ความแปลกใจส่วนตัว

ถ้าย้อนหลังกลับไป10 ปีที่ผ่านมา จะเห็นพรรคการเมือง แข่งขันกันอย่างดุเดือด แต่เดี๋ยวนี้กลับเงียบไปครับ และขนาดcapacityของพรรคเก่าๆ ในประวัติศาสตร์ จะลดขนาดลงครับ ตรงกันข้ามฝ่ายนิติบัญญัติ กับตุลาการ 2ใ

กำลังฟังคุณสมคิด จาตุศรีพิทักษ์พูดในสภา เกี่ยวกับการเกิดEEC ก็ไม่แปลกใจทำไมทั้งอดีตนายกทักษิณ มาถึงพลเอกประยุทธ์ถึงใช้บริการ ชัดเจน มีหลักการ อยากให้ทั้งฝ่ายค้านกับรัฐบาลประคับประคองประชาธิปไตย ในสภาใ

เกริ่นนิดหน่อย.........(อยากให้อ่านให้จบก่อนนะครับ อย่าอ่านแต่หัวกระทู้แล้วตอบเลยจะเข้าใจผิดเอา) ผมเองแต่ก่อนก็เคยอยู่สิงสถิตตักตวงความรู้จากกูรูห้องราชดำเนินมานาน ตั้งแต่ปฏิวัติ 2549 ก่อนจะมีเสื้อแ

ย้อนกลับไปถึงทุกวันนี้การเมืองวุ่นวาย  ถ้าฝ่ายหนึ่งได้ตั้งรัฐบาล อีกฝ่ายได้เป็นฝ่ายค้าน ฝ่ายค้านก็จะหาเรื่องค้านไปซะทุกเรื่อง เหมือนเป็นการแก้แค้น พอปีต่อไปอีกฝ่ายได้เป็นรัฐบาล อีกฝ่ายได้เป็นฝ่าย

ตอนนี้ผมแบ่งผู้เล่นเกมส์แห่งอำนาจ เป็นแค่ 2ฝ่าย แน่นอนเรื่องจริงฝ่ายต่างๆต้องมากกว่านี้ แต่ขอเอามาขบคิดแค่สองฝ่ายพอ คือผลประโยชน์ที่จะเกิดขึ้นของ ฝ่ายรัฐบาล และ ฝ่ายค้าน เหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นเร็วๆนี

การประชุมรัฐสภาพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญวาระ 2 แม้ประเด็นที่หารือจะมีแค่ที่มาของส.ว. เพียงเรื่องเดียว แต่บรรยากาศความปั่นป่วนในสภาจนต้องพักการประชุมหลายหน ทำให้เป็นที่วิพากษ์วิจารณ์วงกว้าง โดยเฉพ

วันนี้ขอระบายครับ เบื่อจริง ๆ มีแต่พวกแบ่งฝักแบ่งฝ่าย วัน ๆ ก็มีแต่หาเรื่องโจมตีฝ่ายตรงข้าม บทเรียนในอดีตมีให้เห็นแล้วถึงความไม่รัก ไม่สามัคคี ไม่ปรองดองกันตั้งแต่สมัยครั้นคราวเสียกรุง วันนั้นจนถึงวัน