คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 18
ตกใจมาก ไม่คิดว่าจะขึ้นกระทู้แนะนำ ขอบคุณความอบอุ่นจริงๆ ครับ
ตอนนี้เลือกเก็บเงินสดไว้ก่อน แล้วจะติดต่อเจ้าหนี้เป็นระยะๆ
หนี้กองนี้มีฝากประจำ Fix คำไว้ 6 ล้านกว่าครับ หนี้ประมาณ 20 ล้านครับ ตอนนี้ของให้ธนาคารเอาเงิน Fix ค้ำไปลดยอดหนี้อยู่ กำลังทำเรื่องอยู่ จะได้เสียดอกเบี้ยน้อยลง
ตอนแรกห่วงเครดิตบูโรมาก แต่มาคิดอีกทีผมก็ไม่ได้ซื้อของชิ้นใหญ่ๆ อะไรอีก เพราะ Office ก็ซื้อแล้ว รถส่งของถ้าต้องการเพิ่มก็เช่าเอาก็ได้ ก็เลยช่างมันแล้วครับ
กราบขอบพระคุณทุกความเห็น กราบขอบพระคุณทุกกำลังใจ ขอให้ทุกท่านได้รับแต่สิ่งดีๆ ครับ
ตอนนี้เลือกเก็บเงินสดไว้ก่อน แล้วจะติดต่อเจ้าหนี้เป็นระยะๆ
หนี้กองนี้มีฝากประจำ Fix คำไว้ 6 ล้านกว่าครับ หนี้ประมาณ 20 ล้านครับ ตอนนี้ของให้ธนาคารเอาเงิน Fix ค้ำไปลดยอดหนี้อยู่ กำลังทำเรื่องอยู่ จะได้เสียดอกเบี้ยน้อยลง
ตอนแรกห่วงเครดิตบูโรมาก แต่มาคิดอีกทีผมก็ไม่ได้ซื้อของชิ้นใหญ่ๆ อะไรอีก เพราะ Office ก็ซื้อแล้ว รถส่งของถ้าต้องการเพิ่มก็เช่าเอาก็ได้ ก็เลยช่างมันแล้วครับ
กราบขอบพระคุณทุกความเห็น กราบขอบพระคุณทุกกำลังใจ ขอให้ทุกท่านได้รับแต่สิ่งดีๆ ครับ
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 12
คุณทำถูกต้องแล้ว ที่พยายามจ่ายหนี้ เพราะเครดิตเป็นสิ่งสำคัญ
ไม่ต้องตื่นตระหนกไป ไม่ต้องคิดไปไกลถึงขนาด ยึดทรัพย์หรอก ยังอีกไกล........
ธุรกิจมานเป็นวัฏจักร มีขึ้น..มีลง ไอตอนเวลา"ลง" ก็ต้องใช้ศิลปะในการบริหาร เพื่อวันข้างหน้าเวลา"ขึ้น" จะได้ไปได้ไกล
หากเป็นที่คุณเล่า คุณก็ยื่นของปรับปรุงโครงสร้างหนี้ไป......
1.ดอกเบี้ยค้าง 2 เดือนแล้วใช่ไหม ? ของเดือนที่ 3 รีบไปจ่ายเค้าก่อน ตอนนี้หนี้ Level แค่ Special mental อย่าให้ถึง Sub standard (เกิน 3ด.)
