สวัสดีครับ
เมื่อกลางเดือนตุลาคมที่ผ่าน ผมมีโอกาศไปเที่ยวเกาะบาหลีกับน้องสาว เพราะว่า เป็นวันเกิดของน้องพอดี ก็เลยอยากจะจัดทริปเซอร์ไพร์ซก่อนจะออกเดินทาง เราก็ตกลงกันแล้วว่า "ไปครั้งนี้ ลำบากหน่อยนะแก เพราะพี่ก็ไม่มีงบมากพอจะพานอน รร ดีๆ อยากจะกินอร่อยๆก็รีบกินให้อิ่มไปจากที่บ้านละกันนะ" ซึ่งผมก็แจ้งคร่าวๆให้น้องได้เผื่อใจไว้เรียบร้อยแล้ว นี้แร่ะ เลยเป็นจุดเริ่มต้นของทริปแบคแพกต่างประเทศครั้งแรกของผมและน้อง
ทริปนี้ ค่อนข้างจะโหดๆลุยๆหน่อย ตามประสาคนงบน้อย แต่อยากจะไปเที่ยวให้คุ้ม ไปให้ครบ ก่อนจะออกเดินทางก็ วางแผน ค้นหาข้อมูลอยู่ประมาณครึ่งเดือน ข้อมูลที่ได้ ก็เอามาจากเพื่อนๆสมาชิกในพันทิปนี้แร่ะครับ เราก็ลิสต์รายชื่อสถานที่ ที่อยากจะไป และที่ๆเราต้องไป เดี่ยวจะหาว่ามาไม่ถึงบาหลี หลักๆของทริปนี้ คือ "ไปให้รู้ ไปให้เห็น ถ่ายรูป เก็บประสบการณ์กลับบ้าน มาเล่าให้พ่อแม่และเพื่อนๆฟังให้เยอะที่สุด
เพราะเราก็ไม่รู้ เมื่อไหร่ จะได้กลับมาเที่ยวบาหลีอีก "
ผมเเลกเงินที่ superrich thailand ที่พนักงานใส่ชุดสีเขียวๆ แถวCentralWorld
เรทแลกเปลี่ยนวันนั้นอยู่ที่ 1,000IDR = 2.82 THB แลกเงิน 7,900THB ได้มา 2,800,000IDR
เป็นครั้งแรกที่พกเงินสดเป็นฟ่อนมากขนาดนี้ ใส่กระเป๋าตังค์ไม่ได้นะ กระเป๋าแตกพอดี เลยต้องเก็บเงินไว้ในถุงพลาสติก
เนื่องจากผมทำงานอยู่สายการบิน.... เราเลยได้สิทธิ์ซื้อตั๋วเครื่องบินราคาพิเศษ ซึ่งช่วย save ค่าใช้จ่ายได้มาก
เราทำ web check in และปริ้นต์ boarding pass มาจากที่บ้านแล้ว เลยไม่ต้องไปเข้าคิวต่อแถว check in ที่หน้าเคาเตอร์(ซึ่งก็รู้ๆกันว่า ตอนตี 4-ตี5 หน้าเคาเตอร์เช็คอินของแอร์เอเชีย จะฟูมาก เลยอยากแนะนำ ท่านไหนเดินทางช่วงเช้าๆไม่มีกระเป๋าโหลด ทำ self check in และปริ้นต์ boarding pass มาเอง จะสะดวกที่สุด ) เพิ่มเติมนิดหน่อย สำหรับเที่ยวบินไป ประเทศอินโดนีเซีย อินเดียและจีน เราต้องไม่ลืมไป verify เอกสารที่หน้าboarding gate ก่อนขึ้นเครื่อง นะครับ
เราเดินทางกันแบบ light backpack travelers คือ ทั้งเนื้อทั้งตัว ไม่มีอะไร มีแต่กระเป๋า carry on ถือขึ้นเครื่องไม่เกิน 7กิโลฯต่อคน
เสื้อผ้า เอาไปให้น้อยที่สุด เพราะเราจะไปเช่ามอเตอร์ไซต์ขี่กัน ย้ายสถานที่นอนไปเรื่อยๆ เวลาเที่ยวก็ต้องหอบกระเป๋าลงไปเที่ยวด้วย
กระเตงๆกระเป๋ายังกะลูก ไปไหนต้องเอาไปด้วย กลัวกระเป๋าหายไม่กล้าทิ้งเอาไว้บนอานรถมอไซต์
และเพราะว่าเราไม่ได้เสียเงินเลือกที่นั่ง ระบบ random เลยแยกเรา 2พี่น้องไปนั่งกลางลำและท้ายลำ
