<Spoil> ยอดนักปรุงโซมะ (Shokugeki no Souma) 45 -การประสานงานระหว่างกลิ่นและแรงกระตุ้น-

ตอนนี้จริงๆดิบมาตั้งแต่วันพุธแล้วครับ แต่แปลมาช้ามาก เข้าใจว่า เอรุคนแปลแกเซ็งที่มีคนเอาแปลText Engไปแปะที่อื่นโดยไม่ได้ขอเขาก่อน เขาเลยงดลงแปลในบล็อก (แล้วเอาไปส่งให้คาซาโนว่าโดยตรงเลย)

คำว่า กะ-หรี่ ผมขอพิมม์แบบนี้นะครับ เพราะทางPantipเซ็นเซอร์คำไว้




-เปิดตอนมาเป็นเรื่องในอดีตในวันที่ชิโอมิเข้ามาที่หอโพลาห์สตาร์ นักเรียนในห้องบอกว่าชิโอมิจะมาเข้าเรียนม.ปลายตอนเดือนเมษายนและเธอก็ผ่านการทดสอบเข้าหอจากคุณฟุมิโอะโดยทำแค่ครั้งเดียวอีกด้วย ซึ่งงินก็มาแสดงความยินดีแล้วบอกให้พยามเข้า ในตอนนั้นเอง โจอิจิโร่ที่พึ่งตื่นนอนลงมา หันมาถามงินว่านี้ใคร(ชิโอมิ) ซึ่งงินก็บอกให้โจอิจิโร่ไปใส่เครื่องแบบให้เรียบร้อย



-ซึ่งโจอิจิโร่ก็ทักทายชิโอมิ แล้วถามเธอว่าเขาลองทำอาหารแบบใหม่พอดีเธออยากจะลองด้วยไหม ด้วยความที่ชิโอมิเป็นเด็กใหม่เลยตอบรับไปทันทีว่าอยาก(ส่วนคนอื่นๆเดินหนี) ซึ่งต่อมาชิโอมิก็กลายสภาพเป็นหนูทดลองอาหาร(และรีแอคชั่น)ให้กับโจอิจิโร่ไปโดยปริยาย

-ซึ่งเหตุการณ์นั้นก็สร้างบาดแผลในจิตใจให้กับชิโอมิเป็นอย่างมาก จนถึงปัจจุบัน ส่วนโซมะที่ได้ฟังเรื่องก็ตบมุขไปว่าชิโอมิดูไม่เปลี่ยนไปจากตอนนั้นเลย(ตอนนี้ชิโอมิอายุ34) ซึ่งเธอก็บอกว่า มีคนพูดแบบนี้บ่อยแล้ว แต่ที่เธอดูสาวแบบนี้เพราะเธอทานอาหารที่มีเครื่องเทศเป็นประจำด้วยละมั้ง (ซึ่งโซมะก็ตบมุขไปว่า มันไม่น่าจะเกี่ยวกัน) ซึ่งโซมะเองก็บอกว่าพ่อนี้แย่สุดๆจริงๆด้วย ว่าแล้วก็หันมาทางเมงุมิ แต่เจ้าตัวก็ทำหน้าเอือมๆ(เพราะตอนที่เมงุมิกับโซมะรู้จักกันแรกๆ เมงุมิก็โดนไปเยอะเหมือนกัน) เมงุมิเลยเริ่มอธิบายสาเหตุที่พวกเธอมาหาชิโอมิ และแนะนำตัวว่าพวกเธอมาจากหอโพลาห์สตาร์ และอยากได้คำแนะนำจากชิโอมิเรื่องแกงที่จะใช้แข่งในงานคัดเลือกฤดูใบไม้ร่วง ซึ่งชิโอมิก็บอกว่า เธอไม่รังเกียจหรอกที่จะสอนเมงุมิ แต่กับโซมะเธอขอปฎิเสธเพราะเธอไม่อยากข้องเกี่ยวกับรุ่นพี่ไซบะหรือคนรู้จักของเขาหรอก (เมงุมิเห็นว่าเธอเมินไม่ยอมมองตาโซมะด้วย)

