สรุปว่า คดีของ Elisa Lam นี่เป็นคดีฆาตกรรม หรือว่า ฆ่าตัวตาย คะ



คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ

เทปบันทึกภาพจากกล้องวงจรปิดในลิฟท์ของโรงแรม Cecil ได้บันทึกภาพของหญิงสาวคนหนึ่งในลิฟท์ ที่พยายามจะกดลิฟท์ทุกปุ่ม

แต่ปรากฏว่าลิฟท์กลับไม่ทำงาน และประตูลิฟท์ก็เปิดค้างอยู่ตลอดเวลา ระหว่างนั้นเธอทำท่าทางเหมือนกำลังหลบหนีอะไรบางอย่าง

และไคลแมกซ์อยู่ที่นาทีที่ 1.57 ซึงเธอเดินออกไปนอกลิฟท์ ทำท่าทางแปลกประหลาดราวกับไม่ใช่มนุษย์

และดูเหมือนว่าเธอกำลังพูดคุยกับอะไรบางอย่างที่มองไม่เห็น จากนั้นเธอก็หายตัวไป และลิฟท์ก็กลับมาใช้งานได้ตามปกติ





คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ

เธอหายสาบสูญไปตั้งแต่วันนั้น และสามอาทิตย์ถัดมา ก็มีคนพบศพเธอในแทงค์น้ำบนดาดฟ้า

หลังจากมีการพยายามค้นหาเธออยู่เป็นเวลานาน ประกอบกับมีเสียงร้องเรียนจากแขกที่เข้าพักในโรงแรมว่าน้ำไหลไม่ค่อยปกติ

รวมถึงมีกลิ่นและสีที่เน่าเหม็น ตำรวจสรุปผลการชันสูตรศพของเธอว่าเป็นการฆ่าตัวตาย และไม่พบร่องรอยของการใช้สารเสพติด

หรือแอลกอฮอร์ แต่ยังมีคำถามหลายคำถามที่เป็นปริศนาว่า เธอขึ้นไปบนดาดฟ้าได้อย่างไร ทั้งๆที่บนดาดฟ้านั้นถูกล็อคเอาไว้

และมีระบบแจ้งเตือนฉุกเฉิน รวมถึงแทงค์น้ำที่เธอเสียชีวิตก็อยู่สูงและลำบากเกินกว่าที่ผู้หญิงคนนึงจะปีนขึ้นไปได้

และเธอก็ไม่น่าปิดฝาแทงค์น้ำนั้นได้ด้วยตัวเอง







เรื่องนี้ เกิดขึ้น ต้นปี 2013 ซึ่งมีหลายประเด็นคล้ายหนังเรื่อง Dark Water

ที่ฉายเมื่อปี 2005 คือ ชื่อตัวละครในเรื่อง กับเหตุการณ์

แถม แถวโรงแรมมีคนตายกับวัณโรค มีการใช้อุปกรณ์ทดสอบเชื้อ เรียกว่า LAM-ELISA  ซึ่ง ตรงกับชื่อผู้ตาย... Elisa Lam




- วิดีโอของเอลิซ่าแลมในลิฟ ลิฟทำงานแปลกเอลิซ่ามีท่าทางแปลกๆเหมือนแหวกว่ายอยู่ในอากาศ
และเหมือนยืนคุยกับใครอีกคนก่อนเธอจะเปลี่ยนไปใช้บันได....
(ที่น่าสนใจเอลิซ่าไม่มีประวัติการใช้สิ่งเสพติดและการดื่มแอลกอฮอล์ผลการชันสูตรไม่พบสารเสพติดใดๆ)


- หลังจากเธอตายในแท็งค์น้ำ น้ำในแท็คก็ถุกส่งไปทุกๆห้องในโรงแรมกลายเป็นสีดำมีกลิ่นเหม็นแล้วแขกก็ดื่มกันเข้าไป


- ระหว่างที่แขกอาปน้ำ เหดียวน้ำก็หยุดไหล เดี๋ยวก็ไหล....


