่าสภาพคล่องมีเพียงพอ ไม่กระทบต่อระบบของธนาคารพาณิชย์โดยเฉพาะหากรัฐบาลจะระดมทุนในรูปของพันธบัตรเงินสกุลดอลลาร์ก็เชื่อว่าจะไม่มีผลกระทบต่ออัตราแลกเปลี่ยน และยังเชื่อว่าธนาคารแห่งประเทศไทยจะมีเครื่องมือรองรับสภาพคล่องให้สมดุลได้