เหมือนได้กลับไปเจอเพื่อนเก่าอีกครั้งหลังจากที่ไม่ได้เจอกันมานานเก้าปี บอกตรงๆก็ไม่คิดเหมือนกันแหละว่าพวกเราจะมีสิทธิ์ได้กลับมาเจอกันอีก ตอนแรกก็แอบหวั่นว่ากลับมาเจอกันครั้งนี้พวกเราจะยังรักกันเหมือนเดิมมั้ย? จะประทับใจเท่าการพบปะกันโดยบังเอิญเป็นครั้งแรกเมื่อสิบแปดปีที่แล้ว (Before Sunrise) หรือการกลับมาพบกันอีกครั้งโดยไม่คาดหมายเมื่อเก้าปีก่อน (Before Sunset) ได้รึเปล่า?
ปรากฏว่านอกจากจะประทับใจไม่แพ้การพบปะสองครั้งก่อนแล้ว การพบปะกันครั้งนี้ (Before Midnight) ดูจะเป็นการพบปะครั้งที่น่าประทับใจที่สุดในความรู้สึกของผมและทำให้ผมรู้สึกรักและเข้าใจในตัว Jesse (Ethan Hawke) กับ Celine (Julie Delpy) มากกว่าครั้งที่ผ่านๆมาด้วยซ้ำไป
แม้องค์ประกอบต่างๆที่ทำให้หนังสองภาคแรกเป็นที่รักของคนดู(โลเคชั่นสวยๆ,บทสนาฉลาดๆ,เคมีที่เป็นธรรมชาติระหว่างคู่พระ-นาง ฯลฯ)จะยังคงมีให้เห็นในหนังภาคนี้อย่างครบถ้วน สิ่งที่ทำให้ Before Midnight แตกต่างออกไปจากหนังสองภาคที่แล้วอย่างเห็นได้ชัดคือ“วุฒิภาวะ”ที่เพิ่มขึ้นมาราวกับคนดูกำลังได้เรียนรู้เกี่ยวกับความรักและชีวิตผ่านมุมมองและทัศนคติที่มีความเป็นผู้ใหญ่ยิ่งขึ้นของ Jesse กับ Celine (แถมนี่ยังเป็นหนังภาคแรกที่คนดูจะได้เห็นคู่พระ-นางของหนังทะเลาะกันแบบจริงๆจังๆอีกด้วย)
พูดง่ายๆคือมันเป็นหนังภาคที่โรแมนติกน้อยลงและเรียลลิสติกมากขึ้น แต่ก็นั่นแหละคือเสน่ห์ความเป็นหนังแนว slice of life อันหาตัวจับได้ยากของหนังไตรภาคนี้ ยิ่งกาลเวลาผ่านไปเท่าไหร่มันก็ยิ่งรู้สึกเหมือนหนังน้อยลงและรู้สึกเหมือนชีวิตจริงๆมากขึ้นเท่านั้น
ฉากจบของหนังเอาคอนเซ็ปต์เกี่ยวกับการข้ามเวลา,ไทม์แมชชีนมาใช้ปิดหนังผ่านบทสนทนาสุดท้ายของคู่พระ-นางได้ฉลาดและซึ้งมาก ทรีโอผกก. Richard Linklater, Ethan Hawke, และ Julie Delpy นี่มันเก่งจริงๆ... //ชูแก้วไวน์
รักไม่ยอมเปลี่ยนแปลง~
8.5/10
เข้าไปคุยกันต่อที่เพจของผมได้เลยนะครับ

>>>
https://www.facebook.com/appleoneoone
[CR] Before Midnight (2013) ...การกลับมาอีกครั้งอย่างน่าประทับใจของ Jesse กับ Celine (และผกก. Richard Linklater)
เหมือนได้กลับไปเจอเพื่อนเก่าอีกครั้งหลังจากที่ไม่ได้เจอกันมานานเก้าปี บอกตรงๆก็ไม่คิดเหมือนกันแหละว่าพวกเราจะมีสิทธิ์ได้กลับมาเจอกันอีก ตอนแรกก็แอบหวั่นว่ากลับมาเจอกันครั้งนี้พวกเราจะยังรักกันเหมือนเดิมมั้ย? จะประทับใจเท่าการพบปะกันโดยบังเอิญเป็นครั้งแรกเมื่อสิบแปดปีที่แล้ว (Before Sunrise) หรือการกลับมาพบกันอีกครั้งโดยไม่คาดหมายเมื่อเก้าปีก่อน (Before Sunset) ได้รึเปล่า?
ปรากฏว่านอกจากจะประทับใจไม่แพ้การพบปะสองครั้งก่อนแล้ว การพบปะกันครั้งนี้ (Before Midnight) ดูจะเป็นการพบปะครั้งที่น่าประทับใจที่สุดในความรู้สึกของผมและทำให้ผมรู้สึกรักและเข้าใจในตัว Jesse (Ethan Hawke) กับ Celine (Julie Delpy) มากกว่าครั้งที่ผ่านๆมาด้วยซ้ำไป
แม้องค์ประกอบต่างๆที่ทำให้หนังสองภาคแรกเป็นที่รักของคนดู(โลเคชั่นสวยๆ,บทสนาฉลาดๆ,เคมีที่เป็นธรรมชาติระหว่างคู่พระ-นาง ฯลฯ)จะยังคงมีให้เห็นในหนังภาคนี้อย่างครบถ้วน สิ่งที่ทำให้ Before Midnight แตกต่างออกไปจากหนังสองภาคที่แล้วอย่างเห็นได้ชัดคือ“วุฒิภาวะ”ที่เพิ่มขึ้นมาราวกับคนดูกำลังได้เรียนรู้เกี่ยวกับความรักและชีวิตผ่านมุมมองและทัศนคติที่มีความเป็นผู้ใหญ่ยิ่งขึ้นของ Jesse กับ Celine (แถมนี่ยังเป็นหนังภาคแรกที่คนดูจะได้เห็นคู่พระ-นางของหนังทะเลาะกันแบบจริงๆจังๆอีกด้วย)
พูดง่ายๆคือมันเป็นหนังภาคที่โรแมนติกน้อยลงและเรียลลิสติกมากขึ้น แต่ก็นั่นแหละคือเสน่ห์ความเป็นหนังแนว slice of life อันหาตัวจับได้ยากของหนังไตรภาคนี้ ยิ่งกาลเวลาผ่านไปเท่าไหร่มันก็ยิ่งรู้สึกเหมือนหนังน้อยลงและรู้สึกเหมือนชีวิตจริงๆมากขึ้นเท่านั้น
ฉากจบของหนังเอาคอนเซ็ปต์เกี่ยวกับการข้ามเวลา,ไทม์แมชชีนมาใช้ปิดหนังผ่านบทสนทนาสุดท้ายของคู่พระ-นางได้ฉลาดและซึ้งมาก ทรีโอผกก. Richard Linklater, Ethan Hawke, และ Julie Delpy นี่มันเก่งจริงๆ... //ชูแก้วไวน์
รักไม่ยอมเปลี่ยนแปลง~
8.5/10
เข้าไปคุยกันต่อที่เพจของผมได้เลยนะครับ