-ในตอนนั้นเอง หนุ่มผิวแทนก็ยกชามาเสิร์ฟให้ทั้งคู่แล้วขอโทษพวกโซมะที่ไม่ได้เตรียมอะไรให้เรียบร้อย เพราะยัยคนนี้(ชิโอมิ)ไม่ค่อยได้รับแขกเท่าไร ว่าแล้วเขาก็แนะนำตัวว่าชื่อ"ฮายามะ"อยู่ปี1เหมือนกับพวกโซมะ เมงุมิเห็นดังนั้นเลยถามไปว่าถ้าอยู่ปี1แล้ว ฮายามะก็ไม่น่าจะรู้จักกับชิโอมิที่สอนปีสองได้นิน่า ซึ่งเจ้าตัวก็ตอบไปว่า ในส่วนของเรื่องนั้นเพราะเขาเป็นผู้ช่วยให้ชิโอมิอยู่ ว่าแล้วก็หันไปพูดว่า"จริงไหม? จุน" (เรียกชื่อจริง) จนชิโอมิตกใจแล้วเอ่ยออกมาว่าต้องเรียกเธอว่า ศาสตราจารย์ชิโอมิสิ ก่อนจะเอ่ยว่า ฮายามะคุงเป็นผู้ช่วยเธอต้องให้ความเคารพกับเธอมากกว่านี้นะ

-แต่ก็โดนฮายามะขัดไปว่า วันนี้เธอลืมรดน้ำต้นไม้(ต้นเครื่องเทศ)นะ ทำเอาชิโอมิถึงกับชะงัก ว่าแล้วฮายามะก็ร่ายยาวถึงสิ่งที่เขาทำให้เธอทั้งๆที่มันเป็นหน้าที่เธอ ทำให้ชิโอมิต้องลงไปคุกเข่าขอโทษสำนึกผิด จนโซมะคิดว่าเธอดูตัวเล็กยิ่งกว่าเดิมซะอีก ว่าแล้วโซมะก็เดินดูรอบๆห้องแล้วบอกว่าในห้องนี้มีเครื่องเทศที่น่าสนใจอยู่เยอะเลยนะ ซึ่งเขาก็ไปสะดุดตากับสิ่งหนึ่งเขา ฮายามะบอกว่านี้คือ Karipattaหรือใบกะ-หรี่ ซึ่งพอเห็นดังนั้นเมงุมิก็ตกใจที่เห็นมันยังสดอยู่เลย ทำให้โซมะสงสัย ซึ่งเมงุมิก็อธิบายว่า ปกติแล้วต้นกะ-หรี่จะแพ้อากาศเย็น เพราะงั้นที่ญี่ปุ่นเลยปลูกไม่ได้ ส่วนมากที่นำขายในญี่ปุ่นมักจะเป็นใบแบบแห้งเท่านั้น

(ใบกะ-หรี่ นิยมใช้กันในอินเดียและทางอินโดเนเซีย ตัวใบมีกลิ่นหอมซึ่งคนบางส่วนก็ซื้อนำมาเป็นไม้ประดับ ส่วนตัวใบสามารถเอาไปหั่นใส่แกงเพื่อเพิ่มกลิ่นได้)

