สอบถาม และ บ่นเรื่องการคำนวน และ จัดเก็บ ภาษีโรงเรือน ค่ะ

เรื่องยาวนิดนึงน่ะค่ะ ประสบมาวันนี้ สดๆ ร้อนๆ ค่ะ.. บอกตรงๆว่า งงในหลายๆจุด

สมัยก่อน พ่อกับแม่เรา ไม่ค่อยมีเงินค่ะ เรียกว่า ปากกัดteenถีบ เก็บหอมรอมริด เริ่มต้นสร้างชีวิตครอบครัว ด้วยการเช่าห้องแถวเก่าๆ ห้องนึงทำธุรกิจเย็บชุดนอน กางเกงใน ส่งโบ๊เบ๊ ประตูน้ำค่ะ.. ท่านก็ย้ายทะเบียนบ้านเข้ามาอยู่ในบ้านที่เช่านี้ รวมทั้ง พวกลูกๆทุกคน ท่านก็เช่าอยู่นานหลายปี จาก 1 ห้อง ก็ ขยาย เป็น 2 3 4 แต่ทั้งหมดก็ยังเช่าอยู่ค่ะ.. แล้วคุณพ่อ ก็ไปเช่าห้องแถวเก่าๆ ด้านหลังตึก จำนวน 6 ห้อง เป็นที่พักอาศัยของคนงาน (อยู่ด้านหลังตึก 4 ห้อง พอทุบกำแพงตึกทำเป็นประตูออกไป ก็สามารถไปมาเชื่อมกันได้ ) จนผ่านไป 10 ปี.. เจ้าของห้องแถวเก่าด้านหลัง (ไม่ติดถนน) แกจะขายทิ้งย้ายไปอยู่ที่อื่น เลยมาเสนอขายคุณพ่อ ในราคาที่ไม่แพงมาก เพราะเป็นห้องแถวค่อนข้างเก่า ไม่ลึก และมีเพียง 2 ชั้น (ไม่มีดาดฟ้า) รถยนต์เข้าไม่ได้ เพราะมีทางออกเป็นแค่ซอยเล็กๆ จริงๆ เรียกว่าตรอกจะเหมาะสมกว่า คุณพ่อ ในตอนนั้นเห็นว่า การเงินเริ่มคล่องตัว ก็เลยตัดสินใจซื้อไว้ โดยนำไปจำนองแล้วผ่อนกับธนาคาร

ธุรกิจ และ ชีวิต ก็ดำเนินมาเรื่อยๆค่ะ.. ภาษีโรงเรือน ของบ้าน 6 ห้องนี้ ท่านก็ไม่เคยเสียเพราะเจ้าหน้าที่เขตเคยมาตรวจครั้งนึง นานมากๆแล้ว เห็นว่าเป็นที่พักอาศัย ก็ปล่อยผ่านไป จะมีเสียแค่บ้าน 4 ห้องที่อยู่ริมถนน (เช่า) ที่เห็นว่าทำการค้า ก็เสียต่อเนื่องมา จนมาวันนึง คุณพ่อไปซื้อที่แปลงเล็กๆ แล้วก็ ย้ายโรงงานไปยังที่แห่งใหม่ บ้าน 4 ห้อง ก็คืนเจ้าของเขาไป ส่วนบ้าน 6 ห้องข้างหลัง แรกๆ ก็ปิดไว้เฉยๆ.. จนมีคนมาขอเช่า คุณพ่อเลยปล่อยเช่าในราคาถูกๆ เดือน ล่ะ 3000 บาท แต่ว่าต้องดูแลบ้านให้ท่านด้วย แต่ก็ไม่ค่อยจะดูแลกันหรอกค่ะ ร้องไห้

