คือจุดเริ่มต้นของการที่ผมเลือกที่จะเป็น Atheist ก็มาจากเห็นเพื่อนๆที่คบหลายคนชอบทะเลาะกันแล้วบอกว่าศาสนาตนเป็นแบบนี้ๆ แล้วก็ทะเลาะกัน อีกทั้งรู้สึกว่า.....ตัวผมคงจะไม่เหมาะที่จะศึกษาศาสนาหรือทำพิธีอะไรให้วุ่นวายนัก คือ...ไม่ชอบพิธีการอ่ะครับ
ยกตัวอย่าง...ตอนที่ผมบวชให้พ่อแม่ ผมก็โกนหัวเข้าวัดพร้อมเงินบำรุงวัด 2000 บาท ไม่ได้มีพิธีอะไรแม้แต่อย่างเดียว ซึ่งพ่อแม่ผมก็ไม่ว่าอะไร ประหยัดดี ได้บุญด้วย (ในมุมมองของพ่อกับแม่) ในช่วงที่บวช...ผมมองเป็นอาชีพนึง ซึ่งมีสายการบังคับบัญชา ข้อควรปฏิบัติ และข้อห้ามต่างๆ เหมือนอาชีพทั่วไป ผมกิน(ฉัน)ข้าวมื้อเดียว หลังเที่ยงงด กวาดลานวัด ทำวัตรเช้า (ไม่ค่อยคล่องต้องใช้หนังสือ) เดินจงกรม ทำสมาธิ แต่ก็บวชแค่ 15 วัน ตามที่พ่อแม่ขอ เพราะยังต้องทำงานต่อครับ
และระหว่างบวช ผมก็เห็นสภาพในวัดที่ผิดจากที่ผมคิดไว้คือ....พระเณรทำผิดศีลกันเยอะมาก (เรื่องอะไรขอไม่บอกละกันครับ แต่ก็พอจะทราบได้) เลยรู้สึกว่าพิธีกรรมต่างๆไม่สำคัญเท่าการกระทำตนให้ดีและเป็นที่ยอมรับของคนทั่วไป ซึ่งอาจเป็นแนวคิดที่แปลกๆสำหรับคนที่นับถือศาสนา แต่สำหรับผม....ผมคิดว่าผมเหมาะกับการใช้ชีวิตแบบนี้มากกว่า
ถามว่าผมเคยทำบุญมั้ย...บ่อยครับ แต่จะไม่ให้เป็นเงินครับ เพราะผมเคยเจอสิ่งที่ทำร้ายจิตใจกับผมมากคือ...ผมให้เงินเด็กขอทานไป 20 บาท อาจจะดูน้อย แต่ก็อยากให้เขาเอาไปซื้อของกิน แต่วันนั้นคอมเสียก็เลยต้องใช้บริการอินเตอร์เน็ตคาเฟ่ ภาพที่ผมเจอคือ.....เด็กขอทานที่แต่งตัวสะอาดนั่งเล่นเกมพร้อมบัตรทรู 300 และจานข้าววางอยู่ T___T
แนวคิดที่ว่าถ้าทำด้วยใจแล้วไม่ต้องคิดมากใช้กับผมไม่ได้ครับ ถ้าคิดแบบนั้นผมว่าเหมือนเป็นการส่งเสริมให้คนทำผิดมากขึ้น และมันจะเป็นวงจรอุบาทว์ไปอีกนาน
ผมเลยเลือกที่จะทำบุญอย่างอื่นแทน เช่น ซื้อหวยกับคนพิการ ซื้อกระเป๋าถักมือจากผู้สูงอายุ เหมาขนมปังปี๊บหรือขนมราคาไม่แพงหิ้วไปบริจาคเด็กๆ ช่วยสร้างสนามเปตองให้เด็กๆ แล้วก็ล่าสุดช่วยอ่านหนังสือให้คนตาบอดฟังครับ
ถามว่า...คนแบบผมทำบุญเพื่อหวังอะไรมั้ย ขอบอกว่าไม่หวังครับ แค่รู้สึกว่าอะไรที่เราพอช่วยคนอื่นได้เราก็ช่วย ดีกว่าอยู่เฉยๆไม่ทำอะไร ทั้งๆที่มีคนลำบาก รอการช่วยเหลืออยู่
ผมเลยเลือกที่จะทำในสิ่งที่อยากทำ ทำในสิ่งที่สมควรจะทำ โดยไม่ต้องมีพิธีรีตองหรือขั้นตอนอะไรมากมาย เมื่อก่อนผมก็สงสัยนะ ว่าบทสวดต่างๆเป็นหลายๆภาษา เวลาเขาสวดให้ฟังแล้วเราเข้าใจตามที่ฟังหรือไม่? หรือแค่นั่งฟังไปงั้นๆให้จบๆ ทนนั่งทรมานทั้งที่ไม่รู้ว่าบทสวดนั้นแปลว่าอะไร? ผมก็เลยขอเลือกจะเป็น Atheist แบบนี้ดีกว่า อย่างน้อยๆถ้าผมทำอะไรผิดไป ศาสนาก็ไม่ต้องแปดเปื้อนเพราะคนอย่างผม แบบนี้จะเป็นการดีกว่า
ขอบคุณทุกๆท่านที่เสียสละเวลามาอ่านแนวคิดของคนขวางโลกแบบผม ซึ่ง..อาจจะมีแฝงตัวอยู่ แต่ไม่กล้าจะเปิดเผยมาก ผมขอพื้นที่เล็กๆตรงนี้บอกให้คนรู้ว่า...มีคนแบบผมอยู่ก็พอ