เพื่อจะ save ประวัติของคุณ ตอนนี้คุณยังไม่เป็น NPL หรอก Bank เค้าก็ไม่อยากให้คุณเป็นเช่นกัน เพราะเค้าก็ต้องสำรองหนี้
2.พิจารณาดูว่า ดอกเบี้ยที่เกิดขึ้นใหม่แต่ละเดือนหน่ะ จ่ายไหวไหม ? (ถ้าไหว ก็ไม่น่ามีปัญหาอะไร)
แต่ถ้าจ่ายได้ แค่ 80% ก็ขอไป ที่เหลืออีก 20% ก็ขอตั้งพัก
3.ไอดอกเบี้ยที่ค้าง 0.2 ล้านบาท หน่ะ ทำได้ตั้งหลายวิธี
1.ตั้งพักไว้ก่อน 6-12 เดือนก็ว่าไป
2.ถ้ารายได้เหลือจากจ่าย ข้อ 1 ก็นำมาทยอยชำระดบ. 0.2 ล้านบาทนี้ได้
จากที่ จขกท.เล่า (ไม่ค่อยชัด) เดาว่า ดังนี้ 1. O/D วงเงินเท่าไหร่ไม่รู้ รู้แต่ว่าดบ.เดือนละ 0.1 ลบ. จ่ายได้ 5หมื่น ดบ.ค้าง 2 ด. 0.2ลบ.
วิธีแก้ไข ก็คือการประวิงเวลา รอให้กิจการแข็งแรง แล้วก็ค่อยทยอยจ่ายหนี้เงินต้นไป
1.รีบเอาเงินไปจ่ายดบ.ของเดือนหนี้ก่อน 0.5-1 แสน อย่าให้ถึง 3 เดือน เพื่อมิให้เป็นหนี้ NPL เก็บประวัติดีไว้ก่อน
2.ทำหนังสือ เน้นนะว่าขอให้ "ทำหนังสือ" ขอปรับปรุงโครงสร้างหนี้
2.1 ขอตั้งพักดอกเบี้ย 0.2 ลบ.ไว้ 12 เดือน
2.2 ดบ.ที่เกิดขึ้นใหม่เดือนละ 0.1 ล้านบาท ขอจ่ายชำระ 5 หมื่นบาท ที่เหลือตั้งพักไว้และขอใช้บัญชี O/D เป็นปกติ อันนี้ขอยากหน่อย
แต่หากคุณจ่ายดอกเบี้ยใหม่ได้ 100% ก็ง่ายเลย Bank ยอมอยู่แล้ว
คำขอ 2 เนี่ย การแยกดอกเบี้ยมาตั้งพักไว้ ทำเพื่อไม่ให้ดอกเบี้ยที่เกิดขึ้นใหม่ นำไปทบต้น และการตั้งพักส่วนนี้ไม่ต้องคิดดอกเบี้ยด้วย
หากอนุมัติ เมื่อใกล้ครบ 12 เดือน ก็ต้องทบทวนธุรกิจ หากยังแย่อยู่ ก็แสดงว่าคงไม่รอด กีรีบทยอยขายทรัพย์ ลดหนี้อย่าไปยึดติด (แต่ส่วนใหญ่จะไปยึดติดสุดท้ายก็ไม่เหลืออะไร) รายนึงทำธุรกิจก่อสร้าง ปี 40 ขายทุกอย่างจนไม่เหลือ Bank ต้องช่วย Hair Cut ให้ แล้วก็เริ่มทำธุรกิจใหม่ ขอ L/G ยังต้องใช้เงินฝากค้ำ 150% เลย(เกินวงเงินที่ขออีก) แต่เค้าอดทน ทุกวันนี้กลับมามีวงเงินหลายสิบล้านแล้ว...... ธุรกิจมี "ลง" ก็ต้องมี "ขึ้น" เป็นไปตาม "วัฏจักร"
หนี้แบบ จขกท. ถ้าเป็นสมัยก่อน จนท.Bank จะทำทุกด้าน ทั้งปล่อยสินเชื่อ และ แก้หนี้ด้วย เค้าจะจัดการก่อนที่จะค้างซะอีก แต่ทุกวันหนี้ ไอคนปล่อยก็ส่วนงานนึง คนดูแลหนี้ก็ส่วนงานนึง คนแก้หนี้ก็ส่วนงานนึง แต่ละคนมีความรู้แค่ด้านเดียว เรื่องควรจะแก้ได้ง่าย ๆ ก็กลายเป็นยากไป
"ปัญหาสินเชื่อ" ที่เกิดจากธุรกิจ "แก้ได้หมด" แต่ลูกหนี้ต้องไม่ยึดติด วิธีแก้ TDR เป็นสิบวิธี.......
