บทที่ ๑
อาณาจักรศรีสุวรภูมิ
การเรียนรู้ศีกษาในสิ่งใดๆ ก็ตาม สิ่งแรกที่สุดคือจะต้องรู้ที่มา แหล่งกำเนิดสิ่งนั้นๆ เสียก่อน เพื่อให้รู้อย่างลึกซึ้ง และเข้าใจกระจ่าง ที่จะสามารถนำไปใช้เป็นแนวทางค้นคว้าให้กว้างขวางได้ในอนาคต
การศึกษาสาขาโหราศาสตร์ก็เช่นเดียวกัน จึงต้องรู้ว่ามีแหล่งกำเนิดจากที่ไหน ชนชาติใดเป็นจ้าของวิชานี้ ฉะนั้นจึงเป็นสิ่งจำเป็นที่นักศึกษาทั้งหลายจะได้ทราบที่มาที่ไปของวิชาโหราศาสตร์ อันเป็นวิทยากรที่เก่าแก่ที่สุดในโลก อันเป็นภูมิปัญญาของบรรพกาลมีการสืบทอดยาวนานมากจนไม่อาจคำณวนได้ และยังเหลืออยู่ให้เราได้ศึกษาค้นคว้า และพิศวงในความมหัศจรรย์ ก้าวหน้าทางวิทยาการของคนในยุคโบราณที่ล้ำยุคเกินกว่าปัจจุบันจะก้าวไปถึงแม้ในขณะนี้ ซึ่งนับเป็นยุคของเทคโนโลยีก็ตาม
“
วิชาโหราศาสตร์-ดาราศาสตร์” ที่มีอยู่ในปัจจุบันนี้นั้น ตามหลักฐานจากจารึกโบราณนั้นระบุไว้อย่างขุดเจนตรงกันว่า “
ฤาษีโคตมะ” ซึ่งเป็นกษัตริย์แห่ง “
อาณาจักรศรีสุวรภูมิ” อันเป็นต้นราชวงศ์โคตมะ ซึ่งได้สละราชสมบัติผนวชเป็นฤาษีได้คิดค้นและรจนาขึ้นในครั้งบรรพกาล ดังนั้นเราจึงต้องเริ่มศึกษากันว่า “
อาณาจักรศรีสุวรภูมิ” นั้นตั้งอยู่ตรงส่วนไหนของโลก เป็นชนชาติอะไร และ ชนชาติโบราณดังกล่าวนั้นยังเหลือเผ่าพันธุ์อยู่ในปัจจุบันหรือไม่ ?
การค้นคว้าประวัติศาสตร์โบราณ แหล่งความรู้ประวัติศาสตร์ ที่สมบูรณ์ที่สุดและถูกต้องที่สุดและเก่าแก่ที่สุดในโลกก็คือ “
พระไตรปิฎก คัมภีร์ของพระพุทธศาสนา” ซึ่งจะรายละเอียดทุกชนิดของสังคมยุคโบราณนับเป็นแสนปีปรากฎอยู่ในชาดกต่าง ๆ ซึ่งอยู่ในพระสุตันปิฎก ซึ่งจะกล่าวถึงอาณาจักรและนครโบราณ ซึ่งบางแห่งก็สูญหายไปจากโลกแล้ว สำหรับ “อาณาจักรศรีสุวรภูมิ” และแว่นแคว้นนคร ในยุคบรรพกลนั้น มีปรากฏอยู่ในพระไตรปิฎกบาลี เช่น
ในพระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย มหานิเทส
“
เมื่อแสวงหาโภคทรัพย์ ย่อมแล่นไปสูมหาสุมทรด้วยเรือ ….. ไปสุวรรณภูมิ…” (ปรโต สโมหิโต สมนฺนาคโต โภเค ปริเยสนฺโต นาวาย …สุวณฺณภูมึ คจฺฉติ)
และในพระสุตตันตปิฎก ขุทกนิกาย พุทธวงศ์ ความว่า
“
ก็พระนครที่ประสูติของกกุสันธพุทธเจ้านั้นมีชื่อว่า “นครเขมรัฐ”(เชียงตุง) พระบิดามีพระนามว่าอัคคิทัต..”
