ที่บริษัทกำลังมีกิจกรรมกีฬาสี ตอนแรก ๆ เราก็คิดว่าจะช่วยทำนู่นนี่ให้สี เท่าที่จะพอทำได้ มีพวกน้อง ๆ พี่ ๆ มาทาบทามให้เป็นลีดสี เราก็ปฏิเสธไปแล้วว่าทำให้ได้ทุกอย่าง ยกเว้นอันนี้นะ อันนี้คงช่วยไม่ได้จริง ๆ คือปฏิเสธไปหลายทางแล้ว จนเราไปบอกหัวหน้าเราว่า เค้าจะให้เราเป็น เราขออนุญาติไม่เป็นนะคะ ช่วยเราที เพราะช่วงกีฬาสีเราจะซ้อมลำบาก งานมันเยอะมาก หัวหน้าก็หว่านล้อมว่าให้เราช่วย ๆ กิจกรรมของบริษัทหน่อย
ปรากฏว่าพอมีเมลล์คอนเฟิร์มชื่อ ก็มีชื่อเราติดไปอีก คนเริ่มรับรู้กันหลายคน เราเริ่มปฏิเสธลำบาก พอมีการประชุมสี เราก็ออกตัวว่า เราขอไม่เป็นนะ เดี๋ยวหาคนเป็นแทนให้ จนเราให้คนรู้จักไปหาคนมาเป็นแทน ได้เป็นผู้หญิง 1 คน เราเลยบอกทุกคนว่า มีคนนี้มาเป็นให้แล้ว อย่างไร เราขอถอนตัวละกัน ช่วยเรื่องอื่นก็ได้ ที่ประชุมก็บอกขอให้เราเป็นให้หน่อย เพื่อสีทำให้หน่อยนะ น้องที่เป็นด้วยกันก็บอกว่า ถ้าพี่ออก คนอื่นก็ขอออกได้เหมือนกัน เราก็ปฏิเสธลำบากค่ะ น้ำท่วมปากจริง ๆ ค่ะ ยิ่งมีคนในที่ประชุมเยอะ หลายคนเค้าก็มองมาที่เราค่ะ
สรุปคือ อย่างไรเราออกไม่ได้อีก เราเริ่มรู้สึกว่าการที่เราปฏิเสธคนอื่น กลายเป็นตัวปัญหาไปแล้ว ถ้าเราไม่ทำก็ไม่มีเหตุผลดี ๆ อะไรเลย ตัวเราเองยังรำคาญตัวเองเลย เพราะเหมือนคนเล่นตัว ทั้งที่ใจไม่อยากเป็นจริง ๆ ค่ะ
ในที่สุดเราก็ยอมไปซ้อมกัน นัดกับพวกน้องอีก 4 คนหาเวลาซ้อมกันทุกวันทำงาน เวลาซ้อมเราก็ไม่ค่อยร่าเริงหรอก เราเกร็งและแข็งมาก หน้าตาก็ไม่ได้ยิ้มแย้ม พี่ที่ไปดูเราซ้อมก็บอกอยู่ว่า เราไม่ยิ้มแย้มเลย และแข็งมากค่ะ
มันช่วยไม่ได้ เพราะเราไม่ได้มาด้วยความเต็มใจ แต่ที่กำลังซ้อมนั้น ทำไปเพราะความรับผิดชอบที่ถูกตั้งขึ้นมาค่ะ ก็ต้องปรับตัวอีก
ปัญหาตอนนี้คือ เราไม่อยากเป็นอยู่ดี ไม่ว่าจะคิดแง่ไหนก็ตาม ยิ่งเหลือเวลาอีก 1 อาทิตย์ก็ถึงวันจริงแล้ว เราก็ไม่ได้มีจิตใจที่จะทำเต็มที่เลย ตอนนี้ก็มาถึงขนาดนี้ เราคุยปรึกษาเพื่อน ๆ เราว่าจะถอนตัวดีไหม เพื่อน ๆ ก็เห็นใจเราอยู่ เพราะรู้นิสัยเราดีว่าเราไม่ชอบทางนี้เลย เพื่อนก็บอกให้เราเลือกตัดสินใจทางของตัวเองให้ดี เพราะก้าวเข้าไปขนาดนี้แล้ว ทำอะไรจะกระทบส่วนรวมได้ คราวหน้าต้องหาทางให้ตัวเองชัดเจนกว่านี้ค่ะ