โชคดีว่า วันนั้น ไฟล์ทไม่เต็มแต่ก็เกือบๆ เลยมีที่นั่งว่างอยู่ด้านท้าย เลยขอพี่แอร์ย้ายไปนั่งแถว 30 DEF ซะเลย
เกาะอะไรไม่รู้ ระหว่างทางไปบาหลี เห็นสวยดี นึกว่า บินอยู่เหนือมัลดีฟ
นั่งสัปหงก หลับบ้าง ไม่หลับบ้าง อยู่ราวๆ 4ชั่วโมง ก็มาถึงแผ่นดินอินโดนีเซีย จากรูปจะเป็นภูเขาไฟบนเกาะชวา อยู่ไม่ไกลจากเกาะบาหลี
เลยถ่ายรูปรัวๆๆเกิดมาเพิ่งเคยเห็นภูเขาไฟกันทั้งพี่ทั้งน้องครับ (กว่าจะรู้ว่า เลนส์มัว ก็ตอนเอารูปลงคอมที่บ้าน เซ็งเลยครับ)
เครื่องกำลังตีโค้ง เริ่มเห็นทะเลสวยๆแล้วครับ
ที่เห็นไกลๆๆนั่นคือ เมือง Denpasar ครับ วินาทีแรกที่เห็นเมฆเยอะๆ เริ่มกังวลว่าฝนจะตกไหม แต่ผิดคาดครับ
ตลอด 5วัน ที่บาหลี ไม่เจอฝนเลย เจอแต่แดด แดด แล้วก็แดด กลับกรุงเทพ ตัวดำเลย
มาอินโดฯ ก็ต้องถ่ายเครื่อง Garuda Indonesia ถิ่นของเค้าเลยแร่ะ
ในรูปนี้ น้องกำลังยิ้ม ตื่นเต้นกับการไปต่างประเทศครั้งแรก แต่พี่น่ะสิ เครียด กลัวน้องจะไม่ผ่าน ตม.
เพราะน้องเพิ่งทำพาสปอร์ตมาได้อาทิตย์กว่าๆ เราก็ซักซ้อมคำตอบ เตรียมเอกสารตั๋วขากลับ ใบจองโรงแรม เผื่อ ตม.อินโดฯถาม
ให้น้องเดินเข้าไปก่อน ใช้เวลาแป็ปเดียวก็ปั้มผ่าน เจ้าหน้าที่ ตม.ไม่ถามซักคำ เค้าก็มองดูพาสปอร์ตน้อง หน้าน้องและหน้าผม
เค้าคงเดาได้แร่ะ ว่า ไอ้ 2 คนนี้ พี่น้องกัน
หลังจากผ่าน ตม. ผมก็ยืนรอเพื่อน (ซึ่งทำงานสายการบิน......ที่สนามบิน Denpasar) เรานัดกันว่าจะมารอแถวๆ baggage claim
เพื่อนคนนี้ เป็นคนเตรียมรถมอไซต์ไว้รอผม ต้องขอบคุณเค้ามากๆ เพราะเค้าหารถมอไซต์ honda click สภาพใหม่ เช่าราคาวันละ 60,000 IDR (ราวๆ170บาท) มาให้ เพื่อนก็บอกว่า "มอไซต์ทะเบียนนี้ ยี่ห้อนี้ สีนี้นะ จอดอยู่ที่ parking lot M กุญแจซ่อนอยู่หน้ารถ"
ไม่ต้องเซ็นต์ค้ำประกัน ไม่ต้องถ่ายเอกสารพาสปอร์ตของผม หรือมัดจำอะไรทั้งนั้น ไม่ต้องเจอหน้าเจ้าของรถ
OMG นี้คือครั้งแรก ที่เช่ารถแบบเชื่อใจกันสุดๆ
(เพิ่มเติมข้อมูล ใบขับขี่รถยนต์ รถมอเตอร์ไซต์แบบ smart card ที่ยังไม่หมดอายุ สามารถใช้ได้ที่ประเทศอินโดฯนะครับ)
ตรวจ ตม. เสร็จ ก็เดินผ่านcustoms ก็จะเจอกับ Arrival Hall
สนามบิน Ngurah Rai DPS airport ตอนนี้กำลังอยู่ในช่วงปรับปรุงใหม่
ถ้าปรับปรุงเสร็จ แลดูจะสวยงาม สะอาดและไฮโซมากก
ดูผ่านๆนึกว่าเดินอยู่ในสนามบินสิงคโปร์
เพราะตอนที่พวกเราไปถึง พึ่งประชุม APEC เสร็จ หลายๆอย่างเลยยังคงดูสวยงามอยู่