- โรงแรม Cecil ที่เธอพักเต็มไปด้วยคดีฆาตกรรมของเมือง

- ก่อนเธอตายเธอได้ไปแวะร้านหนังสือใกล้ๆชื่อว่า ร้านสุดท้าย The last book store

- เธอเข้าไปอยู่ในแท็งค์น้ำได้ยังไง เนื่องจากแท็งค์สูง 10 ฟุตและไม่รวมฐานแท็งค์ อีกห้าฟุตต้องใช้บันไดลิงสองอันในการปีนขึ้นไป
เธอขึ้นไปได้ยังไง? ยิ่งกว่านั้นการที่เธอจะไปดาดฟ้าต้องผ่านประตูคีย์การ์ดซึ่งมีเพียงผู้ดูแลดาดฟ้าที่มีเธอเข้าไปได้ยังไง?


- วันเกิดเหตุเธอได้ส่งอีเมลโพสข้อความบอกเพื่อนๆว่าเกิดเหตุการแปลกๆที่น่าตกใจที่ไม่เคยพบเห็นมาก่อนในชีวิตขึ้น
และรู้สึกเหมือนมีคนตามมา แต่ไม่ได้ลงรายละเอียด...


- คืนวันเกิดเหตุคนที่อยู่ชั่นใกล้ดาดฟ้าได้ยินเสียงดังโครมครามและเสียงหวีดร้องของผู้หญิง


- เกือบทุกๆเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นดันไปตรงกับหนัง ดาควอเตอร์ ชื่อของเธอ ชื่อโรงแรม ช่วงอายุของเธอ ดันไปตรงกับ
คนตายคดีดังในอดีตที่มีประวัติกับโรงแรมนี้, แถวโรงแรมมีคนตายด้วยวัณโรค มีการใช้อุปกรณ์ทดสอบเชื้อ เรียกว่า LAM-ELISA
ซึ่ง ตรงกับชื่อผู้ตาย... Elisa Lam


- คดีนี้ยังคงเป็นคดีปริศนาที่รอการพิสูจน์ ไม่ใช่คดีฆาตกรรมและ ยังหาสาเหตุไม่ได้




แต่หลังจากมีคนไปค้นข้อมูลมา เค้าบอกว่า น่าจะโดนฆาตกรรม

ที่ตั้งข้อสังเกตว่าเป็นคดีฆาตกรรมโดยเดาว่าฆาตกรน่าจะเป็นคนในโรงแรมด้วยเหตุผลดังนี้

- คลิปกล้องวงจรปิดถูกตัดต่อจนหายไปถึง 54 วินาที เป็นไปได้ว่ากล้องอาจจะถ่ายติดอะไรโดยบังเอิญ
ถ้าเป็นพนักงานในโรงแรมก็น่าจะสามารถเข้าถึงกล้องวงจรปิดและตัดต่อได้

- เรื่องที่ Lam ขึ้นไปบนดาดฟ้า ผ่านประตูดาดฟ้าที่ต้องใช้คีย์การ์ดเปิด และมีสัญญาณเตือนไฟไหม้ติดอยู่ด้วย
ถ้าฆาตกรเป็นพนักงานในโรงแรมก็จะสามารถใช้คีย์การ์ดของตัวเองเปิดได้และปิดสัญญาณแจ้งเตือนได้

- เรื่องที่ร่างของ Lam ไปอยู่ในแทงค์น้ำสูงกว่า 5 เมตร และปิดฝาแทงค์น้ำที่ถูกระบุว่าไม่สามารถปิดจากภายในแทงค์ได้
ถ้าเป็นการฆาตกรรม ฆาตกรก็แค่เตรียมบันไดไว้ และแบกร่างของ Lam ขึ้นไปโยนลงแทงค์น้ำและปิดฝาแทงค์
จากนั้นก็เก็บบันไดกลับลงไปในโรงแรม

- ศพของ Lam นั้นเปลือย ถ้าเธอฆ่าตัวตายจริง แล้วเสื้อผ้าของเธออยู่ที่ไหน ?


