สวัสดีคะ
คือเมื่อ3เดือนก่อนดิฉันไปธุระเรื่องงานที่บางแสน พอตกเย็นก็ชวนเพื่อนที่เป็นที่นั่นทานข้าวแต่โอ(นามสมมุติ)ไม่ว่างเนื่องจากต้องไปธุระกับพ่อแม่และบอกว่าวันรุ่งขึ้นค่อยทาน
ข้าวเที่ยงกัน ดิฉันเองก็ไม่มีปัญหาอะไรเนื่องจากเพื่อนติดธุระจึงไปทานข้าวคนเดียว พอวันรุ่งขึ้นเป็นวันศุกร์ได้มีเพื่อนอีกคนหนึ่งตามมาจากกรุงเทพ ชื่อซี(นามสมมุติ)
เนื่องจากมีงานที่ต้องคุยกันในวันเสาร์ที่บางแสน และเพื่อนโอได้โทรมาเวลาบ่ายโมงและชวนไปทานข้าวซึ่งดิฉันได้ไปกับซี เมื่อเจอกันที่ร้านอาหารก็คุยกันปกติ
แต่มีจุดเปลี่ยนตรงที่ โอพารุ่นน้องมาด้วย3-4คนซึ่งดิฉันเองก็เคยเจอรุ่นน้องเหล่านี้2-3ครั้งเวลาที่ไปติดต่อเรื่องงานและนัดทานข้าวกับโอ ในวันนั้นรุ่นน้องได้พูดเรื่อง
งนวันเกิดที่จัดขึ้นเมื่อคืนนี้ นั่นหมายความว่าโอโกหกเรื่องไปธุระกับพ่อแม่ แต่ที่จริงจัดงานวันเกิดน้องชายที่กลับมาจากอังกฤษ โดยส่วนตัวแล้วดิฉันเป็นคนไม่ชอบโกหก
และครั้งนี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่โอโกหก ดิฉันเสียความรู้สึกมากที่เป็นเพื่อนกันแต่ชอบโกหกกันแบบนี้จึงบอกโอว่าขอไปนวดที่หาดก่อนเพราะนั่งต่อคงบรรยากาศไม่ดีแล้ว
เหมือนตัวเองเป็นตัวตลก ทุกคนพูดกันเรื่องเมื่อคืนแต่โอก็สะกิดรุ่นน้องไม่ให้พูดต่อ ดิฉันกับซีจึงเรียกคิดเงินและไปนวดกันที่หาด พอตกค่ำก็แพลนจะไปพัทยากัน
แต่ระหว่างทางออกจากหาดช่วงเวลาห้าทุ่มนั้นก็มีรุ่นน้องของโอโทรมาบอกขอเคลียร์ด้วยเนื่องจากโอบอกว่าดิฉันไปด่าน้องคนนี้เสียๆหายๆ ดิฉันจึงจอดรถเพื่อต้องการอธิบาย
สิ่งที่น้องคนนี้เข้าใจผิด และได้ถามว่าที่โอบอกอะบอกว่าอะไร ดิฉันกล้าทำกล้ารับ แต่น้องเขาไม่พูด ถามหลายรอบก็ไม่พูดเอาแต่ยืนกำหมัดแน่น สุดท้ายแฟนน้องเขาก็ผลัก
น้องให้เข้ามาตบดิฉัน ซึ่งตอนที่น้องเขาขับรถมาจอดนั้นๆด้มีรถอีก3คุนมาจอดปิดล้อมเป็นครึ่งวงกลม มีผู้ชายทั้งหมด ประมาณ8-9คนและน้องผู้หญิง2คน(จำได้คร่าวๆนะคะ)
เนื่องจากชุลมุนมากเพราะแๆนน้องเขาให้เพื่อนผู้ชายเข้ามาล็อกแขนดิฉันและซ้อม นอกจากนี้ยังมีลากศรีษะดิฉันลงไปโคกกับพื้นถนน เมื่อพวกเขาซ้อมจนสมใจก็มีผู้ชายคนที่
ล็อกแขนดิฉันเข้ามาเตะที่ซี่โครง และมีน้องชายของโอเข้ามาข่มขู่ตอนที่ดิฉันนอนอยู่บนพื้นว่าห้ามยุ่งกับพี่สาวเขาอีก และห้ามมาซ่าที่บางแสนอีก
