การปฏิบัติธรรมแบบพระพม่า นั้น ทำอย่างเดียวคือ
"รู้สึกตัวตลอดเวลากับการร่างกาย แล้วพิจารณาพระไตรลักษณ์ไปด้วย"
ทีแรกพระพม่าอ้างว่าเป็นเพราะ
"มันง่าย"
ต่อมาอ้างว่า
"ทำอย่างเดียวก็พอ อย่างอื่นไม่ต้องทำ"
ทำไปได้สักพัก ก็ไป
สอบอารมณ์แบบสอบสัมภาษณ์ ความรู้ก็จำมา แล้วก็โกหกกันเอง ทั้งคนเข้าสอบและคนคุมสอบว่า ได้ญาณนั้น ญาณนี้
นี่คือสิ่งที่พระพม่าทำ ทำได้แค่นี้
การรู้สึกตัวนั้น พระพม่าเรียกว่า
"เห็น"
สาเหตุที่พระพม่ารังเกียจการเห็นต่างๆ นั้น เพราะพระพม่าเชื่อวิทยาศาสตร์ (ซึ่งเวลานั้นอะไรก็ต้องอ้างอิงวิทยาศาสตร์ ไม่ใช่นั้นจะถูกหาว่า "งมงาย" "พิสูจน์ไม่ได้ทางวิทยาศาสตร์")
ไม่เชื่อพระไตรปิฎก
ในพระไตรปิฎกมีเขียนชัดเจนว่า
"จักษุมี 5 ประเภท"
ดูความใน spoil :
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้พระสุตตันตปิฎก เล่ม 21 ขุททกนิกาย มหานิทเทส ดังนี้
[๕๐] พระผู้มีพระภาคตรัสว่า เราย่อมเห็นหมู่สัตว์นี้ ไปในตัณหาในภพทั้งหลาย ดิ้นรนอยู่ในโลก นรชนทั้งหลายที่เลว ยังไม่ปราศจากตัณหา ในภพน้อย ภพใหญ่ ย่อมร่ำไรใกล้ปากมัจจุ สัตว์ดิ้นรนอยู่ในโลกเพราะตัณหา
[๕๑] คำว่า เราย่อมเห็น ... ดิ้นรนอยู่ในโลก มีความว่า
คำว่า ย่อมเห็น คือ ย่อมเห็น ย่อมแลดู ตรวจดู เพ่งดู พิจารณาดู ด้วยมังสจักษุบ้าง ทิพยจักษุบ้าง ปัญญาจักษุบ้าง พุทธจักษุบ้าง สมันตจักษุบ้าง.
คำว่า ในโลก คือ ในอบายโลก มนุษยโลก เทวโลก ขันธโลก ธาตุโลก อายตนโลก.
คำว่า ดิ้นรนอยู่ คือ เราย่อมเห็น ย่อมแลดู ตรวจดู เพ่งดู พิจารณาดู [ซึ่งหมู่สัตว์นี้] ดิ้นรน กระ
กระสน ทุรนทุราย หวั่นไหว เอนเอียง กระสับกระส่ายไปมา
คำว่า ในภพทั้งหลาย คือ ในกามภพ รูปภพ อรูปภพ เพราะฉะนั้น จึงชื่อว่าหมู่สัตว์นี้ผู้ไปในตัณหาในภพทั้งหลาย.
ผลก็คือ สาวกพระพม่าในเมืองไทยจึงไม่มีความรู้อะไรเพิ่มเติมจากการปฏิบัติธรรมแบบนั้น
หลักฐานที่ดีก็คือ ดร. สนอง วรอุไร ที่ปฏิบัติธรรมมาทั้งชีวิต ก็ยังไม่รู้เลยว่า สมีเณรคำเป็นพระเลว
สาเหตุที่พระพม่า "ตาบอด"
ทีแรกพระพม่าอ้างว่าเป็นเพราะ "มันง่าย"
ต่อมาอ้างว่า "ทำอย่างเดียวก็พอ อย่างอื่นไม่ต้องทำ"
ทำไปได้สักพัก ก็ไปสอบอารมณ์แบบสอบสัมภาษณ์ ความรู้ก็จำมา แล้วก็โกหกกันเอง ทั้งคนเข้าสอบและคนคุมสอบว่า ได้ญาณนั้น ญาณนี้
นี่คือสิ่งที่พระพม่าทำ ทำได้แค่นี้
การรู้สึกตัวนั้น พระพม่าเรียกว่า "เห็น"
สาเหตุที่พระพม่ารังเกียจการเห็นต่างๆ นั้น เพราะพระพม่าเชื่อวิทยาศาสตร์ (ซึ่งเวลานั้นอะไรก็ต้องอ้างอิงวิทยาศาสตร์ ไม่ใช่นั้นจะถูกหาว่า "งมงาย" "พิสูจน์ไม่ได้ทางวิทยาศาสตร์") ไม่เชื่อพระไตรปิฎก
ในพระไตรปิฎกมีเขียนชัดเจนว่า "จักษุมี 5 ประเภท"
ดูความใน spoil : [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ผลก็คือ สาวกพระพม่าในเมืองไทยจึงไม่มีความรู้อะไรเพิ่มเติมจากการปฏิบัติธรรมแบบนั้น
หลักฐานที่ดีก็คือ ดร. สนอง วรอุไร ที่ปฏิบัติธรรมมาทั้งชีวิต ก็ยังไม่รู้เลยว่า สมีเณรคำเป็นพระเลว