-ซึ่งเมงุมิก็ถามว่าใช้วิธีไหนถึงทำให้เครื่องเทศสดขนาดนี้ได้ ฮายามะก็ตอบว่านี้เป็นหนึ่งในงานวิจัยของจุน ที่สร้างกรรมวิธีให้ญี่ปุ่นสามารถปลูกเครื่องเทศได้เหมือนกับประเทศทางเกาะเขตร้อน งานอื่นๆนอกจากนี้ก็เช่นการเพิ่มประสิทธิภาพยืดเวลาความสดของเครื่องเทศและรักษากลิ่นของมันเมื่อนำไปเก็บไว้ในห้องเย็นการผสานกลิ่นและรสของเครื่องเทศแบบใหม่ๆ เป็นต้น ซึ่งโซมะก็ชมว่าชิโอมินี้เก่งสมกับที่ได้เป็นศาสตราจารย์จริงๆ ซึ่งชิโอมิก็แอบดีใจแต่ยังเก็กอยู่แล้วบอกว่าถึงชมเธอไปเธอก็ไม่ดีใจหรอก(แต่จริงๆแอบดีใจอยู่) ก่อนจะเอ่ยว่าเครื่องเทศมีความลับซ่อนอยู่มาก สิ่งสำคัญสามส่วนของเครื่องเทศก็ได้แก่ กลิ่น,รสและสี และการผสมพวกมันเข้ามาด้วยกันเพื่อใช้งานก็ต้องรู้สัดส่วนอย่างพอเหมาะไม่ว่าจะเป็นเรื่องรสชาติที่จะเกิด สีที่จะให้หรือแม้แต่วิธีผสม ซึ่งก็มีหลากหลายแบบไม่ว่าจะหยาบหรือละเอียดก็ต่างให้สัมผัสกลิ่นสีและรสเครื่องเทศที่แตกต่างกันไป แต่หากผสมด้วยวิธีการที่รุนแรงอาจจะทำให้เกิดรสขมออกมาแทนได้ ซึ่งข้อจำกัดของมันนี้แหละคือสิ่งที่ทำให้การศึกษาเครื่องเทศเป็นเรื่องที่กว้างใหญ่มาก

-แถมชิโอมิยังบอกอีกว่า นอกจากนั้นการใช้น้ำมันหรือไขมันเองก็เป็นเรื่องสำคัญ การเอาเครื่องเทศไปใช้กับน้ำมันพวกนี้จะช่วยเพิ่มกลิ่นและรสชาติขึ้นมาได้ โดยเฉพาะรสชาติจะดีที่สุดถ้าน้ำมันหรือไขมัน"อีมันชั่น" ซึ่งว่าแล้วชิโอมิก็เริ่มร่ายต่อถึงเรื่องอิมันชั่น ทำให้โซมะรู้สึกเหมือนกับว่ากำลังเรียนเลคเชอร์อยู่ ด้านฮายามะก็บอกว่าถ้าเริ่มพูดเรื่องเครื่องเทศแล้วชิโอมิจะหลุดแบบนี้ละ ว่าแล้วก็บอกว่าให้โซมะได้มีประสบการณ์ด้วยตัวเองน่าจะเร็วกว่า

(เรื่องอีมันชั่นหรืออิมัลซิฟายเออร์ ใช้ในทางอาหารจะหมายถึงสภาพที่ของเหลวกับน้ำมันไม่เข้ากัน ต้องมีสารที่ช่วยทำให้น้ำกับน้ำมันจับตัวกันได้อาทิเช่น ไข่เป็นต้น ถือเป็นเรื่องพื้นฐานของการทำอาหาร อย่างมายองเนสเองก็มาจากหลักการนี้(ใช้ไข่ทำให้น้ำกับน้ำมันเข้ากัน) ส่วนเรื่องการใช้น้ำมันหรือไขมันเพื่อเพิ่มกลิ่นและรสของเครื่องเทศ คาดว่าคนไทยอย่างเราน่าจะรู้จักกันดีอยู่แล้ว หลักการที่ว่านี้ก็คือการ"ผัดเครื่องแกง"นั้นเอง โดยการเอาเครื่องแกงไปผัดเพื่อให้กลิ่นหอมโชยออกมา)



-ซึ่งฮายามะก็บอกว่าให้พวกโซมะทานอะไรก่อนไป เขาจะโชว์ความลึกซึ้งของเครื่องเทศให้ดู ว่าแล้วฮายามะก็ทำอาหารจานแรกมาให้พวกโซมะได้ทานมันคือ แกงไก่อินเดีย kozhi varutha (เป็นแกงกะ-หรี่ที่ใส่ผงกะ-หรี่ ผงขมิ้นและผงการัมมาซาล่า(เครื่องเทศผสมของอินเดีย) จุดเด่นคือเนื้อไก่จะเป็นเนื้อไก่ทอดและมีการใช้กะทิหรือน้ำมันกะทิเพิ่มความข้นให้แกงและมีการใช้ใบกะ-หรี่เพื่อให้กลิ่นหอม)