หลังจากเกิดเรื่องดิฉันได้ไปแจ้งความ ใจจริงต้องการดำเนินคดีต่อ เนื่องจากบุคคลเหล่านี้ถือว่าพ่อแม่เป็นคนมีชื่อเสียงในชลบุรี สามารถทำอะไรตามใจก็ได้(เนื่องจากพ่อใหญ่)
แต่ก็กลีวว่าคนเหล่านี้จะมาเอาคืนภายหลังอีกจึงโทรหาตำรวจที่รับเรื่องไว้บอกว่าถ้าจะถอนแจ้งความได้หรือไม่ ตำรวจบอกว่าไม่ได้เพราะเป็นคดีอาญา หลังจากนั้นอาการจาก
การโดนซ้อมครั้งนี้เริ่มเห็นชัดขึ้นเรื่อยๆเช่นเรื่องของความทรงจำ การพูดจา สภาพจิตใจ โดยได้ไปรับการรักษาที่โรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่ง โดยแต่ละครั้งที่ไปหาจะมี
ค่า้จ่ายประมาณ6-7000สำหรับการพบหมอต่อ1ท่าน เนื่องจากมียาที่ทางหมอสั่งให้ด้วย ดิฉันจึงโทรหาตำรวจท่านนี้อีกครั้งและถามว่ากรณีที่บอกว่าถอนแจ้งความไม่ได้นั้น
หากดิฉันขอดำเนินคดีต่อได้หรือไม่ ตำรวจตอบกลับมาว่าไม่ได้เพราะเขาได้ปิดคดีและทำเรื่องส่งผู้กำกับไปแล้ว
กรณีแบบนี้ดิฉันสามารถทำอะไรได้บ้างคะ เพราะถูกซ้อมทั้งๆที่ไม่รู้สาเหตุจริงๆ ส่วนน้องชายโอนั้น นี่ก็เป็นครั้งแรกที่เจอตัวเป็นๆตั้งแต่เป็นเพื่อนกันมา8ปี เพราะน้องชายเขา
อยู่บางแสนส่วนโอเรียนอยู่กรุงเทพ สิ่งที่เกิดตามมาจากอุบัติเหตุครั้งนี้คือ ความจำดิฉันสั้นลง พูดไปสักพักก็ลืมโดยหมอได้เอ็กเรและบอกว่าสมองส่วนหน้าทำงานไม่ปกติ
เดิมจากเป็นคนที่กล้าไปไหนมาไหนคนเดียวแต่ตอนนี้กลับไม่อยากออกไปไหนคนเดียว จากเป็นคนพูดภาษาอังกฤษคล่องแต่ตอนนี้กลับสะกดและนึกคำที่จะพูดไม่ออก
ที่แย่ไปกว่านั้นคือดิฉันเพิ่งเปิดบริษัทของตัวเองซึ่งคุณพ่อช่วยลงทุนให้ ทำเกี่ยวกับเครื่องหนังนำเข้าทำให้ดิฉันไปติดต่อเรื่องหนังจระเข้าที่นั่นเนื่องจากเป็นแหล่งที่ถูก แต่ตอนนี้
ครอบครัวให้กลับไปอยู่บ้านที่ต่างจังหวัด และไม่ให้ไปซื้อหนังจระเข้ที่บางแสนอีกถึงแม้จะถูกกว่าในกรุงเทพก็ตามเพราะกลัวจะเกิดเหตุการแบบเดิมทำให้ต้นทุนการผลิตดิฉัน
สูงขึ้นมาก นอกจากนี้จากคนที่มีอิสระกลับบ้านกี่โมงก็ได้กลายเป็นออกไปไหนไม่ได้ นั่งแท็กซี่คนเดียวไม่ได้เพราะพ่อแม่กังวลกลัวเขาจะส่งใครมาทำร้ายอีก
ถึงแม้ดิฉันเป็นเพียงแค่ลูกนักธุรกิจธรรมดาคนหนึ่ง แต่ก็ต้องการเรียกร้องค่าเสียหายที่เกิดและต้องการให้คนผิดรับโทษ เพราะบุคคลเหล่านั้นยังเป็นนักศึกษาอยู่
รบกวนขอคำแนะนำด้วยคะ