ที่จริงเวลามีกิจกรรมบริษัทนิด ๆ หน่อย ๆ สัก 10-15 นาที เค้ามาขอให้ช่วย เราก็ช่วยได้นะ ใช้เวลาไม่มากมายอะไร แต่ก่อนหน้านี้เราเคยบอกใคร ๆ ว่าเราไม่ค่อยชอบทำกิจกรรมอะไร เพราะเราไม่เก่งกิจกรรมเลย มันไม่ใช่แนวเราเลย การฝีมืออะไรเราก็ห่วยมาก ๆ ดังนั้นอะไรที่พอช่วยได้ เราก็ช่วยเท่าที่ที่จะช่วยได้ เพื่อนในกลุ่มที่สนิทกัน เราก็ไม่มีเวลาให้ เพราะต้องไปซ้อม เราไม่ได้ไปกินข้าวกลางวันร่วมกับเค้า จนเราอดคิดไม่ได้ว่าเพื่อนจะไม่เข้าใจในสิ่งที่เราต้องไปเข้าร่วมกิจกรรม เราไม่รู้จะทำยังไงดี มันอธิบายไม่ได้ พอต้องมาทำกิจกรรมเต็มตัว มันรู้สึกเหมือนกลืนน้ำลายตัวเองค่ะ เราก็รู้ว่าเราผิดกับตัวเองที่เป็นคนปฏิเสธคนไม่เป็นเองค่ะ
ตอนนี้บอกได้คำเดียว ว่าไม่สบายใจมากที่ต้องทำอะไรที่ไม่ใช่ตัวตนของตัวเองค่ะ บอกไม่ถูกค่ะ จะคิดอย่างไรดี และคราวหน้าเราจะปฏิเสธอย่างไรดีคะ ใครเคยปฏิเสธอย่างไรบ้างคะ
ขอแท็กห้องสยาม ห้องแป้ง ห้องสีลม คิดว่าหลาย ๆ คนน่าจะต้องเคยเจอความลำบากใจแบบนี้
สำหรับห้องสวนลุม แท็กเพราะเราเองเริ่มเครียด และจิตตกกับตัวเองมากค่ะ
/////////////////////////////////////////
คือสมัยมหาลัย ที่ทำไว้เคยทำแค่ประมาณเชียร์ปอม (แบบลีดซีคอน) ประมาณนั้นค่ะ เพื่อนที่ทำงานรู้บ้างบางคน แต่เราก็แค่เล่าสู่กันฟังสนุกสนานเฉย ๆ ค่ะ กับอีกอย่างคือถือพวกมาลัยวันไหว้ครู ร่วมกิจกรรมเค้าแค่ตอนปี 1 ค่ะ เพราะรุ่นพี่เค้าให้ทำ เราเป็นรุ่นน้อง รุ่นพี่ให้ทำไรก็ทำค่ะ
หลังจากนั้นขึ้นปี 2 ก็โดดกิจกรรมตลอดค่ะ ดังนั้นนอกจากเพลงมหาลัยแล้ว เพลงเชียร์กีฬาอะไรนี่ร้องไม่เป็นเลยค่ะ เคยฟังที่ไหนกัน เรียนเสร็จก็กลับห้องพักเลย ชอบอยู่ห้องนอน ๆ อ่านหนังสือ ฟังเพลงมากกว่า นอกจากงานที่ในเอกต้องร่วมกันทำแล้ว ก็ไม่ได้ร่วมกิจกรรมอะไรอีกเลยค่ะ
ครั้งที่ทำงานที่แรกก็โดนทาบทามแบบนี้แหล่ะ พวกพี่ ๆ เค้ามาชวน ๆ พอดีตอนนั้นเราเข้ากะ เลยอาศัยจังหวะที่เข้ากะหลบหน้าหลบตา อ้างไม่มีเวลาให้ อันนั้นก็หลบง่ายมากค่ะ