-ซึ่งฮายามะก็แนะนำว่านี้เป็นแกงทางตอนใต้ของอินเดียที่จะใช้ใบกะ-หรี่ที่โซมะสงสัยเมื้อกี้ให้กลิ่นของอาหารเด่นชัด ว่าแล้วโซมะก็ลองชิมดูทันที และก็พบว่ากลิ่นเครื่องเทศลอยแตะจมูกมาเป็นอย่างแรก ตามด้วยรสชาติเผ็ดของพริกไทยคาเยนที่ตามเข้ามา กลิ่นแกงกรุอยู่ในปากทำให้โซมะถึงกับตกใจเพราะเขาไม่เคยกินแกงแบบนี้มาก่อน ซึ่งฮายามะก็เอ่ยว่า นี้คือพลังของเครื่องเทศสด ที่จะให้กลิ่นที่มากกว่าเครื่องเทศแห้งถึงสิบเท่า



-ว่าแล้วฮายามะก็โชว์เครื่องเทศแล้วเตรียมทำอาหารจานต่อไปโชว์ทันที มันคือ แกงปลาGoan ที่ใช้ปลาเนื้อขาวอย่างปลาดาบหรืออาจจะใช้ปลาอย่างแซลม่อนมาทำก็ได้ (เป็นแกงของอินเดียอีกตัวไม่ค่อยแตกต่างจากแกงอินเดียทั่วไปเท่าไร แต่จะมีการใช้สต็อกจากปลาและมีรสเปรี้ยวเพิ่มเข้ามาแทน ส่วนเครื่องเทศหลักๆนั้นเหมือนเดิม) ซึ่งเมงุมิเห็นว่าฮายามะทำมาตั้งสองจาน ฮายามะก็บอกว่าสองจานนี้ใช้เครื่องเทศเหมือนกันแต่ลองกินเปรียบเทียบดูสิ เมื่อชิมแล้วโซมะก็พบว่าจานที่สองนั้นอร่อยกว่าอย่างเห็นได้ชัด

-ฮายามะบอกว่าจานที่สองนั้นเขาเอาพริกแดงกับลูกผักชีไป"คั่ว"ให้หอมก่อนนำมาใส่ ซึ่งเมงุมิก็ตกใจว่าแค่เล็กน้อยแค่นี้แต่ทำให้รสชาติเปลี่ยนไปขนาดนี้เชียว ซึ่งโซมะก็เข้าใจที่ชิโอมิอธิบายเมื่อครู่แล้วว่าความร้อนมีผลต่อกลิ่นของเครื่องเทศจริงๆด้วย ว่าแล้วฮายามะก็เสิร์ฟจานสุดท้ายออกมา ซึ่งเมงุมิก็บอกว่ามาคล้ายแกงkozhi varuthaที่ทานไปจานแรก

(ในแปลกับญี่ปุ่นใช้คำว่าผักชีเฉยๆ แต่ผมดูจากภาพแล้วน่าจะเป็นลูกผักชีมากกว่า เลยขอเขียนไปว่าลูกผักชีนะครับ)

-แต่สักพักก็รู้สึกว่ากลิ่นใบกะ-หรี่มันแรงกว่าจานแรก ว่าแล้วก็ลองทานดู และเมงุมิก็พบว่าเป็นความจริงด้วย เพราะแกงจานนี้กลิ่นใบกะ-หรี่หอมกว่าจานแรกอย่างชัดเจน ว่าแล้วเธอก็ถามว่าฮายามะทำอะไรพิเศษหรือเอาเครื่องเทศไปคั่วเหมือนเมื่อครู่รึเปล่า แต่เขาก็ตอบว่าไม่

-วิธีที่เขาใช้ก็ง่ายนิดเดียวนั้นคือใช้น้ำเปล่าแทนสต็อก ทำให้พวกโซมะตกใจ ซึ่งฮายามะก็อธิบายว่าเขาจำมาจากที่จุนเคยสอนเอาไว้ ที่ว่ายิ่งใส่ของหลากหลายมากขึ้นกลิ่นของเครื่องเทศก็จะลดลงไป เพราะงั้นเขาก็เลยไม่ใช่สต็อกเพื่อไม่ให้มีกลิ่นของสต็อกติดมาด้วยและจะทำให้กลิ่นของเครื่องเทศที่สัมผัสได้แรงขึ้นอีก เมงุมิก็ถึงกับอึ้งแล้วบอกว่ากลิ่นที่หอมมากของมันทำให้รสชาติแทรกซึมเข้าไปในร่างกายอย่างรวดเร็วราวกับว่า...



