กลับมาแล้วค่าทุกท่าน ฮ่าๆๆๆๆ หลังจากเน็ตกากไปหลายชั่วโมงจนไม่สามารถเข้าเว็ปใดๆได้เลย มาอัพติดๆกันเลย กลัวจะหมดมุขเขียนแล้วถูกเบื่อซะก่อนค่ะ
สำหรับคนที่ยังไมไ่ด้อ่านกระทู้แรกๆ
ตอนที่1
http://pantip.com/topic/31125604
ตอนที่2
http://pantip.com/topic/31130377
วันนี้เราจะเริ่มปฎิบัติการณ์เม้าท์เพื่อนทีละคน...สองคนค่ะ ฮ่าๆๆๆ เหยื่อรายแรกจะเป็นใคร ไปดูกันเลย...
แถ่มแท้มมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมม
วันนี้อาจดูเป็นเรื่องเหมือนจะจริงจัง....ย้ำว่า แค่เหมือนจะจริงจัง เพราะมันเป็นเรื่องที่เปลี่ยนทัศนคติมในการเข้าหาคนของเราไปมากพอดูเลยค่ะ แต่ก็ยังคงความบ้าบอเอาไว้บ้างตามสเต็ป
คนแรกที่จะพูดถึง ยังไม่อยู่ในลิสต์ตัวละครที่พูดถึงไปเมื่อกระทู้ที่แล้วค่ะ คนนี้เป็นสาวโปแลนด์ ชื่อออลก้า อายุ27 เราเจอกันครั้งแรกในคลาสร้องเพลง(ที่โรงเรียนมีคลาสร้องเพลงทุกวันอังคารและพฤหัสค่ะ)
โดยนิสัย เราไม่ใช่คนหยิ่งเลยค่ะ ออกจะขี้อายด้วยซ้ำ(หมายถึงตัวจริงน่ะนะ) เราไม่ค่อยรู้วิธีเข้าหา หรือคุยกับคนอื่นสักเท่าไหร่ ดังนั้น มาถึงที่นี่แรกๆ เราก็นั่งบื้อ ไม่กล้าคุยกับใครซักคน จนเพื่อนๆก็บอกว่า ตอนแรกไม่มีใครกล้าคุยกับเธอหรอก เพราะเธอหน้าดุ แถมนิ่งจนดูเหมือนคนเย็นชาเลย เราก็มานั่งคิด เฮ้ย จริงเหรอ ไม่มั้ง เราออกจะบ้าบอ ปัญญาอ่อน เพื่อนคนเดิมก็พยักหน้า...ใช่ พอรู้จักแล้วจะรู้ว่าเธอเป็น Crazy Girl แต่ก่อนจะได้คุย ทุกคนเค้าบอกว่าเธอทำตัวเหมือนเจ้าหญิงหิมะนะ ไปไหนมีแต่ไอเย็นยะเยือกติดตามไปทุกที่เชียว
กลับมาเรื่องเดิม ครั้งแรกที่เราเจอยัยออลก้า บอกตรงๆว่าก็มองหน้านางแล้ว อืม...จะมานั่งทำหน้าสวยทำไมเนี่ย รู้มั้ยว่าอิจฉา เธอผมสีน้ำตาลทองๆ ตาสีเขียวอมน้ำตาลๆ อกบึ้ม และมีเอว คือมองครั้งแรก เราแอบอิจฉาในใจจริงๆ เลยพาลหมั่นไส้ไปเล็กๆ แล้วออลก้าก็มองเราด้วยสายตาแบบ ยัยนี่ใครอะ เด็กใหม่เรอะ แล้วก็มองผ่านเราไป เราก็คิดในใจ เอ้าอินี่ มองผ่านตูไปแลลนี้ มาต่อยกันเลยดีกว่ามา (คือเค้าไม่ได้ทำอะไรเลยนะ เราหาเรื่องเค้าชัดๆ ฮ่าๆๆๆๆ)
ความสัมพันธ์ระหว่างเรากับออลก้าแทบไม่คืบหน้าเลยสักนิด เมื่อเราก็เอาแต่ทำหน้านิ่งมองนาง และนางก็ไม่มาคุยเอง เรื่องอะไรเราจะต้องไปคุยด้วย เชอะ ฝันไปเหอะหล่อน
หลังจากมาเรียนได้สองสามครั้ง ครูสอนร้องเพลงที่เป็นคนญี่ปุ่นชื่อมิสะ ก็บอกกับพวกเราว่า เค้าจะมีโชว์เคสเฉพาะนักเรียนร้องเพลง ใครที่สนใจจะร้องเพลงให้มาลงชื่อ พร้อมใส่เพลงที่จะร้อง อีเมล แล้วเดี๋ยวจะไปจัดโปรแกรมการแสดงมาให้ รวมทั้งหาโน้ตเพลงมาเองให้เรียบร้อยด้วย
ผ่านไปหนึ่งเดือนกับการซ้อมด้วยกันอาทิตย์ละสองวัน ร้องเพลงหมู่ก็ยืนข้างกัน เชื่อมั้ยคะ ว่าเรากับออลก้าก็ยังไม่คุยกัน!!