[CR] (CR) ลั้นลาทั่วเกาะบาหลี (2พี่น้อง เที่ยว5วัน กับเงิน 8,700บาท) มีเบี้ยน้อยก็ไปได้ (ตอนที่ 1)
เมื่อกลางเดือนตุลาคมที่ผ่าน ผมมีโอกาศไปเที่ยวเกาะบาหลีกับน้องสาว เพราะว่า เป็นวันเกิดของน้องพอดี ก็เลยอยากจะจัดทริปเซอร์ไพร์ซก่อนจะออกเดินทาง เราก็ตกลงกันแล้วว่า "ไปครั้งนี้ ลำบากหน่อยนะแก เพราะพี่ก็ไม่มีงบมากพอจะพานอน รร ดีๆ อยากจะกินอร่อยๆก็รีบกินให้อิ่มไปจากที่บ้านละกันนะ" ซึ่งผมก็แจ้งคร่าวๆให้น้องได้เผื่อใจไว้เรียบร้อยแล้ว นี้แร่ะ เลยเป็นจุดเริ่มต้นของทริปแบคแพกต่างประเทศครั้งแรกของผมและน้อง
ทริปนี้ ค่อนข้างจะโหดๆลุยๆหน่อย ตามประสาคนงบน้อย แต่อยากจะไปเที่ยวให้คุ้ม ไปให้ครบ ก่อนจะออกเดินทางก็ วางแผน ค้นหาข้อมูลอยู่ประมาณครึ่งเดือน ข้อมูลที่ได้ ก็เอามาจากเพื่อนๆสมาชิกในพันทิปนี้แร่ะครับ เราก็ลิสต์รายชื่อสถานที่ ที่อยากจะไป และที่ๆเราต้องไป เดี่ยวจะหาว่ามาไม่ถึงบาหลี หลักๆของทริปนี้ คือ "ไปให้รู้ ไปให้เห็น ถ่ายรูป เก็บประสบการณ์กลับบ้าน มาเล่าให้พ่อแม่และเพื่อนๆฟังให้เยอะที่สุด
เพราะเราก็ไม่รู้ เมื่อไหร่ จะได้กลับมาเที่ยวบาหลีอีก "
ผมเเลกเงินที่ superrich thailand ที่พนักงานใส่ชุดสีเขียวๆ แถวCentralWorld
เรทแลกเปลี่ยนวันนั้นอยู่ที่ 1,000IDR = 2.82 THB แลกเงิน 7,900THB ได้มา 2,800,000IDR
เป็นครั้งแรกที่พกเงินสดเป็นฟ่อนมากขนาดนี้ ใส่กระเป๋าตังค์ไม่ได้นะ กระเป๋าแตกพอดี เลยต้องเก็บเงินไว้ในถุงพลาสติก
เนื่องจากผมทำงานอยู่สายการบิน.... เราเลยได้สิทธิ์ซื้อตั๋วเครื่องบินราคาพิเศษ ซึ่งช่วย save ค่าใช้จ่ายได้มาก
เราทำ web check in และปริ้นต์ boarding pass มาจากที่บ้านแล้ว เลยไม่ต้องไปเข้าคิวต่อแถว check in ที่หน้าเคาเตอร์(ซึ่งก็รู้ๆกันว่า ตอนตี 4-ตี5 หน้าเคาเตอร์เช็คอินของแอร์เอเชีย จะฟูมาก เลยอยากแนะนำ ท่านไหนเดินทางช่วงเช้าๆไม่มีกระเป๋าโหลด ทำ self check in และปริ้นต์ boarding pass มาเอง จะสะดวกที่สุด ) เพิ่มเติมนิดหน่อย สำหรับเที่ยวบินไป ประเทศอินโดนีเซีย อินเดียและจีน เราต้องไม่ลืมไป verify เอกสารที่หน้าboarding gate ก่อนขึ้นเครื่อง นะครับ
เราเดินทางกันแบบ light backpack travelers คือ ทั้งเนื้อทั้งตัว ไม่มีอะไร มีแต่กระเป๋า carry on ถือขึ้นเครื่องไม่เกิน 7กิโลฯต่อคน
เสื้อผ้า เอาไปให้น้อยที่สุด เพราะเราจะไปเช่ามอเตอร์ไซต์ขี่กัน ย้ายสถานที่นอนไปเรื่อยๆ เวลาเที่ยวก็ต้องหอบกระเป๋าลงไปเที่ยวด้วย
กระเตงๆกระเป๋ายังกะลูก ไปไหนต้องเอาไปด้วย กลัวกระเป๋าหายไม่กล้าทิ้งเอาไว้บนอานรถมอไซต์