ถ้าอ่าน ไปเรื่อยๆจะพบ ว่า โรงแรมแห่งนี้มีประวัติ เพราะ เคยมี ฆาตกรต่อเนื่อง อาศัยอยู่ถึงสองคน Richard Ramirez,

Jack Unterweger.  Richard Ramirez สมญานาม the Nightstalker เขาอยู่ในโรงแรมนี้ เมื่อปี 1985 อาศัยอยู่ชั้นบนสุด

เขาฆ่า ผู้หญิง 13 คน ในโรงแรม. Jack Unterweger เขาถูกกล่าวหาว่า ได้ฆ่า โสเภณี 3 คน ขณะที่พักในโรงแรม

ประวัติโรงแรมนี้ยังไม่หมดน่ะ เมื่อปี 50และ 60 โรงแรมนี้เป็นที่รู้จักสำหรับคนที่อยากจะ โดดหน้าต่างฆ่าตัวตาย วันที่ 22 ตุลาคม 1954

Helen Gurnee กระโดดตึกจากชั้น 7 ลงมา. 11 กุมภาพันธ์ 1962 Julia Moore กระโดดหน้าต่างจากห้องของเธอชั้นแปด

ในปีเดียวกัน 12 ตุลา 1962 Pauline Otton กระโดดลงมาจากชั้น เก้า หลังจากมีปากเสียงกับ สามีที่ทำตัวเหินห่าง

ขณะที่เธอตกลงลงมาทับ George Gianinni อายุ65 ที่กำลังเดินอยู่ บนฟุตบาต ผลคือ ตายคู่



เป็นที่น่าเสียดายว่าตำรวจปิดคดีนี้ไปแล้วว่าเป็นการฆ่าตัวตายของ Lam ดังนั้นความจริงจะเป็นยังไงก็อยู่ที่แต่ละคนเชื่อแล้วล่ะ

สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 8
วิเคราะห์จากที่อ่านมา "ผมสรุปว่าเธอโดนฆาตกรรม"

ฆาตรต้องรู้ชื่อเธอ และเคยดูหนัง Dark Water แล้วบังเอิญไอ่ LAM-ESISA ดันไปตรงกับชื่อเธอ
ฆากรมันวางแผนมาอย่างดี หรือทำอะไรบ้าๆ นั้นแหละ หรืออาจจะเป็นโรคจิต
ฆาตรกรทำให้เธอรู้สึกหวาดกลัว เห็นได้จากที่เธออัพ blog อยู่ว่าโดนติดตาม เธอเลยระแวงตลอดเวลา

ตอนที่เธอกดลิฟท์ครั้งแรก เธอไม่ได้หลอน เธอสายตาสั้น ไม่ได้ใส่แว่น เลยมองไม่เห็น สังเกตได้จากเอาหน้าไปชิดปุ่มกดมาก
จากการที่หวาดกลัว และระแวงอยู่แล้ว เมื่อลิฟท์ไม่ทำงานเธอเลยพุ่งตัวออกมาดูนอกลิฟท์ทันที เผื่อจะเจอ ไอ้คนที่มันตามเธอ
แล้วเมื่อเธอไม่เจอใคร เธอเลยเริ่มหวาดกลัว ระแวง มากขึ้น เธอเลยแนบตัวอยู่ที่มุมลิฟท์ และมองออกมาข้างนอก
(ดูที่หัวเธอ เอนไปข้างหลัง ชะเง้อมอง) เพื่อหวังว่าไอ้คนที่ตามเธอจะโผล่มา แต่แล้วก็ไม่มี หลังจากนั้นเธอเลยค่อยๆ เดินมาที่ประตู
แล้วโผ ออกมานอกลิฟท์ มารอเลย (ตรงนี้เหมือนเล่นซ่อนแอบกันน่ะ ดูง่ายมาก) แล้วเธอก็ค่อยๆ ก้าวเท้า ออกไปดูเผื่อเจอคนซ่อนอยู่