อันที่จริงก็ไม่ได้เกลียดขี้หน้าอะไรกันหรอกนะ แต่เราเองก็แสนจะขี้อาย(เหรอ...) จะให้เข้าไปคุยกะเค้าก่อนก็ใช่เรื่อง ยอมรับว่าตอนนั้นนิสัยไม่ดีเลยจริงๆค่ะ ฮ่าๆๆ
จุดเปลี่ยนคือตอนหลังคอนเสิร์ต เรามีปาร์ตี้กันเล็กน้อยที่โรงเรียน นั่นคือครั้งแรกที่เราทำใจกล้าเดินเข้าไปทักนาง บอกว่า วันนี้เธอร้องดีนะ ฉันเตรียมตัวอยู่ข้างนอก ได้ยินเพลงที่เธอร้องอยู่ ออลก้าก็หันมาทำตาเขียวใส่(ก็ตาเค้าสีเขียว...ไอ้นี่นิ)แล้วยิ้มให้ บอกว่า เธอเองก็ทำได้ดีเหมือนกันนะ เราน่าจะหาเพลงร้องด้วยกันซักที เพระาเสียงเราแนวๆเดียวกัน
แล้วหลังจากนาทีนั้น อคติที่เคยมีก็เลยค่อยๆหายไป จากที่ไม่เคยทักทายกันในคลาส ก็ได้คุยกันมากขึ้น สิ่งที่ทำให้เรารู้สึกดีกับสาวตาเขียวคนนี้มากขึ้นเรื่อยๆก็คือน้ำใจค่ะ
ออลก้าทำงานอยู่ที่โรงแรมที่เหมือนเป็นกึ่งๆสปาเล็กๆ ตอนนั้นเราเองกำลังประสาทกินเรื่องหางานทำอยู่ เพราะร้านไทยที่ทำนั่นให้ตารางงานน้อยมากกกกกกก จนเงินเราไม่พอใช้อย่างจริงจัง ออลก้ามาคุยๆแล้วก็เลยบอกว่า เนี่ย มาลองสมัครงานที่โรงแรมชั้นมั้ยล่ะ มันมีคาเฟ่เล็กๆอยู่ข้างใน เธอลองไปสมัครดูนะ เดี๋ยวชั้นจะบอกเมเนเจอร์ไว้ให้ แต่สุดท้านเราก็ไมได้ทำงานที่นั่นนะคะ เพราะตอนนั้นร้านที่ทำ จู่ๆก็ให้ตารางเพิ่มซะงั้น เลยไม่ได้ไปสมัคร ที่เศร้าก็คือ หลังจากพลาดงานนั้นไป เราก็โดนลดตารางลงเหมือนเดิม เหมือนจะรู้เลย ฮ่วยยยยยยยย
ล่าสุด เมื่อวันเกิด เรากำลังจะมีคอนเสิร์ตอีกครั้งต้นเดือน พ.ย.นี้ค่ะ เป้นคอนเสิร์ตเล็กๆร้องกับเพื่อนๆ ออลก้ากับเราก็ได้ร้องเพลงเดียวกันในที่สุด เราเลยต้องอยู่ซ้อมตอนวันเกิด ซึ่งหลังจากเลิก เราก็เดินหงอยๆคอตกกลับบ้านเพราะความเหงา จู่ๆออลก้าก็เดินมาหา แล้วชวนคุย
ออลก้า : สุขสันต์วันเกิดนะแพน (เพื่อนที่นี่เรียกชื่อนี้จากชื่อจริงเราค่ะ) คืนนี้ไปปาร์ตี้ที่ไหนมั้ยเนี่ย
เรา : ม่ายอ่ะ พรุ่งนี้ทำงาน ไม่รู้จะไปปาร์ตี้ที่ไหนด้วย ไม่มีใครว่างเลย
ออลก้า : อ้าว แล้วเธอจะไปไหนล่ะ กลับบ้านเลยหรือเปล่า หรือจะไปเดินเล่น