-ถูกกามเทพแห่งใบกะ-หรี่ยิงศรรักเข้าใส่กลางใจ ซึ่งเมงุมิที่เคลิ้มถึงกับรู้สึกได้เลยว่าแค่เปลี่ยนกลิ่นเครื่องเทศให้แรงขึ้นแต่ทำให้อาหารเปลี่ยนไปถึงขนาดนี้เลยเหรอนี้

-ด้านโซมะเองก็ยืนจ้องฮายามะ ทำให้เมงุมิสงสัยว่าโซมะติดใจอะไร โซมะเลยบอกว่าในตอนที่ทำอาหาร ฮายามะไม่ได้หันไปมองหม้อเลยสักครั้ง เจ้าตัวใช้จมูกในการรับกลิ่นเครื่องเทศและกลิ่นของอาหารและล่วงรู้ได้ว่ารสชาติที่พอเหมาะพอเจาะที่สุดต้องใช้เวลาเท่าไรในการปรุง ซึ่งถือว่าเป็นความเจนจัดในเรื่องเครื่องเทศและกลิ่นโดยแท้

-ฮายามะเอ่ยว่า เขาเคยพูดเอาไว้ว่าจุนต้องการเขา เพราะว่างานของเขาก็คือการทำทฤษฎีอาหารของจุนที่คิดไว้ออกมาเป็นรูปเป็นร่างสำเร็จ เรียกได้ว่าสองคนนี้คือคู่หูที่สมบูรณ์พร้อมทั้งด้านทฤษฎีและการปฎิบัติ ซึ่งโซมะก็เอ่ยถามฮายามะไปว่า นายก็เข้าร่วมการคัดเลือกสินะ ซึ่งเจ้าตัวก็ตอบว่าเขาอยู่บล็อกAเหมือนนายนั้นแหละ ยูกิฮิระ โซมะ

-โซมะสงสัยว่าทำไมฮายามะถึงรู้จักชื่อเขาได้ ซึ่งฮายามะก็บอกว่าคนที่เข้าร่วมปฐมนิเทศรู้จักนายทุกคนนั้นแหละ และฮายามะก็เอ่ยว่าอาหารของโซมะน่ะยอดเยี่ยม แต่แค่นั้นคงยังถึงตำแหน่ง"สูงสุด"ไม่ได้หรอกนะ เพราะอาหารของโซมะยังขาดกลิ่นหอมที่สุดยอด พ่อครัวที่รู้จักกลิ่นหอมจะสามารถใช้กลิ่นและสร้างสรรค์อาหารที่กระตุ้นความน่าทานออกมาได้หรือก็คือ



"คนที่จะเป็นสุดยอดของโทสึกิน่ะ คือ ฮายามะ อากิระคนนี้ ไม่ใช่ใครอื่น"



-ได้ยินแบบนั้นโซมะก็ยิ้มพนมมือขอบคุณสำหรับอาหารแล้วบอกว่าเขาจะจ่ายคืนให้ในอีกไม่นานนี้หรอก ทำให้ฮายามะสงสัย ซึ่งโซมะก็ยิ้มแล้วเอ่ยออกมาว่า เขาจะทำแกงที่เจ๋งกว่าของฮายามะ แล้วเอามาให้เขาชิมในตอนงานคัดเลือก!

จบตอน




สำหรับตอนนี้ก็เป็นการเปิดตัวพ่อหนุ่มอบเชย ฮายามะ อากิระกับสารพัดเมนูแกงอินเดีย เดาว่าโซมะน่าจะเก็บข้อมูลอีกตอนสองตอน ก่อนจะเริ่มการคัดเลือกรอบแรก โดยส่วนตัวหวังว่างานคัดเลือกจะเห็นอาหารของคนอื่นออกมาบ้างนะ(ถ้าไปโฟกัสแต่ฮายามะกับโซมะนี้คงเซ็งน่าดู และถ้านับจริงๆอาจารย์แกยังกั๊กฝีมือไว้อีกหลายคนเลย)
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่