หลังจากออกมาข้างนอกลิฟท์ มันนานมาก เธออาจจะได้คุยอะไรกับใครสักคนหนึ่ง หรืออาจจะเป็นฆาตกรนั้นแหละ (ฆาตกรรู้ตำแหน่งกล้อง)
ฆาตกรอาจจะบอกให้เธอลองกดลิฟท์ดูทุกปุ่มเลย เธอเลยกลับมาที่ลิฟท์ไล่กดทุกๆ ปุ่มเลย เมื่อลิฟท์ไม่ทำงานเธอก็ออกจากลิฟท์ไป

แล้วเราจะเห็นเธอทำท่าทางเหมือนเต้น หรืออะไรก็ไม่ทราบ ผมว่าเธอไม่ได้คุยกับสิ่งลึกลับหรืออะไรหรอก  แต่เธอหันหน้าไปทางขวาตลอด
ซึ่งทางขวามันไม่น่าจะมีอะไรมา เพราะเธอเน้นไปทางซ้ายมาตั้งแต่แรก

สรุป
ฆาตกรต้อง มีอย่างน้อย 2 คน และเป็นคนของโรงแรม คนแรกเป็นคนที่แอบติดตามเธอ เมื่อเธอไปถึงลิฟท์
ก็โดนคนที่สองจัดการลิฟท์แบบที่เห็น หลังจากนั้นคนแรกก็คุยกับเธอนอกลิฟท์ รู้ตำแหน่งกล้องดี เพราะเป็นคนของโรงแรม

ส่วนท่าทางแปลกๆ นั้นอาจจะเป็นจากผลที่คลิปถูกตัดต่อ มันอาจจะเป็นคนละวันหรือคนละเวลาก็ได้ เหมือนที่มีคนตั้งขอสังเกตนั้นแหละ
ความคิดเห็นที่ 55
ผมวิเคราะห์ได้ตามนี้ (ลักษณะมีความเป็นไปได้ว่าถูกฆาตกรรม)
- เิริ่มจากตอนเข้าลิฟท์ตอนแรกสุด จะสังเกตได้ว่าผู้ตายไม่มีท่าทีกระวนกระวายและสงบ ซึ่งน่าจะยังไม่ถูกคุกคาม
- การกดลิฟท์ทุกชั้นและอาจจะรวมถึงปุ่ม Hold ด้วย มีความเป็นไปได้ว่าไม่ได้ตั้งใจหรือเพราะสายตาสั้นมาก
- นาทีที่ 0.20 มีคนเรียกชื่อเธอจากด้านนอกลิฟท์ เธอจึงชะเง้อออกไปดู และเริ่มกลัว
- นาทีที่ 0.54 ตกใจตัวแข็ง เพราะเห็นคนร้ายและพยายามจะกลับเข้าลิฟท์ แต่คนร้ายซึ่งอาจจะถือมีดหรือปืนได้สั่งให้เธอออกมานอกลิฟท์
- นาทีที่ 1.30 คนร้ายสั่งให้เธอเข้าไปกดให้ลิฟท์ปิด เพราะลิฟท์เปิดค้างนานเกินไปและอาจมีความจำเป็นต้องเดินผ่าน
- นาทีที่ 2.00 กดปิดไม่ได้เธอจึงพยายามอธิบายให้คนร้ายเข้าใจว่าไม่ได้ตุกติกอะไร ซึ่งเธอให้ภาษามือร่วมด้วยจึงมีท่าทางแปลกๆ คนร้ายเข้าประชิดตัวผู้ตาย
- นาทีที่ 2.26 คนร้ายดึงเธอออกจากมุมกล้องลิฟท์ สังเกตในนาทีนี้จะเห็นเท้าของคนร้ายด้วย

สรุปอาการแปลกๆของผู้ตายเกิดจากความตื่นกลัว รนราน และถูกคุกคาม ซึ่งอาวุธของคนร้ายน่าจะเป็นมีดมากกว่าปืน และเธอยินยอมทำตามคนร้ายแต่โดยดี เพราะกลัวจะถูกทำร้าย

- ทางขึ้นแทงค์น้ำมีอีกทางคือตึกสีขาวที่ติดกับแทงค์ มีบันไดขึ้นได้สบายๆ แต่ข่าวกลับไ่ม่พูดถึงแปลกมากๆ
- นาทีที่หายไป น่าจะเพราะมีภาพคนร้ายโผล่หน้ามาดูว่าลิฟท์ปิดหรือยัง
ความคิดเห็นที่ 145