งัยก็ขอให้..."กำลังใจ".... จขกท.ด้วย
"ไม่เสียสละ ชัยชนะไม่เกิด"
ปล. ถ้าคุณปล่อยให้ถึงฟ้อง นั่นหมายถึง "คุณทำลายความได้เปรียบ Bank หมดสิ้น" โปรดจำไว้
ไม่ต้องตื่นตระหนกไป ไม่ต้องคิดไปไกลถึงขนาด ยึดทรัพย์หรอก ยังอีกไกล........
ธุรกิจมานเป็นวัฏจักร มีขึ้น..มีลง ไอตอนเวลา"ลง" ก็ต้องใช้ศิลปะในการบริหาร เพื่อวันข้างหน้าเวลา"ขึ้น" จะได้ไปได้ไกล
หากเป็นที่คุณเล่า คุณก็ยื่นของปรับปรุงโครงสร้างหนี้ไป......
1.ดอกเบี้ยค้าง 2 เดือนแล้วใช่ไหม ? ของเดือนที่ 3 รีบไปจ่ายเค้าก่อน ตอนนี้หนี้ Level แค่ Special mental อย่าให้ถึง Sub standard (เกิน 3ด.)
เพื่อจะ save ประวัติของคุณ ตอนนี้คุณยังไม่เป็น NPL หรอก Bank เค้าก็ไม่อยากให้คุณเป็นเช่นกัน เพราะเค้าก็ต้องสำรองหนี้
2.พิจารณาดูว่า ดอกเบี้ยที่เกิดขึ้นใหม่แต่ละเดือนหน่ะ จ่ายไหวไหม ? (ถ้าไหว ก็ไม่น่ามีปัญหาอะไร)
แต่ถ้าจ่ายได้ แค่ 80% ก็ขอไป ที่เหลืออีก 20% ก็ขอตั้งพัก
3.ไอดอกเบี้ยที่ค้าง 0.2 ล้านบาท หน่ะ ทำได้ตั้งหลายวิธี
1.ตั้งพักไว้ก่อน 6-12 เดือนก็ว่าไป
2.ถ้ารายได้เหลือจากจ่าย ข้อ 1 ก็นำมาทยอยชำระดบ. 0.2 ล้านบาทนี้ได้
จากที่ จขกท.เล่า (ไม่ค่อยชัด) เดาว่า ดังนี้ 1. O/D วงเงินเท่าไหร่ไม่รู้ รู้แต่ว่าดบ.เดือนละ 0.1 ลบ. จ่ายได้ 5หมื่น ดบ.ค้าง 2 ด. 0.2ลบ.
วิธีแก้ไข ก็คือการประวิงเวลา รอให้กิจการแข็งแรง แล้วก็ค่อยทยอยจ่ายหนี้เงินต้นไป
1.รีบเอาเงินไปจ่ายดบ.ของเดือนหนี้ก่อน 0.5-1 แสน อย่าให้ถึง 3 เดือน เพื่อมิให้เป็นหนี้ NPL เก็บประวัติดีไว้ก่อน
2.ทำหนังสือ เน้นนะว่าขอให้ "ทำหนังสือ" ขอปรับปรุงโครงสร้างหนี้
2.1 ขอตั้งพักดอกเบี้ย 0.2 ลบ.ไว้ 12 เดือน
2.2 ดบ.ที่เกิดขึ้นใหม่เดือนละ 0.1 ล้านบาท ขอจ่ายชำระ 5 หมื่นบาท ที่เหลือตั้งพักไว้และขอใช้บัญชี O/D เป็นปกติ อันนี้ขอยากหน่อย
แต่หากคุณจ่ายดอกเบี้ยใหม่ได้ 100% ก็ง่ายเลย Bank ยอมอยู่แล้ว
คำขอ 2 เนี่ย การแยกดอกเบี้ยมาตั้งพักไว้ ทำเพื่อไม่ให้ดอกเบี้ยที่เกิดขึ้นใหม่ นำไปทบต้น และการตั้งพักส่วนนี้ไม่ต้องคิดดอกเบี้ยด้วย