เรา : ก็ว่าจะไปดิสนียสโตร์ตรงไทม์สแควร์น่ะ เบื่อๆ ไม่มีอะไรทำ ไปเจอคนเยอะๆเผื่อจะหายเหงาบ้าง
ออลก้า : (หยุดคิดไปนิดนึง) เอางี้ เธออยากมีเพื่อนเดินมั้ย เดี๋ยวชั้นเดินเล่นเป็นเพื่อนเธอก่อนก็ได้นะ หรือไม่งั้นเราไปหาขนมกินกันแถวนี้ก็ได้
เรา : แอร๊ยยยยยไปๆ ขอบคุณน้าาาา ฉันรักเธอมากกกกกกกกกกกกกกก
และแล้ว หนึ่งสาวผมดำ กับหนึ่งสาวผมเกือบทอง ก็เดินควงแขนกันกระหนุงหระหนิงไปนั่งกินเค้กกันที่ร้านแถวนั้น ซึ่งเกือบจะปิดแล้ว และออลก้าก็ทำให้วันเกิดเราหายเหงาไปได้เยอะเลยทีเดียวค่ะ เพราะหลังจากคุยกันก็ค้นพบว่าเราสองคนคุยกันถูกคอมาก และตอนนี้ออลก้าก็เป็นเหมือนพี่สาวเราไปเรียบร้อย
ออลก้าบอกเหมือนที่คนอื่นบอกเลยค่ะ ว่าเราเข้ามาในคลาสครั้งแรก ก็ทำหน้ามึนเหมือนไม่อยากจะคุยกับใครในโลกทั้งนั้น เค้าก็สงสัยว่ายัยนี่มันไปกินรังผึ้งที่ไหนมา ทำหน้ายังกะฟันคุดงอกขึ้นพร้อมกันทั้งสี่ซี่(อันนี้ออลก้าไม่ได้เปรียบเทียบนะ ฮ่าๆๆ) พอเราถามว่า ตอนนี้ล่ะ ออลก้าก็ยิ้ม แล้วตอบทิ้งท้ายว่า...ชั้นไม่เคยเจอใครบ้าเท่าเธอมาก่อนเลยล่ะ แล้วก็หัวเราะฮ่าๆ TT^TT แต่ก็บอกต่อด้วยว่า เราควรไปแฮงค์เอาท์กันอีกนะ อยู่กับเธอแล้วสนุกดี ไว้เราหาแฟนเป็นหนุ่มอเมริกันกันนะ (เย่ย!!!)
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า...หลังจากนี้หล่อนควรเป็นคนมนุษย์สัมพันธ์ดีกว่านี้นะ เพื่อนดีๆ บางทีก็ไม่ได้หากันเจอตั้งแต่นาทีแรกจริงๆ มาจนถึงตอนนี้เราเลยมีเพื่อนเยอะแยะแล้วค่ะ เพราะตอนนี้เจอใครก็คุยดะไปหมดเลย ฮ่าๆๆๆๆ
ต่อไปใครจะโดนเม้าท์ ต้องติดตามค่ะ รับรองว่าอย่างเรา ไม่เคยมีคำว่าปกติมนุษย์อยู่ในพจนานุกรมอยู่แล้ว ไม่บ้าก็ฮาจริงๆ
ราตรีสวัสดิ์ทุกท่านค่า
เรื่องเล่าจากสาวเอ๋อ :: Life in New York #2 เราเป็นเพื่อนกันนะ :)
สำหรับคนที่ยังไมไ่ด้อ่านกระทู้แรกๆ
ตอนที่1 http://pantip.com/topic/31125604
ตอนที่2 http://pantip.com/topic/31130377
วันนี้เราจะเริ่มปฎิบัติการณ์เม้าท์เพื่อนทีละคน...สองคนค่ะ ฮ่าๆๆๆ เหยื่อรายแรกจะเป็นใคร ไปดูกันเลย...