ประมาณว่าคนทำคลิป นำเอาช่วงเวลาสองเหตุการณ์มาวางทับซ้อนกัน รวมคลิป แล้วลบบางอย่างออกไป

อย่างในรูปผมมั่วเอาว่าภาพ(คลิป)หลังจากวางซ้อนกัน เราจะเห็นผู้หญิงสองคนคือ หน้าลิฟท์ และตรงแป้นลิฟท์

ซึ่งก็คือผู้ตาย โดยมีเงาผู้ชายหนึ่งคนอยู่นอกลิฟท์ และผู้ชายอีกคนชะโงกหน้าเข้ามา(อาจเป็นคนเดียวกันหรือไม่ก็ได้) แต่คนทำคลิปเลือกตัด

เหตุการณ์ออกไป ทำท่าทางแปลกๆเหมือนกำลังคุยกับใครอาจหมายความว่า เธอพูดอยู่กับใครจริงๆและมีตัวตน

แต่บุคคลปริศนาที่เธอกำลังคุยอยู่ด้วยนั้น อาจถูกทำให้หายไปจากคลิปนั่นเองครับ(ด้วยวิธีใดก็แล้วแต่)

จุดที่น่าสังเกตอีกอย่างก็คือ หลังจากเธอทำท่าวาดมือประหลาดๆ ไม่นานเธอก็ทำท่าทางเหมือนฉุดกระชากกับอะไรที่มองไม่เห็นอยู่


ปล.ทั้งนี้ทั้งนั้นผมมโนเอาเองทั้งนั้นครับ(มั่ว)
ความคิดเห็นที่ 11


ที่ติดตามมา มีวิเคราะห์กันว่า น่าจะโดนคนของโรงแรม  นั่นแหละฆาตกรรม

เธอมาจากแวนคูเวอร์ แคนนาดา มาพักที่LAโรงแรมนี้ มาพักได้สี่วันเธอก็หายตัวไป เธอก็ลงบล๊อกบอกเพื่อนว่ามีคนติดตามเธอ

1. เวลาที่เดินในลิฟท์มันขาดหายไป คือคลิปที่ได้เป็นคลิปตัดต่อ  "ใครละจะเอาคลิปตัดต่อมาให้ เพราะตร.ขอมาจากโรงแรม"

2. ช่วงที่เธอเข้าลิฟท์ มีคนติดตามเธอกดลิฟท์ไว้ด้านนอก   "เป็นการบังคับเธอออกมาข้างนอก เพราะน่ารู้ว่ากล้องมีแต่ลิฟท์ไม่มีข้างนอก"

    และช่วงที่เธอออกลิฟท์ ทำท่าแปลก ก็เพราะออกมา ต่อว่าพูดคุยกับพวกนั้น  สักพักลิฟท์ก็ขึ้นไปเองได้

3. ถ้าฆ่าตัวตายเอง จะ "ปิดแทงก์น้ำเองได้ยังไง แล้วจะปิดไปทำไม"
ความคิดเห็นที่ 18
มีคนวิเคราะห์ว่าเป็นการสร้างข่าวเพื่อปิดข่าววัณโรคระบาดในแอลเอครับ
เพราะ key word ทั้งชื่อผู้ตาย สถานที่ น้ำติดเชื้อ ล้วนตรงกับเหตุระบาด
เพราะในช่วงที่เหตุเกิด google จะแสดงผลการค้นหาทีเป็น breaking news
ซึ่งข่าวการตายก็จะไป flush ข่าวโรคระบาดตกไปหน้าหลัง

ผมก็ไม่ได้ติดตามอะไรมาก ก็งงๆ
รายละเอียดข้อนข้างลึกล้ำทีเดียว ลองอ่านกันได้ที่ลิงก์ครับ
http://www.godlikeproductions.com/forum1/message2151579/pg1
http://www.reddit.com/r/conspiracy/comments/1fl08n/can_someone_please_explain_to_me_why_there_havent/
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่