เกิด-ตาย เป็นแค่คำสมมติ แท้จริงไม่มีใครเกิด ไม่มีใครตาย

กระทู้สนทนา
ความจริงของโลกมี ๒ อย่าง คือ จริงสมมติ กับ จริงแท้

จริงสมมติ คือความจริงตามที่ชาวโลกเขาสมมุติ(ลงมติร่วมกัน)ว่า มันมี มันเป็น ไปตามที่สมมติ เช่น นาย ก นาย ข ผู้ชาย ผู้หญิง เด็ก ผู้ใหญ่ พ่อ แม่ สามี ภรรยา ลูก หลาน ภูเขา ต้นไม้ บ้าน รถยนต์ คอมพิวเตอร์ เงิน ทอง เป็นต้น

จริงแท้ คือ ความจริงสูงสุด โดยสิ่งที่ชาวโลกเขาสมมุติกัน ว่ามี ว่าเป็น ทั้งหลายนั้น  แท้จริงแล้วมันไม่ได้มีอยู่จริง เพราะมันเป็นเป็นเพียงสิ่งที่ถูกปรุงแต่งหรือสร้างหรือประกอบขึ้นมาจากธาตุ(สิ่งพื้นฐานตามธรรมชาติ)เท่านั้น

การมองโลกนั้นถ้าเรามองอย่างผิวเผินเราก็จะพบเพียงความจริงสมมมุติเท่านั้น แล้วก็จะทำให้เรามีความยึดถือว่ามีตัวตนของสิ่งที่มี ที่เป็นทั้งหลาย และก็จะตามมาด้วยความทุกข์เพราะความยึดถือนั้น อย่างเช่น เมื่อมีการเกิดและการตายก็จะมีความยึดถือว่ามีคนเกิดและคนตาย แล้วเราก็จะเกิดความดีใจเมื่อมีการเกิด แต่จะเสียใจเมื่อมีการตาย เป็นต้น

แต่ถ้าเราจะมองอย่างลึกซึ้งแล้วเราก็จะพบกับความจริงสูงสุดของธรรมชาติที่ว่า "แท้จริงมันไม่ได้มีตัวตนของใครๆอยู่จริง" ก็จะทำให้เรามองเห็นว่า มันไม่ได้มีใครมาเกิด และไม่ได้มีใครตาย แล้วก็จะทำให้ความยึดถือว่ามีคนเกิดและมีคนตายไม่เกิดขึ้น แล้วก็จะไม่ทำให้เกิดความดีใจเมือมีคนเกิดและมีความเศร้าโศกเสียใจเมื่อมีคนตายเกิดขึ้น เป็นต้น

คนที่มีปัญญาน้อยก็จะมีทุกข์ไปเพราะมองโลกอย่างผิวเผิน ส่วนคนมีปัญญามากก็จะมีทุกข์น้อยหรือไม่มีเลยเพราะมองโลกอย่างลึกซึ้งด้วยสติปัญญา ซึ่งชาวพุทธทั้งหลายควรมองโลกด้วยปัญญา จึงจะสมกับเป็นชาวพุทธที่แท้จริง แต่ถ้ามองโลกเพียงผิวเผินก็จะไม่สมกับเป็นชาวพุทธที่แท้จริง จะเป็นก็เพียงชาวพุทธเทียมๆเท่านั้น
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่