I am here.....papa

...กลับไปบ้านปากน้ำเมื่อสามสี่ก่อน...ได้ยินเสียแมวน้อยลอยมาแต่ไกล ถามแม่ถามพ่อก็ได้รู้ว่ามันร้องมาสองสามวันแล้ว...ซึ่งทุกคนก็พยายามหาแล้วว่ามันอยู่ตรงไหนก็ไม่มีใครหาเจอ....อีกทั้งในเวลานั้นทุกคนที่บ้านก็สาระวนกับงานของตัวเองมากมายเพราะเพิ่งปรับปรุงบ้านใหม่...เตรียมงานแต่งานน้องสาวคนเล็กของบ้าน

ได้ยินดังนั้นผมและคุณภรรยา...เราก็เริ่มหาตัวเจ้าเหมียวน้อย ซึ่งกลัวว่ามันจะตาย ยืนฟังเสียงมันอยู่ตั้งนานว่ามันดังมาจากไหน...น้องสาวผมก็บอกว่ามันอยู่ใต้เพดานหลังคาบ้านเก่า....ซึ่งบ้านสองหลังนี้อยู่ติดกันแต่บ้านหลังเก่านั้นก็เรียกได้ว่าไม่มีใครอยู่แล้ว  ส่วนใหญ่เอาไว้เก็บของและเป็นเสมือนโรงระลึกชาติสำหรับผมในเวลาที่อยากเข้าไปดูร่องรอยในอดีตที่เคยซน และได้ซุกหัวนอนอยู่ที่นั่นตอนเด็กๆ..

...เราสองคนก็พยายามปีนขึ้นไปใต้ฝ้าเพดานที่มีรอยแตก  รอยพัง   เดินฟังเสียงมันอยู่ตลอดเวลา...ช่วยกันเอาไฟฉายส่องก็ไม่เห็นตัวได้ยินแต่เสียง...ดังตรงโน้นที  ตรงนี้ที...เวลาผ่านไปสิบกว่านาที....จึงเปลี่ยนแผนเป็นวิชานินจา...ปีนหลังคาจากบ้านปัจจุบันขยับไปหลังคาบ้านเก่า  แล้วถอดกระเบื้องออก...เอาไฟฉายส่องก็ไม่เห็นมี....พยายามทำทุกอย่างก็ไร้ผล.....เหนื่อยและร้อน  สกปรก และวันนั้นก้เป็นวันที่รู้สึกหงุดหงิด...ผิดหวังแถมโมโห....ว่า"ทำไมแกไม่ช่วยฉันเลย..ฉันพยายามจะช่วยแกอยู่นะเนี่ยยย"......เก็บความหวังและหมดหวังลึกๆเอาไว้ในใจ..

ค่ำคืนกำลังจะผ่านไป....พร้อมกับเสียงเหมียวๆก็ยังแว่วมาเรื่อยๆ....จนรู้สึกได้ว่า "พรุ่งนี้ จะพยายามลองอีกครั้ง"......ถ้าหาไม่เจอ  เราคงไม่มีวาสนาต่อกันเป็นแน่แท้เจ้าเหมียวน้อย  ...คืนนั้นเสียงเหมียวๆ แหบๆ เล็กๆ ก็ยังแววให้ได้ยินมาเรื่อยๆ.......จนเราก็หลับไปพร้อมกับเสียงเหมียวๆแหบๆ จนทะลุงเข้าไปในฝัน.........

เช้าวันรุ่งขึ้น....เราสองคนพยายาม ช่วยกันฟังเสียงของมันว่าอยู่ตรงไหนแน่  เดี๋ยวก็ดังมาจากตรงนั้นที่  ตรงนี้ที  เอาไงดีหว่าาาา   ในใจก็คิดถึงช่วงเวลาที่เจ้าลูกแมวน้อยมันต้องอยู่ตัวเดียว...ว่ามันคงอย่างโน้น  อย่างนี่  ฟุ้งซ่านซะแล้ว  ตัดใจว่า ...."ช่างมัน ของลองอีกที่" ผมก็รีบขึ้นไปบนหลังคา แล้วทำเหมือนเมื่อวาน...ไปคนเดียว  ปีนมันคนเดียวอีกรอบค่อยๆ ถอดหลังคาพร้อมกับคิดในใจว่า  คิดว่าถ้าไม่เจอจริงๆคงหมดบุญวาสนากัน..ก็คงแล้วแต่กรรม....เห้อ.....

.....ภาพทุกอย่างเหมือนเดิม  เหมือนเมื่อวาน  วินาทีที่ผมดึงหลังคากระเบื้องออก...มองไปข้างหน้าก็มืดมองไม่เห็นอะไร  นอกจากความว่างเปล่า.....ซ้ายก็ไม่มี  เสียงเหมียวๆ ก็หายเงียบไป  เห้อ!!! กรรม...เอาไงล่ะที่นี้....และในขณะนั้นเองผมก้มมองมาที่ปลายหลังคาซอกเล็กๆ....ระหว่าหลังคาเก่าๆที่มีอายุพอๆกับผม  กับกองเศษฟางหญ้าที่นกกระจอกเคยเอามาทำรัง...ก้อนกลมๆ ขนาดเท่า แพข้าวเม่าทอด มีขนสีน้ำตาลนอนกลมๆไร้เสียง....พระเจ้า!!!!  ผมรีบคว้ามาอุ้มอย่างดีใจที่สุด....รีบเคลื่อนย้ายร่างขนาด แปดสิบโลออกจากหลังคาอย่างรวดเร็ว เราได้ตัวมันแล้ววววเจ้าของเสียงแหบๆเล็กๆที่ร้องได้ร้องดี......ทุกคนทั้งบ้านดีใจที่ได้เจ้าตัวนี้มา...แม่เล่าให้ฟังว่าแม่มันมาคลอดที่นี่สองสามครั้งมาก..ส่วนใหญ่จะไม่เลี้ยง...แล้วก็ตายในที่สุด.....โชคดีจริงๆ

ตอนนี้เอามาดูแลที่บ้านแล้ว....สองสามวัน  กินเก่งมาก....แล้วก็ได้ชื่อใหม่ว่า "ขนมจีน" โดยชื่อนี้ดีนนี่ ลูกสาววัยสิบเอ็ดขวบตั้งให้อีกแล้ว....อาเมนด้วยประการทั้งปวง....
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่