โดนทำร้ายร่างกายแต่เอาผิดใครไม่ได้ ขอคำแนะนำด้วยคะ
คือเมื่อ3เดือนก่อนดิฉันไปธุระเรื่องงานที่บางแสน พอตกเย็นก็ชวนเพื่อนที่เป็นที่นั่นทานข้าวแต่โอ(นามสมมุติ)ไม่ว่างเนื่องจากต้องไปธุระกับพ่อแม่และบอกว่าวันรุ่งขึ้นค่อยทาน
ข้าวเที่ยงกัน ดิฉันเองก็ไม่มีปัญหาอะไรเนื่องจากเพื่อนติดธุระจึงไปทานข้าวคนเดียว พอวันรุ่งขึ้นเป็นวันศุกร์ได้มีเพื่อนอีกคนหนึ่งตามมาจากกรุงเทพ ชื่อซี(นามสมมุติ)
เนื่องจากมีงานที่ต้องคุยกันในวันเสาร์ที่บางแสน และเพื่อนโอได้โทรมาเวลาบ่ายโมงและชวนไปทานข้าวซึ่งดิฉันได้ไปกับซี เมื่อเจอกันที่ร้านอาหารก็คุยกันปกติ
แต่มีจุดเปลี่ยนตรงที่ โอพารุ่นน้องมาด้วย3-4คนซึ่งดิฉันเองก็เคยเจอรุ่นน้องเหล่านี้2-3ครั้งเวลาที่ไปติดต่อเรื่องงานและนัดทานข้าวกับโอ ในวันนั้นรุ่นน้องได้พูดเรื่อง
งนวันเกิดที่จัดขึ้นเมื่อคืนนี้ นั่นหมายความว่าโอโกหกเรื่องไปธุระกับพ่อแม่ แต่ที่จริงจัดงานวันเกิดน้องชายที่กลับมาจากอังกฤษ โดยส่วนตัวแล้วดิฉันเป็นคนไม่ชอบโกหก
และครั้งนี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่โอโกหก ดิฉันเสียความรู้สึกมากที่เป็นเพื่อนกันแต่ชอบโกหกกันแบบนี้จึงบอกโอว่าขอไปนวดที่หาดก่อนเพราะนั่งต่อคงบรรยากาศไม่ดีแล้ว
เหมือนตัวเองเป็นตัวตลก ทุกคนพูดกันเรื่องเมื่อคืนแต่โอก็สะกิดรุ่นน้องไม่ให้พูดต่อ ดิฉันกับซีจึงเรียกคิดเงินและไปนวดกันที่หาด พอตกค่ำก็แพลนจะไปพัทยากัน
แต่ระหว่างทางออกจากหาดช่วงเวลาห้าทุ่มนั้นก็มีรุ่นน้องของโอโทรมาบอกขอเคลียร์ด้วยเนื่องจากโอบอกว่าดิฉันไปด่าน้องคนนี้เสียๆหายๆ ดิฉันจึงจอดรถเพื่อต้องการอธิบาย
สิ่งที่น้องคนนี้เข้าใจผิด และได้ถามว่าที่โอบอกอะบอกว่าอะไร ดิฉันกล้าทำกล้ารับ แต่น้องเขาไม่พูด ถามหลายรอบก็ไม่พูดเอาแต่ยืนกำหมัดแน่น สุดท้ายแฟนน้องเขาก็ผลัก
น้องให้เข้ามาตบดิฉัน ซึ่งตอนที่น้องเขาขับรถมาจอดนั้นๆด้มีรถอีก3คุนมาจอดปิดล้อมเป็นครึ่งวงกลม มีผู้ชายทั้งหมด ประมาณ8-9คนและน้องผู้หญิง2คน(จำได้คร่าวๆนะคะ)
เนื่องจากชุลมุนมากเพราะแๆนน้องเขาให้เพื่อนผู้ชายเข้ามาล็อกแขนดิฉันและซ้อม นอกจากนี้ยังมีลากศรีษะดิฉันลงไปโคกกับพื้นถนน เมื่อพวกเขาซ้อมจนสมใจก็มีผู้ชายคนที่
ล็อกแขนดิฉันเข้ามาเตะที่ซี่โครง และมีน้องชายของโอเข้ามาข่มขู่ตอนที่ดิฉันนอนอยู่บนพื้นว่าห้ามยุ่งกับพี่สาวเขาอีก และห้ามมาซ่าที่บางแสนอีก