แถ่มแท้มมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมม
วันนี้อาจดูเป็นเรื่องเหมือนจะจริงจัง....ย้ำว่า แค่เหมือนจะจริงจัง เพราะมันเป็นเรื่องที่เปลี่ยนทัศนคติมในการเข้าหาคนของเราไปมากพอดูเลยค่ะ แต่ก็ยังคงความบ้าบอเอาไว้บ้างตามสเต็ป
คนแรกที่จะพูดถึง ยังไม่อยู่ในลิสต์ตัวละครที่พูดถึงไปเมื่อกระทู้ที่แล้วค่ะ คนนี้เป็นสาวโปแลนด์ ชื่อออลก้า อายุ27 เราเจอกันครั้งแรกในคลาสร้องเพลง(ที่โรงเรียนมีคลาสร้องเพลงทุกวันอังคารและพฤหัสค่ะ)
โดยนิสัย เราไม่ใช่คนหยิ่งเลยค่ะ ออกจะขี้อายด้วยซ้ำ(หมายถึงตัวจริงน่ะนะ) เราไม่ค่อยรู้วิธีเข้าหา หรือคุยกับคนอื่นสักเท่าไหร่ ดังนั้น มาถึงที่นี่แรกๆ เราก็นั่งบื้อ ไม่กล้าคุยกับใครซักคน จนเพื่อนๆก็บอกว่า ตอนแรกไม่มีใครกล้าคุยกับเธอหรอก เพราะเธอหน้าดุ แถมนิ่งจนดูเหมือนคนเย็นชาเลย เราก็มานั่งคิด เฮ้ย จริงเหรอ ไม่มั้ง เราออกจะบ้าบอ ปัญญาอ่อน เพื่อนคนเดิมก็พยักหน้า...ใช่ พอรู้จักแล้วจะรู้ว่าเธอเป็น Crazy Girl แต่ก่อนจะได้คุย ทุกคนเค้าบอกว่าเธอทำตัวเหมือนเจ้าหญิงหิมะนะ ไปไหนมีแต่ไอเย็นยะเยือกติดตามไปทุกที่เชียว
กลับมาเรื่องเดิม ครั้งแรกที่เราเจอยัยออลก้า บอกตรงๆว่าก็มองหน้านางแล้ว อืม...จะมานั่งทำหน้าสวยทำไมเนี่ย รู้มั้ยว่าอิจฉา เธอผมสีน้ำตาลทองๆ ตาสีเขียวอมน้ำตาลๆ อกบึ้ม และมีเอว คือมองครั้งแรก เราแอบอิจฉาในใจจริงๆ เลยพาลหมั่นไส้ไปเล็กๆ แล้วออลก้าก็มองเราด้วยสายตาแบบ ยัยนี่ใครอะ เด็กใหม่เรอะ แล้วก็มองผ่านเราไป เราก็คิดในใจ เอ้าอินี่ มองผ่านตูไปแลลนี้ มาต่อยกันเลยดีกว่ามา (คือเค้าไม่ได้ทำอะไรเลยนะ เราหาเรื่องเค้าชัดๆ ฮ่าๆๆๆๆ)
ความสัมพันธ์ระหว่างเรากับออลก้าแทบไม่คืบหน้าเลยสักนิด เมื่อเราก็เอาแต่ทำหน้านิ่งมองนาง และนางก็ไม่มาคุยเอง เรื่องอะไรเราจะต้องไปคุยด้วย เชอะ ฝันไปเหอะหล่อน
หลังจากมาเรียนได้สองสามครั้ง ครูสอนร้องเพลงที่เป็นคนญี่ปุ่นชื่อมิสะ ก็บอกกับพวกเราว่า เค้าจะมีโชว์เคสเฉพาะนักเรียนร้องเพลง ใครที่สนใจจะร้องเพลงให้มาลงชื่อ พร้อมใส่เพลงที่จะร้อง อีเมล แล้วเดี๋ยวจะไปจัดโปรแกรมการแสดงมาให้ รวมทั้งหาโน้ตเพลงมาเองให้เรียบร้อยด้วย
ผ่านไปหนึ่งเดือนกับการซ้อมด้วยกันอาทิตย์ละสองวัน ร้องเพลงหมู่ก็ยืนข้างกัน เชื่อมั้ยคะ ว่าเรากับออลก้าก็ยังไม่คุยกัน!!