ถ้ามีข้อความใดขัดข้องหรือผิดพลาดประการใด ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย ขอบคุณมากครับ
การเป็น Atheist มันผิดปกติหรือเปล่าครับ ในมุมมองของศาสนาอื่นๆ
ยกตัวอย่าง...ตอนที่ผมบวชให้พ่อแม่ ผมก็โกนหัวเข้าวัดพร้อมเงินบำรุงวัด 2000 บาท ไม่ได้มีพิธีอะไรแม้แต่อย่างเดียว ซึ่งพ่อแม่ผมก็ไม่ว่าอะไร ประหยัดดี ได้บุญด้วย (ในมุมมองของพ่อกับแม่) ในช่วงที่บวช...ผมมองเป็นอาชีพนึง ซึ่งมีสายการบังคับบัญชา ข้อควรปฏิบัติ และข้อห้ามต่างๆ เหมือนอาชีพทั่วไป ผมกิน(ฉัน)ข้าวมื้อเดียว หลังเที่ยงงด กวาดลานวัด ทำวัตรเช้า (ไม่ค่อยคล่องต้องใช้หนังสือ) เดินจงกรม ทำสมาธิ แต่ก็บวชแค่ 15 วัน ตามที่พ่อแม่ขอ เพราะยังต้องทำงานต่อครับ
และระหว่างบวช ผมก็เห็นสภาพในวัดที่ผิดจากที่ผมคิดไว้คือ....พระเณรทำผิดศีลกันเยอะมาก (เรื่องอะไรขอไม่บอกละกันครับ แต่ก็พอจะทราบได้) เลยรู้สึกว่าพิธีกรรมต่างๆไม่สำคัญเท่าการกระทำตนให้ดีและเป็นที่ยอมรับของคนทั่วไป ซึ่งอาจเป็นแนวคิดที่แปลกๆสำหรับคนที่นับถือศาสนา แต่สำหรับผม....ผมคิดว่าผมเหมาะกับการใช้ชีวิตแบบนี้มากกว่า
ถามว่าผมเคยทำบุญมั้ย...บ่อยครับ แต่จะไม่ให้เป็นเงินครับ เพราะผมเคยเจอสิ่งที่ทำร้ายจิตใจกับผมมากคือ...ผมให้เงินเด็กขอทานไป 20 บาท อาจจะดูน้อย แต่ก็อยากให้เขาเอาไปซื้อของกิน แต่วันนั้นคอมเสียก็เลยต้องใช้บริการอินเตอร์เน็ตคาเฟ่ ภาพที่ผมเจอคือ.....เด็กขอทานที่แต่งตัวสะอาดนั่งเล่นเกมพร้อมบัตรทรู 300 และจานข้าววางอยู่ T___T
แนวคิดที่ว่าถ้าทำด้วยใจแล้วไม่ต้องคิดมากใช้กับผมไม่ได้ครับ ถ้าคิดแบบนั้นผมว่าเหมือนเป็นการส่งเสริมให้คนทำผิดมากขึ้น และมันจะเป็นวงจรอุบาทว์ไปอีกนาน
ผมเลยเลือกที่จะทำบุญอย่างอื่นแทน เช่น ซื้อหวยกับคนพิการ ซื้อกระเป๋าถักมือจากผู้สูงอายุ เหมาขนมปังปี๊บหรือขนมราคาไม่แพงหิ้วไปบริจาคเด็กๆ ช่วยสร้างสนามเปตองให้เด็กๆ แล้วก็ล่าสุดช่วยอ่านหนังสือให้คนตาบอดฟังครับ
ถามว่า...คนแบบผมทำบุญเพื่อหวังอะไรมั้ย ขอบอกว่าไม่หวังครับ แค่รู้สึกว่าอะไรที่เราพอช่วยคนอื่นได้เราก็ช่วย ดีกว่าอยู่เฉยๆไม่ทำอะไร ทั้งๆที่มีคนลำบาก รอการช่วยเหลืออยู่
ผมเลยเลือกที่จะทำในสิ่งที่อยากทำ ทำในสิ่งที่สมควรจะทำ โดยไม่ต้องมีพิธีรีตองหรือขั้นตอนอะไรมากมาย เมื่อก่อนผมก็สงสัยนะ ว่าบทสวดต่างๆเป็นหลายๆภาษา เวลาเขาสวดให้ฟังแล้วเราเข้าใจตามที่ฟังหรือไม่? หรือแค่นั่งฟังไปงั้นๆให้จบๆ ทนนั่งทรมานทั้งที่ไม่รู้ว่าบทสวดนั้นแปลว่าอะไร? ผมก็เลยขอเลือกจะเป็น Atheist แบบนี้ดีกว่า อย่างน้อยๆถ้าผมทำอะไรผิดไป ศาสนาก็ไม่ต้องแปดเปื้อนเพราะคนอย่างผม แบบนี้จะเป็นการดีกว่า
ขอบคุณทุกๆท่านที่เสียสละเวลามาอ่านแนวคิดของคนขวางโลกแบบผม ซึ่ง..อาจจะมีแฝงตัวอยู่ แต่ไม่กล้าจะเปิดเผยมาก ผมขอพื้นที่เล็กๆตรงนี้บอกให้คนรู้ว่า...มีคนแบบผมอยู่ก็พอ
ถ้ามีข้อความใดขัดข้องหรือผิดพลาดประการใด ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย ขอบคุณมากครับ