หากอนุมัติ เมื่อใกล้ครบ 12 เดือน ก็ต้องทบทวนธุรกิจ หากยังแย่อยู่ ก็แสดงว่าคงไม่รอด กีรีบทยอยขายทรัพย์ ลดหนี้อย่าไปยึดติด (แต่ส่วนใหญ่จะไปยึดติดสุดท้ายก็ไม่เหลืออะไร) รายนึงทำธุรกิจก่อสร้าง ปี 40 ขายทุกอย่างจนไม่เหลือ Bank ต้องช่วย Hair Cut ให้ แล้วก็เริ่มทำธุรกิจใหม่ ขอ L/G ยังต้องใช้เงินฝากค้ำ 150% เลย(เกินวงเงินที่ขออีก) แต่เค้าอดทน ทุกวันนี้กลับมามีวงเงินหลายสิบล้านแล้ว...... ธุรกิจมี "ลง" ก็ต้องมี "ขึ้น" เป็นไปตาม "วัฏจักร"
หนี้แบบ จขกท. ถ้าเป็นสมัยก่อน จนท.Bank จะทำทุกด้าน ทั้งปล่อยสินเชื่อ และ แก้หนี้ด้วย เค้าจะจัดการก่อนที่จะค้างซะอีก แต่ทุกวันหนี้ ไอคนปล่อยก็ส่วนงานนึง คนดูแลหนี้ก็ส่วนงานนึง คนแก้หนี้ก็ส่วนงานนึง แต่ละคนมีความรู้แค่ด้านเดียว เรื่องควรจะแก้ได้ง่าย ๆ ก็กลายเป็นยากไป
"ปัญหาสินเชื่อ" ที่เกิดจากธุรกิจ "แก้ได้หมด" แต่ลูกหนี้ต้องไม่ยึดติด วิธีแก้ TDR เป็นสิบวิธี.......
งัยก็ขอให้..."กำลังใจ".... จขกท.ด้วย
"ไม่เสียสละ ชัยชนะไม่เกิด"
ปล. ถ้าคุณปล่อยให้ถึงฟ้อง นั่นหมายถึง "คุณทำลายความได้เปรียบ Bank หมดสิ้น" โปรดจำไว้
ความคิดเห็นที่ 14
เปลี่ยนความคิดครับ เพราะทุกอย่างอาจจะดำดิ่งสู่ก้นเหว เร็วกว่าที่คุณคิดครับ
เพราะคุณกังวลมากเรื่อง ภาวะกดดันจากธนาคาร ทำให้คุณไม่สามารถเทใจไปให้ธุรกิจได้
คุณเริ่มต้นธุรกิจมาได้จนสามารถมีหลักทรัพย์ โอดี มาได้ จากธนาคาร และจากวิกฤติน้ำท่วมที่บอก ธุรกิจแทบไม่ฟื้น ตรงนี้เป็นเรื่องใหญ่กว่าแล้วครับ เพราะคุณต้องดูสาเหตุหลักของธุรกิจที่ไม่ฟื้นว่า เกิดจากสาเหตุอะไร ถ้ายังฝังใจกับอดีตเรื่องน้ำท่วม ทำให้ธุรกิจแย่ เป็นเรื่องที่คุณต้องพิจารณาใหม่อย่างถ้วนถี่แล้วครับ
ทำไปทีละ step ธนาคารส่วนธนาคาร ธุรกิจส่วนธุรกิจ ถ้านำมาโยงเมื่อไหร่ มันจะถ่วงคุณให้ทำงานยาก และสับสนมากขึ้น
พบผู้ใหญ่ในธนาคาร เขาจะช่วยได้ครับ เพียงแต่ว่า ตอนนี้ธนาคารเขาดูแนวโน้มธุรกิจคุณแล้ว ว่าไม่มีความมั่นใจที่จะช่วยแล้วครับ เพราะถ้ามองว่า ธุรกิจไม่ฟื้น เขาพร้อมที่จะบีบได้ทุกๆนาที