และเพราะว่าเราไม่ได้เสียเงินเลือกที่นั่ง ระบบ random เลยแยกเรา 2พี่น้องไปนั่งกลางลำและท้ายลำ
โชคดีว่า วันนั้น ไฟล์ทไม่เต็มแต่ก็เกือบๆ เลยมีที่นั่งว่างอยู่ด้านท้าย เลยขอพี่แอร์ย้ายไปนั่งแถว 30 DEF ซะเลย
เกาะอะไรไม่รู้ ระหว่างทางไปบาหลี เห็นสวยดี นึกว่า บินอยู่เหนือมัลดีฟ
นั่งสัปหงก หลับบ้าง ไม่หลับบ้าง อยู่ราวๆ 4ชั่วโมง ก็มาถึงแผ่นดินอินโดนีเซีย จากรูปจะเป็นภูเขาไฟบนเกาะชวา อยู่ไม่ไกลจากเกาะบาหลี
เลยถ่ายรูปรัวๆๆเกิดมาเพิ่งเคยเห็นภูเขาไฟกันทั้งพี่ทั้งน้องครับ (กว่าจะรู้ว่า เลนส์มัว ก็ตอนเอารูปลงคอมที่บ้าน เซ็งเลยครับ)
เครื่องกำลังตีโค้ง เริ่มเห็นทะเลสวยๆแล้วครับ
ที่เห็นไกลๆๆนั่นคือ เมือง Denpasar ครับ วินาทีแรกที่เห็นเมฆเยอะๆ เริ่มกังวลว่าฝนจะตกไหม แต่ผิดคาดครับ
ตลอด 5วัน ที่บาหลี ไม่เจอฝนเลย เจอแต่แดด แดด แล้วก็แดด กลับกรุงเทพ ตัวดำเลย
มาอินโดฯ ก็ต้องถ่ายเครื่อง Garuda Indonesia ถิ่นของเค้าเลยแร่ะ
ในรูปนี้ น้องกำลังยิ้ม ตื่นเต้นกับการไปต่างประเทศครั้งแรก แต่พี่น่ะสิ เครียด กลัวน้องจะไม่ผ่าน ตม.
เพราะน้องเพิ่งทำพาสปอร์ตมาได้อาทิตย์กว่าๆ เราก็ซักซ้อมคำตอบ เตรียมเอกสารตั๋วขากลับ ใบจองโรงแรม เผื่อ ตม.อินโดฯถาม
ให้น้องเดินเข้าไปก่อน ใช้เวลาแป็ปเดียวก็ปั้มผ่าน เจ้าหน้าที่ ตม.ไม่ถามซักคำ เค้าก็มองดูพาสปอร์ตน้อง หน้าน้องและหน้าผม
เค้าคงเดาได้แร่ะ ว่า ไอ้ 2 คนนี้ พี่น้องกัน
หลังจากผ่าน ตม. ผมก็ยืนรอเพื่อน (ซึ่งทำงานสายการบิน......ที่สนามบิน Denpasar) เรานัดกันว่าจะมารอแถวๆ baggage claim
เพื่อนคนนี้ เป็นคนเตรียมรถมอไซต์ไว้รอผม ต้องขอบคุณเค้ามากๆ เพราะเค้าหารถมอไซต์ honda click สภาพใหม่ เช่าราคาวันละ 60,000 IDR (ราวๆ170บาท) มาให้ เพื่อนก็บอกว่า "มอไซต์ทะเบียนนี้ ยี่ห้อนี้ สีนี้นะ จอดอยู่ที่ parking lot M กุญแจซ่อนอยู่หน้ารถ"
ไม่ต้องเซ็นต์ค้ำประกัน ไม่ต้องถ่ายเอกสารพาสปอร์ตของผม หรือมัดจำอะไรทั้งนั้น ไม่ต้องเจอหน้าเจ้าของรถ
OMG นี้คือครั้งแรก ที่เช่ารถแบบเชื่อใจกันสุดๆ
(เพิ่มเติมข้อมูล ใบขับขี่รถยนต์ รถมอเตอร์ไซต์แบบ smart card ที่ยังไม่หมดอายุ สามารถใช้ได้ที่ประเทศอินโดฯนะครับ)
ตรวจ ตม. เสร็จ ก็เดินผ่านcustoms ก็จะเจอกับ Arrival Hall
สนามบิน Ngurah Rai DPS airport ตอนนี้กำลังอยู่ในช่วงปรับปรุงใหม่
ถ้าปรับปรุงเสร็จ แลดูจะสวยงาม สะอาดและไฮโซมากก
ดูผ่านๆนึกว่าเดินอยู่ในสนามบินสิงคโปร์
เพราะตอนที่พวกเราไปถึง พึ่งประชุม APEC เสร็จ หลายๆอย่างเลยยังคงดูสวยงามอยู่