หลังจากเกิดเรื่องดิฉันได้ไปแจ้งความ ใจจริงต้องการดำเนินคดีต่อ เนื่องจากบุคคลเหล่านี้ถือว่าพ่อแม่เป็นคนมีชื่อเสียงในชลบุรี สามารถทำอะไรตามใจก็ได้(เนื่องจากพ่อใหญ่)
แต่ก็กลีวว่าคนเหล่านี้จะมาเอาคืนภายหลังอีกจึงโทรหาตำรวจที่รับเรื่องไว้บอกว่าถ้าจะถอนแจ้งความได้หรือไม่ ตำรวจบอกว่าไม่ได้เพราะเป็นคดีอาญา หลังจากนั้นอาการจาก
การโดนซ้อมครั้งนี้เริ่มเห็นชัดขึ้นเรื่อยๆเช่นเรื่องของความทรงจำ การพูดจา สภาพจิตใจ โดยได้ไปรับการรักษาที่โรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่ง โดยแต่ละครั้งที่ไปหาจะมี
ค่า้จ่ายประมาณ6-7000สำหรับการพบหมอต่อ1ท่าน เนื่องจากมียาที่ทางหมอสั่งให้ด้วย ดิฉันจึงโทรหาตำรวจท่านนี้อีกครั้งและถามว่ากรณีที่บอกว่าถอนแจ้งความไม่ได้นั้น
หากดิฉันขอดำเนินคดีต่อได้หรือไม่ ตำรวจตอบกลับมาว่าไม่ได้เพราะเขาได้ปิดคดีและทำเรื่องส่งผู้กำกับไปแล้ว
กรณีแบบนี้ดิฉันสามารถทำอะไรได้บ้างคะ เพราะถูกซ้อมทั้งๆที่ไม่รู้สาเหตุจริงๆ ส่วนน้องชายโอนั้น นี่ก็เป็นครั้งแรกที่เจอตัวเป็นๆตั้งแต่เป็นเพื่อนกันมา8ปี เพราะน้องชายเขา
อยู่บางแสนส่วนโอเรียนอยู่กรุงเทพ สิ่งที่เกิดตามมาจากอุบัติเหตุครั้งนี้คือ ความจำดิฉันสั้นลง พูดไปสักพักก็ลืมโดยหมอได้เอ็กเรและบอกว่าสมองส่วนหน้าทำงานไม่ปกติ
เดิมจากเป็นคนที่กล้าไปไหนมาไหนคนเดียวแต่ตอนนี้กลับไม่อยากออกไปไหนคนเดียว จากเป็นคนพูดภาษาอังกฤษคล่องแต่ตอนนี้กลับสะกดและนึกคำที่จะพูดไม่ออก
ที่แย่ไปกว่านั้นคือดิฉันเพิ่งเปิดบริษัทของตัวเองซึ่งคุณพ่อช่วยลงทุนให้ ทำเกี่ยวกับเครื่องหนังนำเข้าทำให้ดิฉันไปติดต่อเรื่องหนังจระเข้าที่นั่นเนื่องจากเป็นแหล่งที่ถูก แต่ตอนนี้
ครอบครัวให้กลับไปอยู่บ้านที่ต่างจังหวัด และไม่ให้ไปซื้อหนังจระเข้ที่บางแสนอีกถึงแม้จะถูกกว่าในกรุงเทพก็ตามเพราะกลัวจะเกิดเหตุการแบบเดิมทำให้ต้นทุนการผลิตดิฉัน
สูงขึ้นมาก นอกจากนี้จากคนที่มีอิสระกลับบ้านกี่โมงก็ได้กลายเป็นออกไปไหนไม่ได้ นั่งแท็กซี่คนเดียวไม่ได้เพราะพ่อแม่กังวลกลัวเขาจะส่งใครมาทำร้ายอีก
ถึงแม้ดิฉันเป็นเพียงแค่ลูกนักธุรกิจธรรมดาคนหนึ่ง แต่ก็ต้องการเรียกร้องค่าเสียหายที่เกิดและต้องการให้คนผิดรับโทษ เพราะบุคคลเหล่านั้นยังเป็นนักศึกษาอยู่
รบกวนขอคำแนะนำด้วยคะ