เร่งแก้ปัญหาภายในของธุรกิจหลักก่อน ไม่รู้ว่าธุรกิจคุณคืออะไร หัวใจหลักของเงินที่จะเข้ามา จะเข้ามาจากไหน ไปทำการบ้านตรงนี้เยอะๆครับ
เอาเวลาไปกังวล แต่เรื่องดอกเบี้ยต่างๆ เงินไม่เข้ามาหรอกครับ
ทำงานที่เงินจะเข้ามาก่อน เดี๋ยวมีเงินในมือพร้อมแล้ว ไปเจรจา รับรองได้ทั้ง น้ำชา กาแฟเสริฟ อย่างดี
เพราะคุณกังวลมากเรื่อง ภาวะกดดันจากธนาคาร ทำให้คุณไม่สามารถเทใจไปให้ธุรกิจได้
คุณเริ่มต้นธุรกิจมาได้จนสามารถมีหลักทรัพย์ โอดี มาได้ จากธนาคาร และจากวิกฤติน้ำท่วมที่บอก ธุรกิจแทบไม่ฟื้น ตรงนี้เป็นเรื่องใหญ่กว่าแล้วครับ เพราะคุณต้องดูสาเหตุหลักของธุรกิจที่ไม่ฟื้นว่า เกิดจากสาเหตุอะไร ถ้ายังฝังใจกับอดีตเรื่องน้ำท่วม ทำให้ธุรกิจแย่ เป็นเรื่องที่คุณต้องพิจารณาใหม่อย่างถ้วนถี่แล้วครับ
ทำไปทีละ step ธนาคารส่วนธนาคาร ธุรกิจส่วนธุรกิจ ถ้านำมาโยงเมื่อไหร่ มันจะถ่วงคุณให้ทำงานยาก และสับสนมากขึ้น
พบผู้ใหญ่ในธนาคาร เขาจะช่วยได้ครับ เพียงแต่ว่า ตอนนี้ธนาคารเขาดูแนวโน้มธุรกิจคุณแล้ว ว่าไม่มีความมั่นใจที่จะช่วยแล้วครับ เพราะถ้ามองว่า ธุรกิจไม่ฟื้น เขาพร้อมที่จะบีบได้ทุกๆนาที
เร่งแก้ปัญหาภายในของธุรกิจหลักก่อน ไม่รู้ว่าธุรกิจคุณคืออะไร หัวใจหลักของเงินที่จะเข้ามา จะเข้ามาจากไหน ไปทำการบ้านตรงนี้เยอะๆครับ
เอาเวลาไปกังวล แต่เรื่องดอกเบี้ยต่างๆ เงินไม่เข้ามาหรอกครับ
ทำงานที่เงินจะเข้ามาก่อน เดี๋ยวมีเงินในมือพร้อมแล้ว ไปเจรจา รับรองได้ทั้ง น้ำชา กาแฟเสริฟ อย่างดี
ความคิดเห็นที่ 6
พนักงานแบ้งค์มีหน้าที่ปฏิบัติตามหน้าที่ครับ ขั้นตอนของเขามีหน้าที่ดูแลจัดการเรื่องการชำระหนี้จากลูกค้า การแก้ปัญหาไม่ใช่หน้าที่หลักของพนักงานที่ไม่ได้ใช้หัวใจทำงาน ดังนั้นเขาก็ต้องทำให้ตัวเขาเองขาวสะอาดและให้ลูกค้าพยายามให้เต็มที่จริงๆก่อนครับ หากมันไม่ไหวจริงๆจ่ายดอก ธุรกิจล้มใครจะเสียหายมากกว่ากัน แน่นอนเราครับ ส่วนธนาคารยังมีทรัพย์ให้ยึดขายทอดตลาด ไม่มีเสีย ดังนั้นเข้าไปคุยเลยครับ เอาระดับ ผจก.สินเชื่อไปเลย หรือลองไปคุยกับแบ้งค์อื่นดู เผื่อว่าจะได้วงเงินเพิ่มครับ จะได้เปลี่ยนธนาคาร ตอนนี้ต้องเอาตัวรอดก่อนเลยครับ ไปเจรจาขอชำระยอดที่เราจะชำระได้ เพื่อให้ธุรกิจเกิดสภาพคล่อง และอย่าลืมควรทำบันทึกข้อตกลงไว้ด้วยครับ