อันที่จริงก็ไม่ได้เกลียดขี้หน้าอะไรกันหรอกนะ แต่เราเองก็แสนจะขี้อาย(เหรอ...) จะให้เข้าไปคุยกะเค้าก่อนก็ใช่เรื่อง ยอมรับว่าตอนนั้นนิสัยไม่ดีเลยจริงๆค่ะ ฮ่าๆๆ
จุดเปลี่ยนคือตอนหลังคอนเสิร์ต เรามีปาร์ตี้กันเล็กน้อยที่โรงเรียน นั่นคือครั้งแรกที่เราทำใจกล้าเดินเข้าไปทักนาง บอกว่า วันนี้เธอร้องดีนะ ฉันเตรียมตัวอยู่ข้างนอก ได้ยินเพลงที่เธอร้องอยู่ ออลก้าก็หันมาทำตาเขียวใส่(ก็ตาเค้าสีเขียว...ไอ้นี่นิ)แล้วยิ้มให้ บอกว่า เธอเองก็ทำได้ดีเหมือนกันนะ เราน่าจะหาเพลงร้องด้วยกันซักที เพระาเสียงเราแนวๆเดียวกัน
แล้วหลังจากนาทีนั้น อคติที่เคยมีก็เลยค่อยๆหายไป จากที่ไม่เคยทักทายกันในคลาส ก็ได้คุยกันมากขึ้น สิ่งที่ทำให้เรารู้สึกดีกับสาวตาเขียวคนนี้มากขึ้นเรื่อยๆก็คือน้ำใจค่ะ
ออลก้าทำงานอยู่ที่โรงแรมที่เหมือนเป็นกึ่งๆสปาเล็กๆ ตอนนั้นเราเองกำลังประสาทกินเรื่องหางานทำอยู่ เพราะร้านไทยที่ทำนั่นให้ตารางงานน้อยมากกกกกกก จนเงินเราไม่พอใช้อย่างจริงจัง ออลก้ามาคุยๆแล้วก็เลยบอกว่า เนี่ย มาลองสมัครงานที่โรงแรมชั้นมั้ยล่ะ มันมีคาเฟ่เล็กๆอยู่ข้างใน เธอลองไปสมัครดูนะ เดี๋ยวชั้นจะบอกเมเนเจอร์ไว้ให้ แต่สุดท้านเราก็ไมได้ทำงานที่นั่นนะคะ เพราะตอนนั้นร้านที่ทำ จู่ๆก็ให้ตารางเพิ่มซะงั้น เลยไม่ได้ไปสมัคร ที่เศร้าก็คือ หลังจากพลาดงานนั้นไป เราก็โดนลดตารางลงเหมือนเดิม เหมือนจะรู้เลย ฮ่วยยยยยยยย
ล่าสุด เมื่อวันเกิด เรากำลังจะมีคอนเสิร์ตอีกครั้งต้นเดือน พ.ย.นี้ค่ะ เป้นคอนเสิร์ตเล็กๆร้องกับเพื่อนๆ ออลก้ากับเราก็ได้ร้องเพลงเดียวกันในที่สุด เราเลยต้องอยู่ซ้อมตอนวันเกิด ซึ่งหลังจากเลิก เราก็เดินหงอยๆคอตกกลับบ้านเพราะความเหงา จู่ๆออลก้าก็เดินมาหา แล้วชวนคุย
ออลก้า : สุขสันต์วันเกิดนะแพน (เพื่อนที่นี่เรียกชื่อนี้จากชื่อจริงเราค่ะ) คืนนี้ไปปาร์ตี้ที่ไหนมั้ยเนี่ย