คัมภีร์มหาจักพรรดิราช ฯ
อาณาจักรศรีสุวรภูมิ
การเรียนรู้ศีกษาในสิ่งใดๆ ก็ตาม สิ่งแรกที่สุดคือจะต้องรู้ที่มา แหล่งกำเนิดสิ่งนั้นๆ เสียก่อน เพื่อให้รู้อย่างลึกซึ้ง และเข้าใจกระจ่าง ที่จะสามารถนำไปใช้เป็นแนวทางค้นคว้าให้กว้างขวางได้ในอนาคต
การศึกษาสาขาโหราศาสตร์ก็เช่นเดียวกัน จึงต้องรู้ว่ามีแหล่งกำเนิดจากที่ไหน ชนชาติใดเป็นจ้าของวิชานี้ ฉะนั้นจึงเป็นสิ่งจำเป็นที่นักศึกษาทั้งหลายจะได้ทราบที่มาที่ไปของวิชาโหราศาสตร์ อันเป็นวิทยากรที่เก่าแก่ที่สุดในโลก อันเป็นภูมิปัญญาของบรรพกาลมีการสืบทอดยาวนานมากจนไม่อาจคำณวนได้ และยังเหลืออยู่ให้เราได้ศึกษาค้นคว้า และพิศวงในความมหัศจรรย์ ก้าวหน้าทางวิทยาการของคนในยุคโบราณที่ล้ำยุคเกินกว่าปัจจุบันจะก้าวไปถึงแม้ในขณะนี้ ซึ่งนับเป็นยุคของเทคโนโลยีก็ตาม
“วิชาโหราศาสตร์-ดาราศาสตร์” ที่มีอยู่ในปัจจุบันนี้นั้น ตามหลักฐานจากจารึกโบราณนั้นระบุไว้อย่างขุดเจนตรงกันว่า “ฤาษีโคตมะ” ซึ่งเป็นกษัตริย์แห่ง “อาณาจักรศรีสุวรภูมิ” อันเป็นต้นราชวงศ์โคตมะ ซึ่งได้สละราชสมบัติผนวชเป็นฤาษีได้คิดค้นและรจนาขึ้นในครั้งบรรพกาล ดังนั้นเราจึงต้องเริ่มศึกษากันว่า “อาณาจักรศรีสุวรภูมิ” นั้นตั้งอยู่ตรงส่วนไหนของโลก เป็นชนชาติอะไร และ ชนชาติโบราณดังกล่าวนั้นยังเหลือเผ่าพันธุ์อยู่ในปัจจุบันหรือไม่ ?
การค้นคว้าประวัติศาสตร์โบราณ แหล่งความรู้ประวัติศาสตร์ ที่สมบูรณ์ที่สุดและถูกต้องที่สุดและเก่าแก่ที่สุดในโลกก็คือ “พระไตรปิฎก คัมภีร์ของพระพุทธศาสนา” ซึ่งจะรายละเอียดทุกชนิดของสังคมยุคโบราณนับเป็นแสนปีปรากฎอยู่ในชาดกต่าง ๆ ซึ่งอยู่ในพระสุตันปิฎก ซึ่งจะกล่าวถึงอาณาจักรและนครโบราณ ซึ่งบางแห่งก็สูญหายไปจากโลกแล้ว สำหรับ “อาณาจักรศรีสุวรภูมิ” และแว่นแคว้นนคร ในยุคบรรพกลนั้น มีปรากฏอยู่ในพระไตรปิฎกบาลี เช่น
ในพระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย มหานิเทส
“เมื่อแสวงหาโภคทรัพย์ ย่อมแล่นไปสูมหาสุมทรด้วยเรือ ….. ไปสุวรรณภูมิ…” (ปรโต สโมหิโต สมนฺนาคโต โภเค ปริเยสนฺโต นาวาย …สุวณฺณภูมึ คจฺฉติ)
และในพระสุตตันตปิฎก ขุทกนิกาย พุทธวงศ์ ความว่า
“ก็พระนครที่ประสูติของกกุสันธพุทธเจ้านั้นมีชื่อว่า “นครเขมรัฐ”(เชียงตุง) พระบิดามีพระนามว่าอัคคิทัต..”