ปล. นี่ถ้าเป็นธุรกิจใหญ่ๆป่านนี้มันได้วงเงินพิเศษเพิ่มขึ้นแล้วล้มบนฟูกสบายๆ ขอให้โชคดีนะครับ
ปล. นี่ถ้าเป็นธุรกิจใหญ่ๆป่านนี้มันได้วงเงินพิเศษเพิ่มขึ้นแล้วล้มบนฟูกสบายๆ ขอให้โชคดีนะครับ
แสดงความคิดเห็น
ติดหนี้แบงค์อยู่เยอะ จ่ายไม่ไหว จะทำยังไงดีครับ
ตอนนี้ก็พอประคองไปได้อยู่ ใช้หนี้การค้าหมดแล้ว เหลือแต่หนี้ธนาคารครับ ตอนนี้ผมเดินบัญชีแบงค์นึงเป็นหลักใช้ OD เกือบเต็ม แต่ก็ยังหมุนเงินทัน แต่ผมติดหนี้ OD อยู่กับอีกแบงค์นึงด้วย ผมพยายามไปคุยกับแบงค์หลายครั้ง (เป็นสิบ) แต่ก็เงียบ วันนี้ผมมีปัญหากับหนี้ก้อนหนี้เพราะเกิน OD แล้ว ที่ผ่านมาผมเอาเงินไปเข้าบ้างเดือนละ 4 - 5 หมื่น พอเกินแล้วผมไม่ชำระดอกเบี้ยเข้าไปได้ 2 เดือน แบงค์ติดต่อผมมาเองเลย
วันนี้ได้ไปคุยกับแบงค์มาแล้ว ทางแบงค์ที่เร่งด่วนเลยคือให้จ่ายดอกเบี้ยก่อน (ประมาณ 2 แสน) แล้วเรื่องผ่อนเปลี่ยนจาก OD เป็น Loan ผ่อนรายเดือนจะทำเรื่องเสนอผู้ใหญ่ให้ซึ่งไม่แน่ใจว่าจะได้หรือไม่ แต่ถ้าเดือนนี้ผมไม่จ่ายดอกเบี้ยอีกเดือน ตัวหนี้ตัวนี้ก็จะไปแสดงใน Credit Bureau ว่าผมชำระล่าช้าแล้ว
ผมยังไม่ได้รับปากกับทางแบงค์ไปว่าจะจ่าย ตอนนี้ผมมานั่งคำนวนดูแล้วถ้าเอาเงินของกิจการไปจ่ายดอกเบี้ย 2 แสน และหลังจากนี้อีกเดือนละประมาณ 1 แสน ผมจะมีปัญหาเรื่องเงินทุนหมุนเวียน ผมไหวแค่ประมาณ 5 หมื่นเอง แต่ทางแบงค์บอกคร่าวๆ แล้วว่าต้องจ่ายเยอะกว่านี้
ผมควรทำยังไงดีครับ ไม่อยากเล่าให้พี่น้องฟังแล้วครับ เพราะที่ผ่านมาเค้าก็ช่วยมาเยอะแล้ว ตอนนี้นึกไม่ออกเลย ถ้าเป็น NPL กว่าเค้าจะยึดทรัพย์เรา กว่าจะดำเนินการทุกขั้นตอนนี่นานไหมครับ ตอนนี้คิดว่าจะเอากิจการให้อยู่รอดก่อน ถ้าจ่ายหนี้ด้วยก็ไม่ไหว ใครพอมีประสบการณ์ขอคำแนะนำหน่อยครับ