เรา : ม่ายอ่ะ พรุ่งนี้ทำงาน ไม่รู้จะไปปาร์ตี้ที่ไหนด้วย ไม่มีใครว่างเลย
ออลก้า : อ้าว แล้วเธอจะไปไหนล่ะ กลับบ้านเลยหรือเปล่า หรือจะไปเดินเล่น
เรา : ก็ว่าจะไปดิสนียสโตร์ตรงไทม์สแควร์น่ะ เบื่อๆ ไม่มีอะไรทำ ไปเจอคนเยอะๆเผื่อจะหายเหงาบ้าง
ออลก้า : (หยุดคิดไปนิดนึง) เอางี้ เธออยากมีเพื่อนเดินมั้ย เดี๋ยวชั้นเดินเล่นเป็นเพื่อนเธอก่อนก็ได้นะ หรือไม่งั้นเราไปหาขนมกินกันแถวนี้ก็ได้
เรา : แอร๊ยยยยยไปๆ ขอบคุณน้าาาา ฉันรักเธอมากกกกกกกกกกกกกกก
และแล้ว หนึ่งสาวผมดำ กับหนึ่งสาวผมเกือบทอง ก็เดินควงแขนกันกระหนุงหระหนิงไปนั่งกินเค้กกันที่ร้านแถวนั้น ซึ่งเกือบจะปิดแล้ว และออลก้าก็ทำให้วันเกิดเราหายเหงาไปได้เยอะเลยทีเดียวค่ะ เพราะหลังจากคุยกันก็ค้นพบว่าเราสองคนคุยกันถูกคอมาก และตอนนี้ออลก้าก็เป็นเหมือนพี่สาวเราไปเรียบร้อย
ออลก้าบอกเหมือนที่คนอื่นบอกเลยค่ะ ว่าเราเข้ามาในคลาสครั้งแรก ก็ทำหน้ามึนเหมือนไม่อยากจะคุยกับใครในโลกทั้งนั้น เค้าก็สงสัยว่ายัยนี่มันไปกินรังผึ้งที่ไหนมา ทำหน้ายังกะฟันคุดงอกขึ้นพร้อมกันทั้งสี่ซี่(อันนี้ออลก้าไม่ได้เปรียบเทียบนะ ฮ่าๆๆ) พอเราถามว่า ตอนนี้ล่ะ ออลก้าก็ยิ้ม แล้วตอบทิ้งท้ายว่า...ชั้นไม่เคยเจอใครบ้าเท่าเธอมาก่อนเลยล่ะ แล้วก็หัวเราะฮ่าๆ TT^TT แต่ก็บอกต่อด้วยว่า เราควรไปแฮงค์เอาท์กันอีกนะ อยู่กับเธอแล้วสนุกดี ไว้เราหาแฟนเป็นหนุ่มอเมริกันกันนะ (เย่ย!!!)
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า...หลังจากนี้หล่อนควรเป็นคนมนุษย์สัมพันธ์ดีกว่านี้นะ เพื่อนดีๆ บางทีก็ไม่ได้หากันเจอตั้งแต่นาทีแรกจริงๆ มาจนถึงตอนนี้เราเลยมีเพื่อนเยอะแยะแล้วค่ะ เพราะตอนนี้เจอใครก็คุยดะไปหมดเลย ฮ่าๆๆๆๆ
ต่อไปใครจะโดนเม้าท์ ต้องติดตามค่ะ รับรองว่าอย่างเรา ไม่เคยมีคำว่าปกติมนุษย์อยู่ในพจนานุกรมอยู่แล้ว ไม่บ้าก็ฮาจริงๆ
ราตรีสวัสดิ์ทุกท่านค่า