ส่วนที่ว่าเราเป็นน้องใหม่สำหรับที่นี่ ก็ไม่ใหม่นะ ทำงานมาตั้ง 2 ปีแล้ว ปีที่แล้วมีแบบนี้มาชวน เราก็ปฏิเสธไปง่าย ๆ ค่ะ เค้าก็ไม่มาดึงดันอะไรเรานะ ปีนี้นี่แหล่ะที่เราปัดไม่ออกค่ะ
เมื่อต้องเป็นลีด ด้วยความไม่เต็มใจ ฝึกซ้อมไปแล้ว แต่ใจก็ยังไม่อยากเป็นอยู่ดี จะคิดอย่างไรให้ตัวเองมีใจมากกว่านี้
ปรากฏว่าพอมีเมลล์คอนเฟิร์มชื่อ ก็มีชื่อเราติดไปอีก คนเริ่มรับรู้กันหลายคน เราเริ่มปฏิเสธลำบาก พอมีการประชุมสี เราก็ออกตัวว่า เราขอไม่เป็นนะ เดี๋ยวหาคนเป็นแทนให้ จนเราให้คนรู้จักไปหาคนมาเป็นแทน ได้เป็นผู้หญิง 1 คน เราเลยบอกทุกคนว่า มีคนนี้มาเป็นให้แล้ว อย่างไร เราขอถอนตัวละกัน ช่วยเรื่องอื่นก็ได้ ที่ประชุมก็บอกขอให้เราเป็นให้หน่อย เพื่อสีทำให้หน่อยนะ น้องที่เป็นด้วยกันก็บอกว่า ถ้าพี่ออก คนอื่นก็ขอออกได้เหมือนกัน เราก็ปฏิเสธลำบากค่ะ น้ำท่วมปากจริง ๆ ค่ะ ยิ่งมีคนในที่ประชุมเยอะ หลายคนเค้าก็มองมาที่เราค่ะ
สรุปคือ อย่างไรเราออกไม่ได้อีก เราเริ่มรู้สึกว่าการที่เราปฏิเสธคนอื่น กลายเป็นตัวปัญหาไปแล้ว ถ้าเราไม่ทำก็ไม่มีเหตุผลดี ๆ อะไรเลย ตัวเราเองยังรำคาญตัวเองเลย เพราะเหมือนคนเล่นตัว ทั้งที่ใจไม่อยากเป็นจริง ๆ ค่ะ
ในที่สุดเราก็ยอมไปซ้อมกัน นัดกับพวกน้องอีก 4 คนหาเวลาซ้อมกันทุกวันทำงาน เวลาซ้อมเราก็ไม่ค่อยร่าเริงหรอก เราเกร็งและแข็งมาก หน้าตาก็ไม่ได้ยิ้มแย้ม พี่ที่ไปดูเราซ้อมก็บอกอยู่ว่า เราไม่ยิ้มแย้มเลย และแข็งมากค่ะ
มันช่วยไม่ได้ เพราะเราไม่ได้มาด้วยความเต็มใจ แต่ที่กำลังซ้อมนั้น ทำไปเพราะความรับผิดชอบที่ถูกตั้งขึ้นมาค่ะ ก็ต้องปรับตัวอีก
ปัญหาตอนนี้คือ เราไม่อยากเป็นอยู่ดี ไม่ว่าจะคิดแง่ไหนก็ตาม ยิ่งเหลือเวลาอีก 1 อาทิตย์ก็ถึงวันจริงแล้ว เราก็ไม่ได้มีจิตใจที่จะทำเต็มที่เลย ตอนนี้ก็มาถึงขนาดนี้ เราคุยปรึกษาเพื่อน ๆ เราว่าจะถอนตัวดีไหม เพื่อน ๆ ก็เห็นใจเราอยู่ เพราะรู้นิสัยเราดีว่าเราไม่ชอบทางนี้เลย เพื่อนก็บอกให้เราเลือกตัดสินใจทางของตัวเองให้ดี เพราะก้าวเข้าไปขนาดนี้แล้ว ทำอะไรจะกระทบส่วนรวมได้ คราวหน้าต้องหาทางให้ตัวเองชัดเจนกว่านี้ค่ะ