เรื่องมีอยู่ว่า..เมื่อกลางปี ได้รับจดหมายจากเขต ให้เข้ายื่นชำระภาษีโรงเรือน ของบ้าน 6 ห้องนี้.. ซึ่งโอเค เราก็เข้าใจ ว่าเรามีรายได้จากค่าเช่าน่ะ..ถึงจะได้บ้าง ไม่ได้บ้างก็เหอะ (คนเช่าไม่ค่อยดี เพราะบ้านค่อนข้างเก่า เบี้ยวเงินไปก็หลายคนอยู่) ก็คงต้องเข้าไปเสีย.. ก็เริ่มหาข้อมูลจาก อากู๋ แล้วก็นำเอกสารทุกอย่างไปยื่นชำระ ก็คิดว่าไม่น่ามีอะไรมาก.. แต่เจ้าหน้าที่เขต กลับบอกเราว่า.. คุณพ่อ ซื้อบ้านมาตั้งแต่ปี 2533 จนวันนี้ ปี 2556 เป็นระยะเวลา 23 ปี ไม่เคยชำระภาษีโรงเรือนเลย เราก็แย้งว่า เราเคยอาศัยอยู่ที่นั่นน่ะ ไม่ได้ให้เช่าอะไร ทำไมต้องเสียภาษีล่ะ แล้วก็เคยมีเจ้าหน้าที่มาตรวจแล้ว ก็ไม่เห็นว่าอะไร เขาบอกว่า ตอนนี้มันไม่ใช่นี่.. ตอนนี้คุณให้เช่า..เราก็บอกว่า ใช่เราให้เช่าแล้ว.. เพราะย้ายออกมาแล้ว.. แต่ก็ 2-3 ปีมานี้เองน่ะ

เขาก็ทำท่าทีตรวจเอกสาร โน่น นี่ นั่น แล้วเขาก็เอาโฉนด กับสัญญาซื้อขายมาดู..แล้วก็บอกว่า.. ถ้าบอกว่าอยู่อาศัย แล้วอยู่กันยังงัยตั้ง 6 ห้อง.. ครอบครัวๆ นึง เขาให้มีได้แค่ บ้าน 1 หลังน่ะ ที่ไม่ต้องเสียภาษี ถ้ามีบ้านหลังอื่นให้พ่อ ให้แม่ ให้ลูกอยู่ ต้องเสียภาษี.. (จริงเหรอ??? )  อ้าว..เราก็เงิบดิ.. เฮ้ย ซื้อบ้านมาให้ บุพการี ให้ลูกอยู่ ต้องเสียภาษีด้วยเหรอ.. ที่ผ่านๆมาก็ไม่เคยได้ยินแต่เราก็ไม่ได้เถียงอะไรน่ะ เขาก็ถามว่า แล้วเนี่ย ครอบครัวนึง อยู่กันตั้ง 6 ห้อง เป็นไปได้ยังงัย เราตอบว่า ทำไมจะเป็นไปไม่ได้อ่ะค่ะ พี่เคยเข้าไปดูรึยัง ห้องมันตื้นมากเลยน่ะ.. มีแค่ 2 ชั้น ชั้น 2 มีห้องแค่ห้องเดียว ก็กระจายๆกันอยู่ ไหนจะแม่บ้านที่ทำงานบ้านอีกอ่ะ 6 ห้องก็อยู่กันสบายๆ หลวมๆ ไม่ได้คิดอะไร... เขาก็แบบ ทู่ซี้..มันต้องเสียภาษีน่ะ ครอบครัวนึง อนุญาติให้แค่ 1 หลังเท่านั้น แล้วนี่ก็ไม่เคยย้ายทะเบียนบ้านเข้าเลย แล้วย้ายไปอยู่ไหนมา... เราก็บอกว่า ก็แรกๆ พ่อไม่มีตังค์ เช่าบ้านเขาเอา ทะเบียนบ้าน ก็เข้าบ้านนั้นหมด แล้วก็ไม่ได้ย้ายออก เพราะไม่เห็นว่าจำเป็นอะไร ... พึ่งจะมาย้ายออกตอน โตๆ แยกย้ายกันไปแล้ว

สักพักตรวจเอกสารอีก.. ในโฉนดระบุ (หน้าโฉนด) ที่ตั้ง 2 ไร่กว่า ทำไมมี ห้องแถวแค่ 6 ห้องเองอ่ะ ... แบบเรารู้สึกเพลียมาก..Facepalmเอกสารทุกอย่างกองอยู่ตรงหน้าคุณ..แล้วคุณทำหน้าที่นี้มาแล้วทั้งชีวิต (เจ้าหน้าที่เป็นหญิง วัยกลางคน อายุน่าจะเกือบ 50) คุณยังต้องถามเราอีกเหรอ... เราก็ยังใจเย็น ก็อธิบายไป พี่ดูในโฉนดด้านหลังสิค่ะ.. มันมีแบ่ง แบ่ง แล้วก็แบ่ง เจ้าของเดิมเขาแบ่งขาย จนเหลือ ออกมาเป็น 6 ห้องนี้ ที่เท่านี้ ๆ ๆ วาอ่ะค่ะ...ตามสัญญาซื้อขาย.. เขาก็ เหรอ.. พลิกเอกสารไปมา โน่น นี่ นั่น .. แต่ต้องไปวัดของจริงน่ะว่าพื้นที่ใช้สอยจริงเท่าไหร่แล้วก็ค่อยตีเป็นตัวเงินออกมา... เราก็งงอีก.. อ้าวมันไม่ได้คิด 12.5% จากรายได้ / ปีเหรอค่ะพี่ (3000 x 12 x 12.5%) เขาก็... เออๆ มันก็คิดประมาณๆนั้นแหละ แต่มันก็ต้องไปวัดของจริงก่อน ถ้าพื้นที่ใช้สอยเยอะ ก็อาจจะต้องคิดเพิ่ม.. (เอางัยกันแน่ว่ะ) แล้วเนี่ย จะให้คิดภาษียังงัยอ่ะ.. ซื้อมาตั้ง 23 ปีล่ะ.. (อ่ะน่ะ แล้วก็วกมาประเด็นเดิมต่อ...จะให้อธิบายกี่รอบเนี่ยอมยิ้ม20) .. หนูก็บอกพี่แล้ว...ว่าก่อนหน้านี้หนูก็อยู่ที่นี่ตลอด..เกิดที่นี่ โตที่นี่..เช็คประวัติบัตรประชาชนได้เลยพี่.. แจ้งเกิดที่เขตนี้ บัตรประชาชนใบแรก ใบที่ 2 ก็ทำที่นี่.. พึ่งย้ายไปไม่นานเอง เขาก็แบบ.. อิดๆ ออดๆ แล้วก็ บอกว่า จริงๆมันพิสูจน์ไม่ได้เลยน่ะว่าอาศัยอยู่จริงๆรึเปล่า หรือ ทำการค้า...(เอ่อ..แล้วจะให้หาหลักฐานที่ไหนมาพิสูจน์อ่ะ..เอกสารเท่าที่มีก็แบกมาหมดแล้ว)...โอเคๆ งั้นพี่ทำเรื่องส่งไปย้อนหลัง 3 ปีก่อนน่ะ แต่ก็ไม่รู้น่ะ (เน้นเสียงสูงมากกก) ว่าจะผ่านรึเปล่า.. มันต้องส่งไปตรวจที่ กทม (เหรออออ จริงเหรอตรงนี้) แล้วให้ทางนั้น เขาจะส่งหน่วยลงมาตรวจ แล้วถ้าผ่านก็จะอนุมัติกลับมา พี่ถึงจะบอกคุณได้ว่าเท่าไหร่... แล้วพี่จะทำส่งเท่าไหร่ล่ะ.. ก็ 4500 / ห้อง / ปี ก็แล้วกัน.... โอเคค่ะ... แต่ก็ไม่รู้น่ะว่าจะผ่านรึเปล่า.. (เน้นอีก)

คำถาม
1. การคิดภาษีโรงเรือน ถ้าซื้อบ้าน แล้ว ให้พ่อ แม่ หรือ ลูก อยู่ โดยเป็นบ้านหลังที่ 2 3 4 ต้องเสียภาษีเหรอค่ะ? แล้วจะคิดภาษียังงัย ในเมื่อมันไม่มีรายได้อะไรมาคำนวน
2. การคิดภาษีโรงเรือน ที่บอกว่า 12.5% จากรายได้.. มีคิดตามจำนวน ตรม ที่ใช้งานจริงอีกด้วยเหรอค่ะ
3. การคิดภาษีโรงเรือน นี่ต้องส่งไปตรวจที่ กทม แล้ว กทม ก็จะมีหน่วยลงมาตรวจจริงๆเหรอค่ะ?
4. จากเรื่องที่อ่านมาทั้งหมดนี้.. เพื่อนคิดว่า มีโอกาศที่เราจะโดนภาษี มากกว่า 3 ปี ที่แจ้งไปหรือไม่ค่ะ?

ขอบคุณที่รับฟัง (บ่น) และขอบคุณล่วงหน้า สำหรับคนที่เข้ามาตอบค่ะ พาพันขอบคุณ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่