ที่จริงเวลามีกิจกรรมบริษัทนิด ๆ หน่อย ๆ สัก 10-15 นาที เค้ามาขอให้ช่วย เราก็ช่วยได้นะ ใช้เวลาไม่มากมายอะไร แต่ก่อนหน้านี้เราเคยบอกใคร ๆ ว่าเราไม่ค่อยชอบทำกิจกรรมอะไร เพราะเราไม่เก่งกิจกรรมเลย มันไม่ใช่แนวเราเลย การฝีมืออะไรเราก็ห่วยมาก ๆ ดังนั้นอะไรที่พอช่วยได้ เราก็ช่วยเท่าที่ที่จะช่วยได้ เพื่อนในกลุ่มที่สนิทกัน เราก็ไม่มีเวลาให้ เพราะต้องไปซ้อม เราไม่ได้ไปกินข้าวกลางวันร่วมกับเค้า จนเราอดคิดไม่ได้ว่าเพื่อนจะไม่เข้าใจในสิ่งที่เราต้องไปเข้าร่วมกิจกรรม เราไม่รู้จะทำยังไงดี มันอธิบายไม่ได้ พอต้องมาทำกิจกรรมเต็มตัว มันรู้สึกเหมือนกลืนน้ำลายตัวเองค่ะ เราก็รู้ว่าเราผิดกับตัวเองที่เป็นคนปฏิเสธคนไม่เป็นเองค่ะ
ตอนนี้บอกได้คำเดียว ว่าไม่สบายใจมากที่ต้องทำอะไรที่ไม่ใช่ตัวตนของตัวเองค่ะ บอกไม่ถูกค่ะ จะคิดอย่างไรดี และคราวหน้าเราจะปฏิเสธอย่างไรดีคะ ใครเคยปฏิเสธอย่างไรบ้างคะ
ขอแท็กห้องสยาม ห้องแป้ง ห้องสีลม คิดว่าหลาย ๆ คนน่าจะต้องเคยเจอความลำบากใจแบบนี้
สำหรับห้องสวนลุม แท็กเพราะเราเองเริ่มเครียด และจิตตกกับตัวเองมากค่ะ
/////////////////////////////////////////
คือสมัยมหาลัย ที่ทำไว้เคยทำแค่ประมาณเชียร์ปอม (แบบลีดซีคอน) ประมาณนั้นค่ะ เพื่อนที่ทำงานรู้บ้างบางคน แต่เราก็แค่เล่าสู่กันฟังสนุกสนานเฉย ๆ ค่ะ กับอีกอย่างคือถือพวกมาลัยวันไหว้ครู ร่วมกิจกรรมเค้าแค่ตอนปี 1 ค่ะ เพราะรุ่นพี่เค้าให้ทำ เราเป็นรุ่นน้อง รุ่นพี่ให้ทำไรก็ทำค่ะ
หลังจากนั้นขึ้นปี 2 ก็โดดกิจกรรมตลอดค่ะ ดังนั้นนอกจากเพลงมหาลัยแล้ว เพลงเชียร์กีฬาอะไรนี่ร้องไม่เป็นเลยค่ะ เคยฟังที่ไหนกัน เรียนเสร็จก็กลับห้องพักเลย ชอบอยู่ห้องนอน ๆ อ่านหนังสือ ฟังเพลงมากกว่า นอกจากงานที่ในเอกต้องร่วมกันทำแล้ว ก็ไม่ได้ร่วมกิจกรรมอะไรอีกเลยค่ะ
ครั้งที่ทำงานที่แรกก็โดนทาบทามแบบนี้แหล่ะ พวกพี่ ๆ เค้ามาชวน ๆ พอดีตอนนั้นเราเข้ากะ เลยอาศัยจังหวะที่เข้ากะหลบหน้าหลบตา อ้างไม่มีเวลาให้ อันนั้นก็หลบง่ายมากค่ะ
ส่วนที่ว่าเราเป็นน้องใหม่สำหรับที่นี่ ก็ไม่ใหม่นะ ทำงานมาตั้ง 2 ปีแล้ว ปีที่แล้วมีแบบนี้มาชวน เราก็ปฏิเสธไปง่าย ๆ ค่ะ เค้าก็ไม่มาดึงดันอะไรเรานะ ปีนี้นี่แหล่ะที่เราปัดไม่ออกค่ะ